วันที่ 14 มิ.ย.66 ผศ.ดร.พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย ณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Ponson Liengboonlertchai ระบุข้อความว่า  ก็ยังท่องเป็นอาขยานกันอยู่ทุกวันว่า การดูว่า ITV เป็นสื่อไหม "ไปดูๆ ว่าบริษัทมีการจดวัตถุประสงค์เป็นสื่อไหมล่ะ ก็ถ้าจดไว้ก็เป็นๆๆๆๆๆ"

คือ ช่วยไปอ่านกันบ้างก็ดีนะครับ คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดปี 2565 ก็อธิบายวางแนวไว้ชัดเจนว่าจะไปดูเพียงวัตถุประสงค์ของบริษัทตามที่ระบุไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิแต่เพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูด้วยว่ามีการประกอบกิจการจริงไหม ซึ่งก็มีเกณฑ์ดูอีก

เห้อ......

___________________________________________________________

#มีทุกศาลแล้ว มาดูแนวของศาลปกครองสูงสุด (#ที่ประชุมใหญ่)

วางหลักว่า “การที่จะพิจารณาว่า บุคคลนั้นต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นกรรมการ หรือผู้ถือหุ้น #ในบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านกิจการกระจายเสียง นั้น #จะต้องพิจารณาตรวจสอบตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ปรากฏ ว่า ได้ประกอบกิจการจริงหรือไม่ #มิใช่พิจารณาเพียงวัตถุประสงค์ของบริษัท เท่านั้น”

#คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 963/2565 (#ประชุมใหญ่)

#คดีนี้ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 #ได้มีประกาศการรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ ฯ ต่อมา พบว่า ผู้ฟ้องคดีมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 7 ข. (12) แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ที่บัญญัติห้ามมิให้ผู้สมัคร #เป็นหรือเคยเป็นกรรมการ หรือผู้ถือหุ้นในบริษัทที่ประกอบกิจการด้านกิจการกระจายเสียง และโทรทัศน์

#แต่ผู้ฟ้องคดีเป็นกรรมการและเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท ท. ซึ่งมีวัตถุประสงค์ 9 ข้อ โดยข้อ ( ระบุว่า “#ประกอบกิจการโทรคมนาคม อินเทอร์เน็ต...” #ผู้ฟ้องคดีจึงไม่ผ่านการคัดเลือก และนำคดีมาฟ้องต่อศาล

คดีนี้ #ศาลปกครองสูงสุดโดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า #กรณีลักษณะต้องห้ามข้างต้น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ จะต้องพิจารณาตรวจสอบตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ปรากฏว่า บริษัทได้ประกอบกิจการจริงหรือไม่ มิใช่พิจารณาเพียงวัตถุประสงค์ของบริษัท เท่านั้น

#เมื่อพิจารณาพยานหลักฐานเห็นว่า #บริษัท ท. #ไม่ได้ประกอบกิจการใด ๆ แต่ยังคงรักษาบริษัทไว้ #เนื่องจากปัญหาเจ้าหนี้และลูกหนี้ และในช่วง พ.ศ. 2547 #บริษัทได้เริ่มหยุดดำเนินกิจการ เนื่องจากบริษัทประสบปัญหาทางการเงิน แต่ยังไม่สามารถปิดบริษัทได้ เนื่องจากต้องสะสางบัญชี โดยส่งเอกสารงบการเงินย้อนหลังตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 ถึงปี พ.ศ. 2552 ว่าบริษัทมิได้ทำธุรกิจใด ๆ เพิ่มเติม #ข้อเท็จจริงจึงยังไม่แน่ชัดว่าบริษัทดังกล่าวได้มีการประกอบกิจการโทรคมนาคมตามที่ระบุไว้ในวัตถุประสงค์ ของบริษัทหรือไม่

#การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 #ได้พิจารณาวัตถุประสงค์ของบริษัทตามที่ระบุไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิแต่เพียงอย่างเดียว แล้วมีมติว่า #บริษัทดังกล่าวได้ประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานอื่นใดที่แสดงให้เห็นว่าทั้งสองบริษัทดังกล่าวได้ประกอบกิจการโทรคมนาคม #กรณีจึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ดังนั้น #การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 #มีมติว่าผู้ฟ้องคดีเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 7 ข. (12) แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ ฯ #จึงเป็นมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

 

 

ขอบคุณ เฟซบุ๊ก Ponson Liengboonlertchai