ปากกาขนนก / สกุล บุณยทัต
“แท้จริง..วันเวลาของชีวิตที่จะเป็นสมบัติส่วนตัว แห่งการปฏิบัติการอันมีคุณค่าของเรานั้นช่างแสนสั้น มันมีระยะของการดำรงอยู่ ที่มีสัดส่วนของการกระทำ อันพลิกผันอยู่ตลอดเวลาด้วยเงื่อนไขต่างไปนานา..เนื่องเพราะ..เราไม่ได้มีเวลา..แต่เราคือเวลา..มันคือวิถีแห่งสัจจะที่ยืนยันถึง..กลไกอันแยบยลของ การบริหารเวลา สำหรับการเป็นสมบัติอันเป็น นิรันดร์..ของมนุษย์เราทุกคน.."
คำกล่าวในบทเริ่มต้นนี้คือ รากเหง้าแห่งหนังสือที่ ทั้งชี้แนะและสอนสั่งเราให้ตกผลึกและเข้าใจถึงการบริหารเวลาที่สำคัญที่สุด...เท่าที่เคยมีหนังสือเช่นนี้มา!...
“ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ไม่ได้ดำเนินไปอย่างช้าๆ เหมือนการเคลื่อนตัวของธารน้ำแข็ง แต่มันเกิดขึ้นในชั่วพริบตาเดียว.."
นั่นคือ..ความคิดสำคัญที่ยืนยันอย่างแน่นอนถึงว่า..ชีวิตของเราทุกคน จะเป็นเพียงแค่การสั่นไหวเล็กหน่อยไม่ ที่ใกล้เคียงกับความว่างเปล่า ท่ามกลางความเป็นไปของสิ่งต่างไป ซึ่งเป็นแค่จุดเล็กๆ ที่อยู่ระหว่างสองช่วงเวลาอันกว้างใหญ่ไพศาล..ซึ่งก็คือ อดีตและอนาคตของจักรวาลทั้งหมด..ซึ่งทอดยาวออกไปทั้งสองด้าน..
“โอลิเวอร์ เบิร์กแมน” (Oliver Burkeman) อดีตคอลัมนิสต์มือรางวัล เจ้าของคอลัมน์ “The Column Will Change Your Life” ที่มีมายาวนานของหนังสือพิมพ์ “The Guardian” ..เขียนหนังสือเรื่องนี้ขึ้นมา ด้วยประเด็นที่หวังจะเตือนสติมนุษย์ทุกผู้ทุกคนในวันนี้อย่างเห็นแจ้ง..
“ข้าพเจ้าได้ค้นพบว่าความทุกข์ทั้งปวงของมนุษย์ เกิดมาจากข้อเท็จจริงเพียงประการเดียว คือการที่พวกเขาไม่สามารถอยู่เงียบๆได้ ในห้องของพวกเขา... “เวลา ปาสกาล” ได้เขียนเอาไว้ว่า..ถ้าพูดถึงความท้าทายของการใช้สี่พันสัปดาห์ของคุณให้ดี ความสามารถในการไม่ทำอะไร เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ เพราะถ้าคุณ ไม่สามารถทนความอึดอัด ของการไม่ได้ทำอะไร แสดงว่า คุณมีแนวโน้มสูงที่จะตัดสินใจใช้เวลาแบบผิดๆ”
ทั้งนี้ก็เพื่อจะรู้สึกว่า..ได้ทำอะไรสักอย่าง โดยใช้ทางเลือกเช่น..พยายามเร่งทำที่เร่งไม่ได้อย่างเคร่งเครียด..หรือรู้สึกว่าตนเองต้องใช้เวลาในทุกช่วงเวลา ไปกับการมีผลิตภาพเพื่อเป้าหมายในอนาคต นั่นจึงเป็น การเลื่อนความรู้สึกเติมเต็มไปไว้..ในช่วงเวลาที่ไม่มีวันมาถึง..
*เร่งทำสิ่งที่เร่งไม่ได้..
“โอลิเวอร์”..ได้เน้นย้ำและให้ความสำคัญถึงประเด็นที่ว่า..ในทางปฏิบัตินั้น..ทัศนคติแบบเปิดใจ..ยอมรับข้อจำกัดของเราที่มีต่อเวลา..ถือเป็นสิ่งที่มีความหมายถึงว่า...
“คุณจะต้องจัดการชีวิตในแต่ละวันด้วยความเข้าใจว่า..คุณจะไม่มีเวลาเพียงพอสำหรับทุกสิ่งที่คุณอยากทำ..หรือสิ่งที่คนอื่นอยากให้คุณทำแน่นอน”
เพราะฉะนั้น..อย่างน้อยที่สุด คุณก็สามารถหยุดโบยตีตัวเองที่ทำล้มเหลว..ในเมื่อการตัดสินในเรื่องยากๆ คือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้...สิ่งสำคัญคือต้องเรียนรู้ที่จะเลือกอย่างมีสติ เลือกว่าจะมุ่งความสนใจไปที่อะไร..และสิ่งไหนควรมองข้าม ..มากกว่าที่จะทำให้มันเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ...หรือหลอกตัวเองว่า ถ้าคุณขยันทุ่มเทมากพอ หรือมีเทคนิคการบริหารจัดการที่นำมาใช้ในเวลาที่ถูกต้อง...คุณอาจไม่จำเป็นต้องเลือกอะไรเลย..นอกจากนี้ยังหมายถึง การยับยั้งชั่งใจไม่ให้ “เปิดทางเลือกไว้ก่อน”...
