วันที่ 14 มิ.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณ พลไชย อายุ 53 ปี บ้านเลขที่ 397 หมู่ที่ 1 บ้านหนองคู ตำบลหนองคู อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธรพร้อมครอบครัวยังประกอบอาชีพการทำนาแบบดั่งเดิมไม่ได้วิ่งตามเทคโนโลยีหรือการทำนาสมัยใหม่แบบเกษตรกรทั่วไปที่ใช้รถไถและหว่านเมล็ดข้าวแต่ นายทักษิณฯชาวบ้านหนองคูยังใช้ควายไถนาและทำการปักดำด้วยมือซึ่งเป็นแห่งเดียวในจังหวัดยโสธรที่ยังได้พบเห็นที่ยังรักษาวัฒนธรรมการทำนาปลูกข้าวแบบดั่งเดิมและที่สำคัญลดต้นทุนและได้ข้าวที่ปลอดสารพิษเพราะทำการเกษตรอินทรียไม่ใช้ปุ๋ยเคมีแต่อย่างใด
นายทักษิณ พลไชย อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 397 หมู่ที่ 1 บ้านหนองคู ตำบลหนองคู อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร กล่าวว่าตนและครอบครัวได้ทำนาปลูกข้าวแบบดั่งเดิมในพื้นที่นาจำนวน 6 ไร่ และทำมาตั้งแต่อยู่กับพ่อแม่จนมีครอบครัวและอายุก็ 53 ปีแล้วโดยได้ทำตามขั้นตอนก่อนการทำนาทุกอย่างเริ่มตั้งแต่จัดหาอาหารทำพิธีบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางที่ปกปักรักษาให้ทราบก่อนตามความเชื่อจากนั้นเมื่อถึงวันพืชมงคลหรือแรกนาขวัญก็จะนำควายไปทำการแรกนาขวัญที่พื้นที่นาที่จะปลูกข้าวและเมื่อมีฝนตกลงมาจนมีน้ำขังพื้นที่นาก็จะนำควายไปไถนาเพื่อทำการหว่านเมล็ดพันธ์พันข้าวเพื่อที่จะนำไปปักดำนาซึ่งหว่านได้ประมาณ 45 วันต้นข้าวหรือต้นกล้าก็พอที่จะทำการปักดำได้แล้วจากนั้นก็นำควายไปไถนาอีกพร้อมทำการคราดเพื่อให้พื้นที่เรียบเสมอกันและก็ไปถอนต้นกล้ามาปักดำโดยเว้นระยะห่างตามใจชอบ
นายทักษิณฯยังกล่าวอีกว่าการทำนาแบบดั่งเดิมลดต้นทุนการผลิตได้เป็นจำนวนมากเพราะเราไม่ได้จ้างหรือเสียค่าอะไรเลยควายเราก็เลี้ยงเองได้ทั้งควายได้ทั้งฝุ่นจากมูลสัตว์เอามาใส่นาข้าวแรงงานไม่ได้จ้างคนในครอบครัวช่วยกันทำปุ๋ยเคมีไม่ได้ซื้อเพราะเราใช้มูลสัตว์ที่เลี้ยงไว้จึงไม่มีค่าใช้จ่ายส่วนอาหารเราก็จับกบหรือปักเบ็ดจับปลาในทุ่งนาของเรามาประกอบเป็นอาหารรับประทานกันและที่สำคัญเราทำนาอินทรีย์ได้อาหารที่ปลอดสารพิษอีกด้วย