วันที่ 15 มิ.ย.66 ที่ บช.สอท. พล.ต.ท.วรวัฒน์  วัฒน์นครบัญชาผบช.สอท.,พล.ต.ต.วิวัฒน์  คำชำนาญ รอง ผบช.สอท.,พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4, พ.ต.อ.อนุชา  ศรีสำโรง ผกก.2 บก.สอท.4, พ.ต.ท.วีระพล กันธวงศ์ สั่งการ พ.ต.ท.พร้อมพล นิตย์วิบูลย์  สว.กก.2 บก.สอท.4 พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุมตำรวจเก๊หลอกเอาเงินหมอ

พล.ต.ต.วิวัฒน์  กล่าวว่า สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 12 พ.ค.66 แพทย์หญิงจากโรงพยาบาลในจังหวัดกำแพงเพชร ได้มาแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกำแพงเพชร ว่าได้มีโทรศัพท์แอบอ้างว่าเป็นตำรวจ สภ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย แจ้งว่า ตนเองได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินยาเสพติด อีกทั้งมีการพูดจาโน้มน้าวจนแพทย์หญิงคนดังกล่าวหลงเชื่อ และโอนเงินไปเพื่อตรวจสอบบัญชีเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ตามที่คนร้ายกล่าวอ้าง โดยโอนไปยังหมายเลขบัญชี ธนาคารออมสิน ชื่อบัญชี นางสาวกัลญาณี ซึ่งได้โอนไปทั้งหมด จำนวน 3 ครั้ง รวมแล้วเป็นยอดเงินจำนวน 819,100 บาท หลังจากตนได้โอนเงินไปแล้วมาทราบทีหลังว่าถูกหลอก จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

กระทั่งวันที่ 14 มิ.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๒ บก.สอท.4 นำโดย พ.ต.ท.พร้อมพล นิตย์วิบูลย์ พร้อมชุดสืบสวนนำกำลังเข้าจับกุม นางสาวกัลญาณี อายุ 37 ปี ชาวจังหวัดมหาสารคาม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกำแพงเพชร ในความผิดฐาน “เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน” โดยจับกุมได้ที่ถนนสาธารณะ หน้าร้านแห่งหนึ่ง ที่ ต.ขามเรียง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

เบื้องต้น ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่าตนเองได้เปิดบัญชีธนาคารออมสิน ที่ถูกใช้ในการกระทำความผิด มาประมาณ 8 ปี แล้ว และเมื่อเดือน พ.ค.66 ที่ผ่านมาตนตกงาน และได้ค้นหาแอปกู้เงินออนไลน์ และได้พบแอปหนึ่งซึ่งมีหน้าโปรไฟล์เป็นรูปโลโก้ของธนาคารหนึ่ง ตนเองหลงเชื่อว่าเป็นแอปของธนาคารจริง จึงได้ทำการติดต่อไปเพื่อขอกู้เงินและเจ้าของแอปดังกล่าวก็ได้ให้ตนทำตามขั้นตอนต่าง ๆ เช่นการ แสกนใบหน้า ส่งรูปบัตรประจำตัวประชาชนหน้าหลังและให้ตนส่งหมายเลขบัญชีให้ หลังจากที่ทำรายการเสร็จแอปดังกล่าวแจ้งว่ารอการอนุมัติเงินกู้จากธนาคารจากนั้นไม่นานตนได้รับแจ้งธนาคารว่ามีเงินว่าได้มีเงินเข้าบัญชีธนาคารของตนแบบผิดปกติให้ตนตรวจสอบหลังจากที่ตนเองตรวจสอบพบว่ามีเงินเข้ามาในบัญชีธนาคารของเป็นเงินเกือบ 2 ล้านกว่าบาท และได้มีการกดเงินออกจากบัญชีของตนเช่นกัน โดยที่ตนเองไม่ได้เป็นคนทำธุระกรรมดังกล่าวเลย และหลังจากนั้นก็มีเงินเข้ามาในบัญชีดังกล่าวของตนเรื่อยมา จนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งกับธนาคารเพื่อทำการอายัติบัญชีของตน จากการตรวจสอบบัญชีทราบว่าตอนนี้มียอดเงินที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งอายัติกับธนาคารไว้เป็นเงินในบัญชีกว่า 2 ล้านบาท

เตือนภัย กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ขอเตือนพี่น้องประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อการโทรมาหลอกว่าว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยงานต่างๆ อาทิเช่น ตำรวจ ศาล อัยการ สรรพกร เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. เจ้าหน้าที่ธนาคารต่างๆ เป็นต้น ว่าตนเองได้มีการกระทำความผิดกฎหมายต่างๆ และให้หลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินให้ ซึ่งตอนนี้มีแก็งมิจฉาชีพจำนวนมากซึ่งคอยหาวิธีการต่างๆเพื่อมาหลอกลวงพี่น้องประชาชน ก่อนที่จะโอนเงิน หรือทำธุระกรรมต่างๆ ควรตรวจสอบให้ดีก่อน เพื่อที่จะไม่ได้ตกเป็นเหยื่อของแก็งมิจฉาชีพต่อไป