จากกรณีตรวจสอบพบการทุจริตภายในสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อย จำกัด ทำให้สมาชิกของสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อยไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ เนื่องจากเงินของสมาชิกที่นำมาฝากถูกเจ้าหน้าที่ภายในสหกรณ์ทำการยักยอกไปหลายสิบล้านบาท และต่อมาอดีตเจ้าหน้าที่การเงินได้ยอมรับสารภาพว่าเอาเงินไปกว่า 10 ล้านบาท เพื่อนำไปเล่นการพนัน ก่อนจะถูกแจ้งข้อหา ลักทรัพย์นายจ้าง ฝากขังที่ศาลจังหวัดพล เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2566 ที่ผ่านมา ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วอย่างต่อเนื่อง
ความคืบหน้า ล่าสุด เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 8 มิ.ย.66 ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอเปือยน้อย จ.ขอนแก่น นายชาญชัย ศรศรีวิชัย รอง ผวจ.ขอนแก่น ลงพื้นที่ติดตามและเร่งรัดการตรวจสอบเอาผิดผู้กระทำความผิด กรณีพบการทุจริตภายในสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อยโดยมี นายปิยะพงษ์ คลังทอง นายอำเภอเปือยน้อย พร้อมด้วย พ.ต.อ.เดชาธร ดีมี ผกก.สภ.เปือยน้อย ,เจ้าหน้าที่สหกรณ์จังหวัดขอนแก่น ,เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบัญชีสหกรณ์ และเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลเปือยน้อย พร้อมทั้งเชิญตัวแทนสมาชิกสหกรณ์การเกษตรที่ได้รับความเดือดร้อน 3 คนจาก 3 กรณีที่พบการทุจริต ทั้งเงินฝาก เงินหุ้น และเงินสงเคราะห์ฌาปนกิจ เข้าร่วมประชุมด้วย รวมทั้งให้สื่อมวลชนเข้าร่วมสังเกตการณ์ในที่ประชุม
พ.ต.อ.เดชาธร ดีมี ผกก.สภ.เปือยน้อย กล่าวว่า คดีที่สหกรณ์การเกษตรเปือยน้อย โดยนายไสล กองเกิด ประธานสหกรณ์ฯ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่การเงินที่ทำการปลอมใบถอนเงินออกจากบัญชีของสมาชิกที่ฝากไว้กับสหกรณ์ฯในเบื้องต้น 16 ราย ใบถอนเงิน 33 ใบ รวมเป็นเงินกว่า 12 ล้านบาท ซึ่งในเรื่องดังกล่าว ผู้ถูกกล่าวหาเข้ามอบตัวกับตำรวจ ตำรวจจึงสอบสวนและแจ้งข้อหา ลักทรัพย์นายจ้าง และส่งผู้ต้องหาฝากขังที่เรือนจำจังหวัดพล และคัดค้านการประกันตัว ในขณะเดียวกันก็ให้ทางสหกรณ์ฯหาหลักฐานเพิ่มเติม กรณีที่สมาชิกถูกถอนเงินจากบัญชี ซึ่งทางสหกรณ์แจ้งว่า พบหลักฐานเพิ่มอีกหลายสิบราย จะทยอยแจ้งความและมอบหลักฐานให้ตำรวจ ดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายเดิม ตามขั้นตอนของกฎหมาย
"นอกจากนี้ยังได้ให้ประชาชนผู้ที่ถือหุ้นของสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อย แต่ไม่สามารถถอนเงินหุ้นได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจไว้ด้วย และในกรณีที่ประชาชนซึ่งในรายที่เป็นหนี้โดยไม่รู้ตัว ไม่ได้เซ็นสัญญาเงินกู้ ซึ่งขณะนี้เข้าแจ้งความกับตำรวจแล้ว 18 ราย ซึ่งทั้งหมด ปฏิเสธหนี้จากสหกรณ์ และบางรายยังได้ใบเสร็จรับเงินจากทางสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อย ว่าชำระหนี้แล้ว ทั้งที่ยังไม่เห็นสัญญาเงินกู้ แต่ทราบว่าตัวเองเป็นหนี้ในช่วงเรื่องแดงขึ้นมาแล้ว ฝ่ายตรวจสอบจากสหกรณ์ของแก่นทำการตรวจสอบบัญชีจึงรู้ว่าเป็นหนี้ เมื่อรู้ว่าเป็นหนี้ จึงมีการสอบถามกับทางสหกรณ์ฯ และทางสหกรณ์ฯก็ตัดหนี้ให้กับชาวบ้านด้วยการออกใบเสร็จรับเงินให้ชาวบ้าน เป็นการยืนยันว่า ไม่มีหนี้แล้ว"
ผกก.สภ.เปือยน้อย กล่าวต่ออีกว่า เรื่องการเป็นหนี้โดยไม่รู้ตัวและไม่ได้ลงลายมือชื่อในสัญญาเงินกู้ ชาวบ้านจึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ ยืนยันให้ให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเอาผิดกับผู้จัดการและฝ่ายสินเชื่ออีก 2 คนที่ลงชื่อในสัญญา ส่วนรายอื่นๆแจ้งความร้องทุกข์ให้เอาผิดกับสหกรณ์ฯ สำหรับในส่วนของเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ที่ชาวบ้านเป็นสมาชิกกว่า 3,000 ราย บางคนเดือดร้อนเพราะญาติที่เป็นสมาชิกตายแล้ว สมาคมฌาปนกิจฯไม่จ่ายเงิน บางคนจ่ายแต่จ่ายไม่ครบ ในเรื่องดังกล่าวนี้ ตำรวจได้แยกเป็น 2 ประเด็นคือ กรณีตายแล้วได้เงินแต่ไม่ครบ และไม่ได้เงิน ให้เข้าแจ้งความกับตำรวจ ส่วนคนที่เป็นสมาชิกและจ่ายเงินให้สมาคมมาตลอดแต่ยังมีชีวิตอยู่นั้น ให้ลงชื่อที่เทศบาลเปือยน้อย ซึ่งเป็นนายทะเบียน
