# เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.66 รายการ “ข่าว 3 มิติ” ได้นำเสนอคลิปการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี ที่จัดประชุมขึ้นเมื่อปลายเดือนเม.ย.66 ที่ผ่านมา โดยเป็นคลิปวีดีโอที่มีการร้องเรียนให้ตรวจสอบว่าไม่ตรงกับบันทึกการประชุมในเอกสาร ทั้งนี้นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุกแนะนำว่า ให้นำหลักฐานส่งมอบ กกต. โดยมีการลงนามรับรอง เพื่อให้ กกต. ใช้เป็นหลักฐานในการพิจารณา ทั้งกรณีคดี อาญา 151 และ คดี ส.ส. ถือหุ้นสื่อ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต หากมีการรับรอง ส.ส.

# นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงข่าวกรณีการถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล โดยเชื่อว่ามีการทำเป็นขบวนการเพื่อขัดขวางการตั้งรัฐบาลและไม่ต้องการให้นายพิธาได้เป็นนายกรัฐมนตรีสำเร็จ 

โดยนายชัยธวัช ตั้งข้อสงสัยว่า มีการวางแผนที่จะให้นายภานุวัฒน์ ขวัญยืน ผู้ถือหุ้นไอทีวีที่ได้รับการโอนหุ้นมาจากนายนิกม์  แสงศิรินาวิน อดีตผู้สมัครส.ส.กทม. พรรคภูมิใจไทย ชงคำถามในที่ประชุม เพื่อให้ได้คำตอบที่ตนต้องการ ว่า “บริษัทไอทีวี ยังดำเนินการเป็นสื่อมวลชนอยู่” หรือไม่

“ไม่ใช่ความบังเอิญ หรือเป็นการจัดทำเอกสารรายงานการประชุมตามแบบแผนปกติ แต่เป็นการจงใจแก้ไขให้สอดรับกับบรรดาเอกสารต่างๆที่ตกแต่งจัดทำขึ้นในภายหลังหรือไม่ พรรคก้าวไกลขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่า เราจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อปกป้องรักษาเสียงของประชาชน ผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศในระบอบประชาธิปไตยให้ได้”

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้ยื่นคำร้องการถือหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า เอกสารสำคัญที่ควรจะดูก็คือหมายเหตุประกอบงบการเงิน ไม่ใช่คำถามท้ายรายงานการประชุมที่มีการนำออกมาเผยแพร่กันในขณะนี้

นายเรืองไกร ระบุด้วยว่า ส่วนที่มีการเปิดคลิปรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นออกมากันในขณะนี้ไม่ใช่สาระสำคัญของประเด็นที่ร้อง เพราะกฎหมายเขียนว่าห้ามเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนใดๆ พยานหลักฐานที่ควรไปดูคือ 1.นายพิธา ถือหุ้นตามทะเบียนผู้ถือหุ้นหรือไม่ ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นตามรายงานการประชุม 2.ทำธุรกิจสื่อมวลชนใดๆก็ไปดูวัตถุประสงค์การจดทะเบียนบริษัท และดูจากหมายเหตุงบการเงิน 

# พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เปิดเผยว่าที่ประชุมมีการพิจารณาถึงกรณีนักศึกษามีการจัดทำประชามติให้ปาตานีแยกออกมาปกครองตัวเองจากรัฐไทย ว่า สมช.ได้เชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าวแล้ว ทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นในพื้นที่ ทั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า และตำรวจภาค 9 ก็กำลังตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริง ในเนื้อหาสาระของกิจกรรมที่จัด และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง 

ทั้งนี้จากการจัดกิจกรรมเท่าที่ทราบ เห็นว่ามีพรรคการเมืองเกี่ยวข้องด้วย ทั้งที่อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลัง ตรงนี้ขอให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งต้องอยู่ในผลการสอบสวนอยู่แล้ว ว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง