จากสถานการณ์ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่สร้างความหวาดระแวงและบั่นทอนความสัมพันธ์ของคนสองวัฒนธรรมมานานนับสิบปี ที่ทำให้ชาวมุสลิมและชาวพุทธ ร่วมกันดำเนินกิจกรรม สร้างความสัมพันธ์ที่ดี พัฒนาอาชีพ สร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้กับคนในชุมชน

นางสมปอง อัดอินโหม่ง ประธานกลุ่มข้าวพื้นบ้าน ตำบลท่าข้าม อำเภอปานาเระ จังหวัดปัตตานี กล่าวว่า พื้นที่ชุมชนบ้านทุ่ง ตำบลท่าข้าม อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี ถือเป็นพื้นที่ที่มีการทำเกษตรเป็นส่วนใหญ่ มีการทำนาเป็นอาชีพหลักเวลาว่างจากการทำนาเป็นหลัก จึงมีการรวมกลุ่มแปลงใหญ่บ้านทุ่งนา หมู่ 4 ตำบลท่าข้าม อำปานาเระ จังหวัดปัตตานี สมาชิกกว่า 70 ราย พื้นที่การปลูก 300 กว่าไร่ พันธุ์ข้าวส่วนใหญ่เป็นข้าวอายุสั้น เน้นการปลูกข้าวพื้นเมื่อ เพื่อการบริโภคและการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าว ได้มีการแปรรูปน้ำตาลแว่นเป็นอาชีพเสริมเนื่องจากพื้นที่โดยรอบที่นาข้าวและมีต้นตาลขึ้นอยู่โดยรอบเป็นจำนวนมากจึงมีอาชีพขึ้นตาลที่ยึดถือเป็นวิถีชีวิตต่อกันมาหลายชั่วอายุคน โดยนำน้ำหวานจากตาลโตนดมาทำเป็นน้ำตาลแว่น ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นตรงที่มีรสหวานหอมจากน้ำตาลโตนดแท้ ทางกลุ่มได้มีการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าว อาทิ ข้าวสาร ข้าวเปลือก ผลิตภัณฑ์แป้งทำขนมที่แปรรูปจากข้าวพื้นบ้าน และแปรรูปขนมต่างๆ โดยใช้ข้าวเป็นหลักผสมกับวัตถุดิบในชุมชนตามออเดอร์ในช่วงเทศกาลและประเพณีต่างๆของคนในชุมชน ซึ่งเกษตรกรจะมุ่งเน้นการปลูกข้าวปลอดภัย ไร้สารเคมี 

นางสมปอง กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการพัฒนาผลผลิต พัฒนาชีวิตที่ดีของกลุ่มข้าวพื้นบ้าน ตำบลท่าข้าม อำเภอปานาเระ จังหวัดปัตตานี ใส่ใจในเรื่องของผลผลิต และความปลอดภัยของผู้บริโภคแล้ว ยังมีการรักษาสิ่งแวดล้อมโดยการไม่เผาตอซัง นำตอซังมาแปรรูปผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จึงคิดนำฟางข้าวจากการทำนามาต่อยอด สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ นั่นคือ เป้ายิงธนู โดยได้แนวคิดจากคุณเอ็มโซเฟียน เบญจเมธา ศิลปินผู้ก่อตั้งเบญจเมธาเซรามิก ซึ่งเป็นคนในพื้นที่และเป็นนักยิงธนู จึงลองทำโดยใช้ฟางข้าวที่ได้จากการเก็บเกี่ยว ตอซังที่เอาเมล็ดข้าวออกหมดแล้ว นำมาม้วนเป็นเส้นให้กลม ลองผิดลองถูก ดูตามตัวอย่าง ประกอบกับทางกลุ่มมีพื้นฐานเรื่องจักรสานอยู่แล้ว จึงไม่ยากนัก วัสดุหาง่าย ก่อให้เกิดประโยชน์และสร้างมูลค่าหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเป็นเป้ายิงธนู ซึ่งในแต่ละรูปแบบจะแตกต่างกัน เช่น ในการยิงธนูแต่ละระยะจะมีความกว้าง ความหนาไม่เท่ากัน ทำจนได้มาตรฐานตามความต้องการของตลาด ทำให้สินค้ามีราคาดี สร้างอาชีพ สร้างรายได้เพิ่มให้กับคนในชุมชนได้ทั่วถึง ส่งไปขายไปยังมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย 

นอกจากนี้ทางกลุ่มได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ๆ เช่น ที่รองนั่ง พรมเช็ดเท้า ที่เพาะต้นไม้ และผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง โดยใช้คุณสมบัติเด่นของซังข้าวที่มีความร้อนและอุ่นให้เป็นประโยชน์ สัตว์ชอบที่อุ่นๆ จึงนำมาทำเป็นที่นอนแมว กระต่าย ตอนนี้ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ซึ่งในการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของคนในชุมชนแห่งนี้ ได้น้อมนำศาสตร์พระราชา และคุณธรรมมาปรับใช้ในการดำรงชีวิต ถึงแม้จะต่างศาสนา แต่คนในชุมชนแห่งนี้มีความรัก ความสามัคคี มีทิศทางที่ดีที่จะพัฒนาชีวิต เสริมสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนต่อไป