เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 13 มิ.ย. 66 ที่สมาพันธ์ SME ไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล พร้อมทีมเศรษฐกิจ เดินทางมาร่วมหารือกับนายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์ และคณะ โดยภายหลังการหารือกว่า 1 ชั่วโมง 30 นาที นายพิธาได้แถลงความคืบหน้า ว่า ได้พูดคุยถึงทิศทางการบริหารเศรษฐกิจแบบมหภาค และลงลึกถึงสถานการณ์ของเอสเอ็มอี โดยเฉพาะสถานการณ์ภายในช่วงวิกฤต โควิด-19 ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน และเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว จะเห็นว่าในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เงินกู้และสัดส่วนของเอสเอ็มอีต่อจีดีพีของแต่ละประเทศหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง รวมถึงได้สอบถามความต้องการของทางสมาพันธ์เอสเอ็มอี ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องสมุดปกขาว และการชี้แจงนโยบายสำคัญสำคัญ ที่จะมีส่วนช่วยเอสเอ็มอี ทั้งหวยใบเสร็จ หรือการผ่านกฎหมายต่างๆ เพื่อที่จะตั้งสภาเอสเอ็ม แม้ว่าขณะนี้ จะเป็นเพียงสมาพันธ์ แต่ต่อไปเราอยากจะทำให้เป็นสภาเพื่อให้เป็นระดับเดียวกับสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า เพื่อสร้างโอกาสและแต้มต่อในการต่อรอง และสามารถตัดลดต้นทุนทางพลังงาน ดอกเบี้ย และกฎหมายที่ไม่จำเป็น ที่ส่งผลต่อต้นทุนของเอสเอ็มอี รวมถึงการขอใบอนุญาตต่างๆ จากทางราชการ

ด้านนายแสงชัย กล่าวว่า วันนี้เป็นโอกาสดี ที่ทางนายพิธาได้มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมถึงแนวทางในการที่พรรคก้าวไกล จะมีทิศทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะผู้ประกอบการ เอสเอ็มอีอย่างไรในอนาคต ซึ่งเราได้ใช้เวลาแลกเปลี่ยนทั้งในช่วงเช้าและช่วงบ่ายอย่างเข้มข้น โดยมีข้อสรุปที่เห็นตรงกัน ในเรื่องของมาตรการปลุกเศรษฐกิจฐานราก และการกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่นด้วยหวยใบเสร็จ ซึ่งเป็นแนวทางที่น่าสนใจ และเรายินดีที่จะสนับสนุน รวมถึงการคุยในเรื่องของสัดส่วนจีดีพีของเอสเอ็มอี การทำเอสเอ็มอีวอลเล็ต โดยนายพิธาก็มีแนวทางจะแก้ปัญหาการแก่ก่อนรวย เรื่องที่สองคือการแก้ปัญหาในเรื่องของต้นทุน และค่าครองชีพที่จะนำไปสู่การบรรจุในนโยบายที่จะสามารถลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการในมิติต่างๆ และส่งเสริมผู้ประกอบการให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ รวมถึงแหล่งทุนต้นทุนต่ำโดยพรรคก้าวไกล และสมาพันธ์เห็นตรงกันว่า จะต้องมีกองทุนหรือช่องทางที่ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยได้รับโอกาส และใช้ประโยชน์จาก แหล่งทุนต้นทุนต่ำ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อย อีกทั้ง ยังจะต้องฟื้นฟูผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 และยังพูดคุยถึงการยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และภาคแรงงานซึ่งเราเห็นว่า มีความต้องการที่จะดึงแรงงานนอกระบบเข้ามาสู่ระบบเป็นจำนวนมาก การอัพสกิลในภาคแรงงานให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเพิ่มรายได้ของผู้ประกอบการ และแรงงาน ส่วนเรื่องสุดท้าย คือการแก้ไขปัญหากฎหมายที่เป็นอุปสรรค สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ด้วยความเห็นพ้องต้องกันว่า จะต้องมีการทบทวน และแก้ไขกฎหมายร่วมกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ทางสมาพันธ์และพรรคก้าวไกลจะมีคณะทำงานร่วมกัน เพื่อตอบโจทย์ และเป็นกระบอกเสียงในการดำเนินการตั้งสภาเอสเอ็มอีร่วมกันต่อไป 

“ความสำเร็จในวันนี้ คือแนวทางการทำงานของพรรคก้าวไกล ที่เกี่ยวกับนโยบายที่ตอบโจทย์ และแตกต่างไปจากเดิม จะเป็นการสร้างมิติใหม่ของเศรษฐกิจฐานราก ในการที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จะใช้กลไกของผู้แทนราษฎร ที่จะเข้าไปทำงาน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลได้ตรงตามสภาพปัญหา และอุปสรรคของเรา” นายแสงชัย 

นายพิธา กล่าวเสริมด้วยว่า สาระสำคัญของการช่วยเอสเอ็มอีของเราก็คือ “เพิ่มรายได้” ด้วยหวยใบเสร็จช่วยเอสเอ็มและ ให้เอสเอ็มอีมีแต้มต่อจากการเพิ่มรายได้ “ลดรายจ่าย” คือการลดต้นทุนพลังงาน หรือต้นทุนทางการเงินที่เอสเอ็มอีเข้าถึงได้ยาก ที่ทำให้มีการกู้นอกระบบ และ “การขยายโอกาส” คือ การเพิ่มโอการสในการต่อรอง สิ่งที่ทางสมาพันธ์ขอมาก็คือการตั้งสภาเอาเอ็มอี ให้ได้มีโอกาสพูดคุยกับรัฐบาล และภาคส่วนอื่นๆ ยกตัวอย่าง เช่น การขึ้นดอกเบี้ย ที่ส่งผลกระทบต่อพี่น้องเอสเอ็มอี แต่ทางสมาพันธ์ไม่ได้มีโอกาสไปพูดคุยกับส่วนอื่นๆ โดย 3 สิ่งนี้ เราจะเร่งดำเนินการหลังการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อ “เพิ่มรายได้-ลดรายจ่าย-ขยายโอกาส” ให้กับเอสเอ็มอี

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิธาจะต้องเดินทางไปที่ท่าอากาศยานต่อ เนื่องจากมีกำหนดการลงพื้นที่ขอบคุณประชาชน จ.ลำพูน จ.ลำปาง และจ.เชียงใหม่ในวันที่ 14-15 มิ.ย. นี้ต่อไป