เมื่อเวลา 08.09 น. วันที่ 9 มิ.ย. 66 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดพิธีบวงสรวงศาลพระพรหม ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปี กกต. พร้อมชูแนวคิด “เส้นทางการจัดการเลือกตั้ง สู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืน” โดยมี นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. และนายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. พร้อมด้วยคณะที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และคณะร่วมพิธี
จากนั้นในเวลาประมาณ 10.00 น. นายอิทธิพร ได้เป็นประธานในพิธีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย และสักการะเจริญพระพุทธมนต์ โดยพระภิกษุสงฆ์จากวัดอาวุธวิกสิตาราม และกล่าวสัมโมทนียกถ ก่อนจะถวายภัตตาหารเพล และถวายเครื่องจตุปัจจัยไทยธรรม
ต่อมาในเวลา 11.00 น. นายอิทธิพร ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีภายหลังจากที่กกต.มีมติ ให้มีการนับคะแนนใหม่ 47 หน่วยเลือกตั้ง ใน 16 จังหวัด ว่า การนับคะแนนใหม่ เป็นมติที่กกต. ประชุมไปเมื่อวันก่อน ซึ่งเห็นว่าในกรณีที่คะแนนมีข้อผิดพลาด จึงต้องให้นับคะแนนใหม่ โดยกระบวนการนับใหม่ จะต้องไม่ทำให้ล่าช้า คิดว่าไม่เกิน 5 วัน ก็น่าจะเสร็จเรียบร้อย และส่งผลการนับคะแนนมาให้กกต.อีกครั้งหนึ่ง เมื่อถามย้ำว่า กฎหมายให้อำนาจกกต.วินิจฉัยว่า ถ้าไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงลำดับส.ส. ก็ไม่ต้องนับคะแนนใหม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า คงไม่ เพราะนับเป็นบางหน่วย เพียงแค่ 47 หน่วย เมื่อทราบแล้วว่าจำนวนบัตร กับจำนวนผู้ที่มาใช้สิทธิในวันเลือกตั้งเท่าไหร่ ตัวเลขการนับคะแนนแตกต่างกันอย่างไร เราจึงต้องเปิดหีบ และนับให้ชัดเจนอีกครั้ง ว่าคะแนนขีดถูกต้องหรือไม่ และควรจะเป็นอย่างไร
ส่วนสาเหตุที่ตัวเลขไม่ตรงกัน นายอิทธิพร กล่าวว่า เป็นไปได้หลายกรณี แต่ที่แน่ๆ คือจำนวนผู้ใช้สิทธิกับจำนวนบัตรเท่ากัน แต่จำนวนขีดคะแนนผิดพลาด และเมื่อนับคะแนนแล้วพบข้อผิดพลาด ทำให้ต้องนับคะแนนใหม่ในหน่วยที่มีปัญหาอีกครั้ง สำหรับข้อกังวลที่จะมีหน่วยเลือกตั้งใดต้องนับคะแนนใหม่เพิ่มเติมอีกหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ขณะนี้ไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน เพราะยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา อาจจะมีจำนวนไม่มาก หรือไม่มีอะไรเลยก็ได้
“ทุกอย่างทำตามกระบวนการกฎหมายทั้งหมด ไม่งั้นก็ไม่มีอะไรยึดถือ ทำตามอำเภอใจไม่ได้” นายอิทธิพร กล่าว
เมื่อถามอีกว่า การนับคะแนนใหม่ จะมีผลต่อลำดับคะแนนของแต่ละพรรคหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า เป็นอีกกรณีหนึ่ง ซึ่งเป็นกรณีบัตรและผู้มาใช้สิทธิไม่ตรงกัน ทั้งนี้ ตามกฎหมายที่แก้ไขฉบับใหม่ มาตรา 122 ระบุว่า กกต.อาจจะใช้ดุลพินิจดูว่าคะแนนเขตนั้นไม่มีผลต่อการเลือกตั้งใหม่ และอาจจะให้ยุติเรื่องได้ เป็นคนละกรณีกัน
เมื่อถามว่า จะสามารถรับรองว่าที่ส.ส.ไปก่อนเป็นรายบุคคลได้หรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ไม่ได้ เพราะเป็นประเด็นทางกฎหมาย ซึ่งในกฎหมายระบุว่าต้องประกาศอย่างน้อยร้อยละ 95 จะทยอยประกาศแบบการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่ได้
ส่วนกรณีที่มีคำร้องเรียนว่าที่ส.ส. 20 คน มีบุคคลเข้าข่ายมีความผิดหรือไม่นั้น นายอิทธิพร กล่าวว่า ยังพูดไม่ได้ เพราะยังเป็นคำร้องที่จะต้องพิจารณาว่า จะรับไว้พิจารณาหรือไม่ ถ้าไม่รับต้องให้กกต.เป็นคนตัดสินใจว่าไม่รับ แต่ถ้ารับแล้ว ต้องสืบสวนไต่สวนตามระเบียบ ซึ่งจะเริ่มจากการตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน สอบพยาน หาหลักฐาน ให้ความเห็นว่าควรจะดำเนินการอย่างไร