"นอกจากนี้ยังมีกรณีที่เจ้าหน้าที่นิติกร จากสำนักงานสหกรณ์จังหวัดขอนแก่น เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสภ.เปือยน้อย ให้ดำเนินคดีกับคณะกรรมการของสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อยทั้ง 13 คน ในข้อหาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียน กรณีที่นายทะเบียนมีคำสั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นภายในสหกรณ์ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 2 มิ.ย. แต่ไม่มีการแก้ไขตามวันเวลาที่กำหนด และมีการการอุทธรณ์คำสั่งแต่อย่างใด ซึ่งหลังรับแจ้งความก็อยู่ระหว่างการประสานงานกับคณะกรรมการทั้ง 13 คนมาสอบปากคำ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายต่อไป"
นายชาญชัย ศรศรีวิชัย รอง ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมติดตามความคืบหน้าหลังชาวบ้านเข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมและแจ้งความที่ สภ.เปือยน้อย พร้อมทั้งเชิญตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนร่วมรับฟังถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ซึ่งได้มีการตรวจสอบใน 3 กลุ่มใหญ่ ทั้งเรื่องของกองทุน เงินสหกรณ์ที่หายไปหรือไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เงินของกองทุน และ 3 เรื่องของทางด้านคดี ซึ่ง 3 ส่วนใหญ่ที่เราติดตามนี้ความคืบหน้าถือว่าเป็นไปตามเป้าที่เราตั้งเอาไว้ ทั้งเรื่องการสอบปากคำในการดำเนินคดี ยอดเงินทั้งหมดที่สมาชิกฝากและหายไป ซึ่งในทุกๆด้านนั้นได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีไทม์ไลน์ให้ชัดเจนว่าจะจบวันไหน เมื่อจบแล้วเราจะดำเนินการอะไรบ้างเพื่อเอาผิดกับผู้ที่กระทำความผิดทั้งหมด ซึ่งในส่วนนี้เราได้มีคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ 13 กรรมการบริหารสหกรณ์ และทางเจ้าหน้าที่จากสหกรณ์จังหวัดในฐานะนายทะเบียนใหญ่ได้เข้าแจ้งความเอาผิดทั้ง 13 คนที่เป็นคณะกรรมการบริหารสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อย ฐานขัดคำสั่งนายทะเบียน เนื่องจากเราได้มีคำสั่งไปก่อนหน้านี้เพื่อทำการตรวจสอบแต่ไม่ปฏิบัติตาม จึงได้เข้าแจ้งความเอาผิดคณะกรรมการที่มีความบกพร่องอยู่ และได้เร่งรัดให้มีความรอบคอบมากขึ้น ขยายผลไปถึงใครบ้าง ซึ่งขณะนี้พอจะทราบแล้วว่าใครเกี่ยวข้องในส่วนใดบ้างหรือเกี่ยวข้องในทุกส่วน ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายผลเอาผิดทั้งหมด
"ในเรื่องของหลักฐานเอกสารต่างๆภายในสหกรณ์นั้น เวลาที่เกิดเหตุในลักษณะนี้เราจะต้องสันนิษฐานเอาไว้ก่อนว่าอาจจะถูกเพลิงไหม้ได้ เพื่อเป็นการเตรียมการป้องกันไม่ให้เกิดการทำลายหลักฐานด้วยกระบวนการต่างๆ ซึ่งในข้อกำชับนั้นได้เน้นย้ำให้ตรวจสอบลงบัญชีให้ชัดเจน ต่อมาในเรื่องการป้องกันไม่ให้หลักฐานถูกทำลาย ซึ่งได้สั่งการไปแล้วให้มีการจัดระบบรักษาความปลอดภัยจัดเวรยามเฝ้า เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ทำการตรวจสอบได้รวบรวมเอกสารทั้งหมดให้ครบถ้วน อย่างไรก็ตามจากการรายงานของคณะกรรมการตรวจสอบนั้น พบความบกพร่องตั้งแต่กระบวนการนำเงินเข้า การรักษาเงิน การนำเงินออก ซึ่งทั้ง 3 ส่วนมีระเบียบเขียนเอาไว้ชัดเจน โดยอยู่ระหว่างทางเทศบาลตำบลเปือยน้อยซึ่งเป็นนายทะเบียนท้องถิ่นกำกับดูแล ได้เข้าไปตรวจสอบซึ่งก็พบข้อบกพร่องดังกล่าวจากสมาชิกกว่า 3,000 ราย แม้จะมีเจ้าหน้าที่การเงินออกมายอมรับสารภาพว่านำเงินไปถูกดำเนินคดีไปแล้ว แต่การตรวจสอบพบว่ายังมีผู้กระทำผิดคนอื่นเกี่ยวข้องด้วย โดยอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทั้งหมด”