วันที่ 14 มิ.ย.2566 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่ บก.สส.บช.น.พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดที่ 5 เปิดเผยถึงกรณีแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ (สแกมเมอร์) ออกระบาดหนักในช่วงปี พ.ศ. 2565 จนถึงปัจจุบัน สร้างโปรไฟล์หนุ่มหล่อ/สาวสวยปลอมขึ้นมาออกอุบาย ทำทีเข้ามาติดต่อพูดคุย ตีสนิทจนกลุ่มเหยี่อผู้เสียหาย จนเหยื่อตายใจ บางรายถึงขั้นหลงรัก หลอกให้ร่วมลงทุนจนหมดตัว สูญเงินหลายล้านบาท   สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.  และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. (PCT)  สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์  ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดที่ 5  นำชุด PCT5 เร่งติดตามสืบสวน ขยายผล จนสามารถออกหมายจับสมาชิกแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์   และสามารถเข้าจับกุมเครือข่ายสมาชิกได้อย่างต่อเนื่อง จำนวน 6 ราย  

โดยได้ให้ข้อมูลว่าตัวการสำคัญ คือ นายสุรชัย ล่ามภาษาไทย-จีน คนสนิท บอสใหญ่มังกรจีน ตัวการสำคัญในขบวนการนี้ ซึ่งทำหน้าที่แปลเทคนิค ขั้นตอนการเรียนรู้ การพูดจูงใจ สร้างแรงบันดาลใจ ในการนำมาใช้หลอกลวงเหยื่อโดยเฉพาะ จากบอสใหญ่ให้แก่พนักงานลูกจ้างที่ทำหน้าที่ แถว 1 แถว 2 และ แถว 3 อย่างเป็นระบบ ไม่ต่างจากบริษัททั่วๆไป  สร้างมูลค่าความเสียหายกว่า 16 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่สืบสวนติดตามมากว่า 1 ปีอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2566  พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดที่ 5 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. / รอง หน. PCT ชุดที่ 5, พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์  ทองแพ, พ.ต.อ.สามารถ พันธ์ล้วน , พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี, พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ จงเจริญ, พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ, ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพ รอง สว.กก.สส.2 บก.สส.ภ.2, ร.ต.อ.หญิง ธิดารัตน์ ผดุงประเสริฐ ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5, ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) นำกำลังสืบสวนติดตามจับกุมนาย สุรชัย หรือ อาฟู่  อายุ 27 ปี ที่อยู่ 551 ม.1 ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 39๕/2565 ลง 13 ส.ค.65  

โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น , ร่วมกันเป็นอั้งยี่ , ร่วมกันเป็นซ่องโจร , ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และร่วมกันฟอกเงินฯ” โดย จับกุมตัวบริเวณ หน้าหอพักคนงาน บริเวณ ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

จากการสอบถามนายสุรชัย ให้การภาคเสธว่า ประมาณปี 64 นายสุรชัย พร้อมกับนายสุรจิต (น้องชาย) ได้สมัครงานผ่านเฟซบุ๊ก เพื่อไปเป็นล่ามแปลภาษา จีน-ไทย ที่สีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา โดยจะได้ค่าตอบแทนประมาณ 30,000 - 40,000 บาท เมื่อตนกับนายสุรจิต เดินทางไปถึงกัมพูชาปรากฏว่า ตนเองถูกพาไปทำงานที่ “เกาะกง” แทน โดยทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษาจีนจากหัวหน้าชาวจีน ซึ่งไม่ทราบชื่อจริง แต่พนักงานที่นั้นจะเรียกกันว่า “หยู่เกอ” โดยตนจะทำหน้าที่ล่ามแปล คำพูดของนายหยู่เกอเป็นภาษาไทยให้กับพนักงานที่ทำงานที่นั่น

โดยทราบว่า ที่คนไทยไปทำงานนั้น เป็นงานในลักษณะคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้ลงทุนซื้อขายเงินสกุลดิจิทัล คริปโตเคอเรนซี่ ซึ่งนาย “หยู่เกอ” เป็นคนสร้างแอปพลิเคชั่นปลอมนี้ขึ้น หลังจากตนทำงานได้ 6 เดือน ตนได้หลบหนีกลับประเทศไทย และได้สร้างครอบครัว เปิดกิจการร้านเหล้า ณ ภูมิลำเนาของตน ใน ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย และต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนและทราบว่า นายสุรชัย มาทำธุระ ในพื้นที่ อ.ศรีราชา จว.ชลบุรี จึงได้เข้าทำการควบคุมตัวและจับกุมนายสุรชัยฯ ส่งนำพนักงานสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาฯ จ.ปทุมธานี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทราบว่า แผนประทุษกรรมของแก็งค์สแกมเมอร์กลุ่มนี้ จะเป็นเริ่มเปิดปฏิบัติการโดยจะใช้โปรแกรมสร้างแฟลตฟอร์มปลอมที่ชื่อว่า “surlars-pro.com” และ “biteeb.com” เพื่อหลอกให้ลงทุนซื้อขายเหรียญคริปโตฯ จากนั้น นาย “หยู่เกอ” บอสใหญ่ชาวจีน จะให้นายสุรชัยฯ ผู้ถูกจับ และนายสุรจิตฯ ทำหน้าที่ล่ามในการแปล ถอดคำพูดและวิธีการสอนให้พนักงานที่มาทำงาน ในการสร้างโปรไฟล์ หนุ่มหล่อ สาวสวย หน้าตาดี ทางแอปพลิเคชั่น ผ่านทางกูเกิ้ลหรือโปรแกรมมาริโอ้ที่สร้างไว้โดยเฉพาะ เช่น twitter จำนวน 10-40 บัญชี และ  Instragram จำนวน 1 บัญชี และ facebook จำนวน  1 บัญชี