เมื่อถามต่อว่า จะสามารถเริ่มพิจารณารับรองส.ส.ได้เมื่อใด เนื่องจากในสัปดาห์ก็จะครบ 30 วัน ภายหลังจากการเลือกตั้งแล้ว และกรณีข้างต้นจะส่งผลให้การรับรองล่าช้าไปอีกหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า กฎหมายมาตรา 127 ระบุว่า ให้กกต.ตรวจสอบเบื้องต้น หากมีเหตุอันควรเชื่อว่าการเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้ามาก และต้องรับฟังรายงาน ข้อมูลข่าวสารจากแหล่งอื่นๆ รวมถึงกระบวนการคำร้องด้วย ซึ่งถ้ากระบวนการข้างต้นเสร็จแล้ว ก็สามารถประกาศผลได้เลย ในเวลาไม่เกิน 60 วัน แต่หากดำเนินการไม่ทันภายในเวลา 60 วัน กกต.ก็จะประกาศรับรองผลไปก่อนแล้วไปดำเนินการในภายหลัง โดยคาดว่าในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนว่าจะสามารถประกาศรับรองผลได้เมื่อไหร่ เพราะกกต.เองก็ไม่อยากให้ล่าช้า
นายอิทธิพรยังกล่าวถึงกรณีคำร้องการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ด้วยว่า ขณะนี้มีการยื่นคำร้องมา 3 คำร้อง และอยู่ในขั้นตอนที่สำนักงานกกต. พิจารณาว่าจะรับเป็นคำร้องหรือไม่ และหากไม่รับเป็นคำร้อง จะรับเป็นความปรากฏต่อกกต.หรือไม่ หากรับก็จะมีการตั้งคณะกรรมการไต่สวน มาดำเนินการสืบสวนไต่สวน และเชิญผู้ถูกกล่าวหามาให้ถ้อยคำ ซึ่งกระบวนการสอบสวนสามารถทำควบคู่ไปกับการประกาศรับรองผลก็ได้
เมื่อถามว่า จะต้องไม่ประกาศรับรองนายพิธาเป็นส.ส.ก่อนหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ยังพูดอย่างนั้นไม่ได้ เวลานี้อยู่ที่ว่า เราจะรับคำร้องเรื่องนี้ไว้พิจารณาหรือไม่ และถึงแม้ว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว มีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนก็ต้องมีการให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจง ซึ่งกระบวนการทั้งหมดต้องใช้เวลา จึงไม่มีประเด็นอะไรให้ต้องไม่ประกาศรับรองผล
เมื่อถามต่อถึงกรณีที่นายพิธาได้เซ็นรับรองส่งผู้สมัครส.ส.ในฐานะหัวหน้าพรรค จะส่งผลให้ไม่ประกาศรับรองส.ส.พรรคก้าวไกลด้วยหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า “ไม่ถึงขนาดนั้น”
เมื่อถามต่อว่า ข้อบังคับพรรคก้าวไกล มีการกำหนดให้สมาชิกพรรคต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง แล้วหากนายพิธาถูกชี้ว่าผิด จะส่งผลต่อการได้รับการรับรอง ส.ส.พรรคก้าวไกลหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า เรื่องนี้ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา การให้ความเห็นเบื้องต้นทำไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่กกต.ต้องพิจารณาร่วมกัน และยังต้องใช้เวลาอีกมาก แต่เรื่องทั้งหมด เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหุ้นสื่อทั้งหมด ซึ่งการเชิญนายพิธามาชี้แจงก็ดำเนินการหลังมีการตั้งคณะกรรมการแล้ว
นายอิทธิพร กล่าวด้วยว่า ไม่ได้รู้สึกกังวลกับการที่สังคมกดดันกกต. ให้รับหรือไม่รับเรื่องร้องเรียนของนายพิธา เรารับทราบความเห็นของประชาชน แต่เราก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่สามารถละเว้นการปฏิบัติงานได้ ส่วนที่นายพิธาออกมาให้ความเห็นว่า หากได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะจัดการกับองค์กรอิสระที่ไม่อิสระนั้น ตนเห็นว่าทุกคนมีสิทธิเสนอความเห็นอและผลักดันให้เป็นไปตามนั้น เราเป็นเพียงผู้ปฏิบัติ
ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายเวลา 13.30 น. ของวันนี้ นายแสวง จะนำแถลงผลงานเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานกกต. ท่ามกลางการจับตาของสื่อมวลชน ว่าจะมีความเห็นในประเด็นข้างต้นอย่างไร