ภูเธอภูรู้ ว่ากันว่า..ความสัมพันธ์ที่เป็นปัญหา ระหว่างเรากับเวลา โดยมากเกิดขึ้นจากความพยายามแบบเดียวกัน ในอันที่จะเลี่ยงข้อจำกัดอันน่าเจ็บปวด ของโลกแห่งความเป็นจริง..มันหมายความว่าเราไม่สามารถเลี่ยงการตัดสินใจในเรื่องที่ยาก และเราจะไม่มีเวลาพอสำหรับทุกอย่าง ที่เราเคยใฝ่ฝันอยากจะทำ..และมันเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดอีกเช่นกันที่จะต้องยอมรับว่า..คุณมีอำนาจอย่างจำกัด ในการควบคุมเวลาที่มีอยู่..ดังนั้น แทนที่จะเผชิญกับข้อจำกัดของตัวเราเอง เรากลับต้องไปหมกมุ่นอยู่กับแผนการที่จะหลีกเลี่ยงมัน เพื่อพยายามคงความรู้สึก..ไร้ขีดจำกัดไว้..
ปราชญ์คนสำคัญของโลก “นิตซ์เชอร์” ได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า.. “เพราะสำหรับเรา การไม่มีเวลาว่างพอที่จะหยุดและคิด เป็นเครื่องจำเป็นยิ่งกว่า..เพราะแท้จริงแล้ว ความเร่งรีบเป็นสิ่งสากล ทั้งนี้ก็เพราะว่า..ทุกคน พยายามที่จะหลีกหนี จากตัวเราเอง..”
“โอลิเวอร์” ได้ให้ข้อคิดโดยสรุปที่ดีต่อใจเอาไว้ว่าการนั่งบนม้านั่งในสวนสาธารณะ เป็นยาถอนพิษเพียงหนึ่งเดียวที่ดีที่สุด เมื่อคุณรู้สึกกดดันจากเวลา..มันเป็นก้าวแรกสู่อิสรภาพอันวิเศษสุด บนเส้นทางการยอมรับข้อจำกัดของตัวคุณเอง..
“ปัญหาของการที่จะหาเวลาให้กับทุกสิ่งที่คุณรู้สึกว่าสำคัญ..หรือบางสิ่งที่คุณรู้สึกว่าสำคัญ..มาก็พอ..คือคุณจะไม่มีเวลาทำได้สำเร็จหรอก..”
"ชีวิตเรามีแค่สี่พันสัปดาห์ ซึ่งคือหนังสือ..ที่เปรียบเสมือนเครื่องมือ ในอันที่จพอช่วยชีวิตของเราทุกคนให้มีความหมาย ด้วยความยินดีที่จะโอบรับข้อจำกัดของชีวิต กระทั่งนำเราไปสู่จุดสูงสุดของการมีผลิตภาพ ความสำเร็จ และความรู้สึกเติมเต็ม ดังที่ได้ว่าไว้..
“เราต่างรู้ว่าเวลาของเรามีจำกัด แต่สิ่งที่เราไม่รู้และ “โอลิเวอร์ เบิร์กแมน” ได้บอกกับเราก็คือประเด็นที่ว่า..อำนาจในการควบคุมเวลาของเราก็มีจำกัดเช่นเดียวกัน..หนังสือพิมพ์ที่มีเนื้อหาลึกกซึ้งและชวนหัวเล่มนี้..ได้กระตุ้นให้เราทบทวนการบูชาประสิทธิภาพเสียใหม่..และปฏิเสธความเชื่อผิดไป..เกียวกับความยุ่ง พร้อมทั้งออกแบบชีวิตให้เราใหม่ โดยเน้นให้ใส่ใจกับเรื่องที่สำคัญจริงๆ"
บทวิเคราะห์เชิงชี้แนะอันเป็นประโยชน์นี้เป็นของ “Daniel H. Pink” นักเขียนขายดีจาก “นิวยอร์ก ไทมส์”..
และนี่คือสิ่งที่ยืนยันถึงคุณค่าเชิงลึกของหนังสือนี้..หนังสือที่สามารถบ่มเพาะและจุดประกาย..ให้เราได้มุ่งหวังถึง การปลดแอกตัวเองจากคำสาปของยุคนี้..ที่เรียกร้องให้เรา ยัดทุกอย่างลงในเวลาที่มี..
“วาดฝัน คุณาวงศ์” แปลความหนังสือเล่มนี้ออกมาได้อย่าง..ลึกซึ้ง เข้าใจ เเละ หัวใจของความเป็นสัจธรรมมที่ยากจะปฏิเสธ..
หนังสืออันเกี่ยวกับ การบริหารเวลาที่สำคัญที่สุดเล่นนี้..จึงเสมือนหนึ่งคัมภีร์ใหม่ของการทดลองความจริง ที่จะมีชีวิตอยู่อย่างรู้ตัวทั่วพร้อม เพื่อจะปลดปลง และสร้างนิวาสถานใหม่ให้แก่สำนึกของการมีชีวิตอยู่ อย่างโลดเต้น และ ด้วยการเป็นเวลาแห่งเวลา..แท้จริง !!
“มีเหตุผลอะไร..ที่เราจะเลื่อนสิ่งที่จะเติมเต็มชีวิตของเรา..ไปไว้ “ทีหลัง” ตลอดเวลา..ในเมื่ออีกไม่นาน คุณก็จะไม่มี.. “ทีหลัง”..เหลืออีกต่อไปแล้ว..”