ซึ่งเฉพาะการสมัครแอปพลิเคชั่นทวิตเตอร์ (twitter) จะมีระบบโปรแกรมมาริโอ้ที่สร้างไว้สุ่มเข้ามาพูดคุยและทักทายทำความรู้จัก ตีสนิทติดตามเหยื่อก่อน เมื่อเหยื่อรับเป็นเพื่อนและติดตามคนร้ายกลับมา จะมีข้อความที่ตั้งไว้ตอบกลับอัตโนมัติในลักษณะคำทักทายเป็นประจำทุกวันอย่างต่อเนื่อง จนเหยื่อเริ่มพูดคุย มีการสนทนาโต้ตอบ กลุ่มมิจฉาชีพจะเริ่มใช้จิตวิทยาและประสบการณ์ที่ได้รับการถ่ายทอดจาก บอสใหญ่ ในการสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล อาทิ ชื่อ อายุ งาน ประเทศ เบอร์โทร วอทแอพ (WhatsApp) หากเหยื่อรายใดเริ่มมีความคุ้นเคย จะถามถึงสภาพคล่องทางการเงิน รายรับ-รายจ่ายของเหยื่อ จนกลุ่มแก๊งสแกมเมอร์กลุ่มนี้ สามารถวิเคราะห์และประเมินได้ว่า เหยื่อมีรายได้และมีความสามารถในการลงทุน คนร้ายจะชักชวนเหยื่อร่วมลงทุน โดยให้เหยื่อดาวน์โหลดแพลตฟอร์ม bitkub, M.omxmax, Binace และ Letraders พร้อมทั้งสอนวิธีการซื้อขายเงินสกุลดิจิทัลคริปโตเป็น USDT, LTC, GLOE, BTC, ETH, WPE แนะนำเชิญชวนให้ลงทุนโอนเงินดอลล่าร์และจะให้เห็นว่าลงทุนแล้วได้กำไรและถอนเงินได้จริง เปลี่ยนให้เป็นเงิน USDT

จนพอเหยื่อลงทุนแล้ว ก็จะให้โอนเงิน USDT เข้าไปใน แพลตฟอร์ม ชื่อว่า “surlars-pro.com” และ “biteeb.com” ที่สร้างขึ้นปลอม เพื่อเป็นการเลี้ยงเหยื่อ ให้ลงทุนเพิ่ม นาย “หยู่เกอ” จะทำการหลอกลวงโดยสร้างกราฟปลอมแสดงกราฟขาขึ้น ให้เหยื่อดูเพื่อแสดงยอดเงินกำไรโชว์ให้เหยื่อ เพื่อให้เหยื่อลงทุนเพิ่ม หากเหยื่อจะถอนเงินที่ได้จากผลกำไร ทางแก็งมิจฉาชีพนี้ จะมีการเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมเพื่อจ่ายเป็นค่าภาษี หากไม่ชำระภายในกำหนด ก็ไม่สามารถจะถอนเงินดังกล่าวได้ จึงเป็นการหลอกผู้เสียหายซ้ำไปซ้ำมา จนเกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ พล.ต.ต.ธีรเดชฯ หัวหน้าชุด PCT 5  กล่าวว่า  ผบ.ตร.สั่งตรงให้ติดตามจับกุม อาฟู่ มือขวาบอสใหญ่ชาวจีน แก็งค์คอลเซ็นเตอร์ (สแกมเมอร์) จุดเกาะกง กัมพูชา  ซึ่งเป็นบุคคลที่ทางการไทยต้องการตัวมาก เพราะเป็นคนสอนเทคนิคการหลอก คอลเซ็นเตอร์ แถว 1 - แถว 3 โทรมาหลอกคนไทย แม้มีปัจจัยด้านต่างๆ แต่เราเกาะติด เฝ้าติดตามคนร้ายมาโดยตลอด เพื่อเป็นการตัดรากถอนโคนองค์กรอาชญากรรมแก๊งนี้ให้สิ้นซาก ป้องกันมิให้ประชาชนคนไทยตกเป็นเหยื่อตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เร่งรัดเดินหน้าปราบปรามขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์อย่างจริงจังต่อไป

ดังนั้นจึงขอเตือนประชาชนที่คิดจะไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านนั้น ควรจะตรวจสอบให้แน่ใจเสียก่อนว่า อาชีพหรือลักษณะงานที่จะไปทำนั้นเป็นในลักษณะแก๊งคอลเซนเตอร์หรือไม่ และขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนคนไทยอย่าได้หลงเชื่อกลวิธีเของแก๊งคอลเซนเตอร์ (สแกมเมอร์) ที่ชักชวนลงทุน หรือหากท่านมีเบาะแสสามารถติดต่อไปยัง สายด่วน 1441 ตำรวจไซเบอร์ หรือ ศูนย์ ศปอส.ตร. 081-8663000 ผู้เสียหายสามารถแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.com หากมีเบาะแสการกระทำความผิด โปรดแจ้งมายังเพจ “สืบนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที