พลตำรวจเอกสรุเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณี คดีอายัดบัญชีธนาคารเป็นเงินกว่า 176 ล้านบาท ของขบวนการค้ายาเสพติด ในพื้นที่ สน.ทองหล่อ ซึ่งเป็นบัญชีของชายชาวเมียนมาที่คาดว่าเสียชีวิตไปแล้วและมีการตรวจพบเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด
โดยพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ระบุว่า ล่าสุดพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีได้สรุปสำนวนส่งมาให้ตนเองแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ตนเองยังไม่ได้ดูและศึกษาสำนวนดังกล่าว จึงขอเวลาดูสำนวนก่อน ซึ่งจะมีความชัดเจนในการแจ้งข้อกล่าวหาภายในปลายสัปดาห์นี้แน่นอน ส่วนที่มีการนำเสนอข่าวว่า นอกจากผู้กำกับการ สภ.แห่งหนึ่งในจังหวัดพิจิตรแล้ว ยังมีตำรวจปราบปรามยาเสพติดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยนั้น ยอมรับว่ามีตำรวจหน่วยอื่นเข้าไปเกี่ยวข้องจริง แต่ยังไม่สามารถบอกได้ในตอนนนี้ โดยคดีนี้มีตำรวจที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 3 นาย ประกอบด้วย ผู้กำกับ 2 นาย และ ระดับรองผู้บังคับการภูธรจังหวัด 1 นาย ส่วนจะจังหวัดไหนหรือหน่วยไหน ขอให้รอความชัดเจนช่วงปลายสัปดาห์ ซึ่งทั้งหมดจะถูกดำเนินการในมาตรา 157 ส่วนข้อหาอื่นอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน
นอกจากนี้ได้มีการสอบถามว่านะมีข้าราชการ ฝ่ายปกครอง หรือ บุคคลอื่นเกี่ยวข้องกับการอายัดด้วยอีกหรือไม่นั้น ขอเวลาตรวจสอบแต่หากหลักฐานเชื่อมโยงถึงก็จะดำเนินคดีทั้งหมดเช่นกัน
ขณะเดียวกัน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เดินทางเข้ามอบรายชื่อเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันปลอมเอกสาร เจ้าของคลังน้ำมันเถื่อนที่พัก เจ้าของเรือ เจ้าของรถขนน้ำมัน คนค้าน้ำมันเถื่อน เกี่ยวพันตำรวจทางหลวงประจวบจับน้ำมันเถื่อนของคนสนิทรองอธิบดีกรมสรรพสามิต และผอ.กรมสรรพสามิต ให้กับพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งกรณีดัวกล่าวมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ระดับรองอธิบดีกรมสรรพสามิตโทรศัพท์ให้ ผอ.สรรพสามิต มาขอเจรจาให้เจ้าหน้าที่ได้ปล่อยผ่านไป แต่ชุดจับกุมได้ปฏิเสธไปนั้น โดยเชื่อว่าขบวนการนี้ดำเนินการมาแล้วกว่า 5 ปี ทั้งยังมีความเชื่อมโยงกับตำรวจภูธรภาค 1 ด้วย เชื่อว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการทลายขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ และในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 1 ด้วย
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ข้อมูลที่ได้รับในวันนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง และจะนำข้อมูลที่ได้ไปขยายผลต่อไป ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เร่งรัดการปราบปรามการส่งออกน้ำมันเถื่อนที่ไม่เสียภาษีอย่างถูกต้อง ทำให้ทำให้ผู้ประกอบการที่ดำเนินการตามกฎหมายต้องเสียเปรียบ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ปรายปรามจับกุมตัวการใหญ่ในธุรกิจค้าน้ำมันเขียวแล้ว ยืนยันว่าหลังจากนี้จะดำเนินการปราบปรามการค้าน้ำมันเถื่อนอย่างเด็ดขาดต่อไป