ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2566 ที่สำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ นางแว่นฟ้า ทองศรี นายก อบจ.ได้ลงนามทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการสำรวจ วิจัย และพัฒนานวัตกรรมด้านพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงานระหว่างองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬกับ นายสมปอง ดำรงอ่องตระกูล รองผู้ว่า ด้านการธุรกิจและการตลาด การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ PROVINCIAL AL ELECTRICITY AUTHORITY (PEA) ต่อหน้านายอนันต์ จรุงโรจน์รัศมี รอง ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ประธานในพิธีและนายกริชชัย ศีลปรายะ ท้องถิ่นจังหวัดบึงกาฬ นายไตรภพ รำเพยพล นางกันยา อนันตทัศน์ รอง นายก อบจ.นายจุติณัฏฐ์ สิมปนันท์วดี ผอ.ฝ่ายบริหารลูกค้าสัมพันธ์ นายวิชัย ไกรศรีวรรธนะ ผอ.ฝ่ายวิศวกรรมและบริการ กฟฉ1 และนายธรรมนูญ อุปรโคตร ผจก.กฟภ.จังหวัดบึงกาฬ ซึ่งเป็นสักขีพยาน
สำหรับการทำบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้คือ 1.เพื่อส่งเสริม สนับสนุน เรื่องการศึกษาแนวทางการดำเนินโครงการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน 2. เสริมสร้างความร่วมมือระหว่าง อบจ.บึงกาฬ กับ กฟภ.ในการดำเนินโครงการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน ด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูง
ซึ่งนางแว่นฟ้า กล่าวว่า การที่ อบจ.ได้ทำข้อตกลงวันนี้ก็เพื่อให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้มาออกแบบสำรวจประมาณการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอาคาร เพื่อนำกระแสไฟฟ้าที่ได้มาใช้ในสำนักงาน จะเป็นการช่วยประหยัดพลังงาน ทำให้ลดภาวะโลกร้อน ประหยัดงบประมาณในการลดค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้าด้วยซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับพี่น้องประชาชนชาวบึงกาฬ จึงขอขอบคุณท่านผู้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นายศุภชัย เอกอุ่น ที่เรียน วปอ.รุ่นเดียวกันที่ได้แนะนำเรื่องการลดพลังงานไฟฟ้าลงและได้มอบอำนาจให้ รองผู้ว่าฯกับคณะมาเซ็นข้อตกลงในวันนี้
ด้านนายสมปอง กล่าวว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจในวันนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมสนับสนุน และร่วมกันศึกษาแนวทาง การดำเนินโครงการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน พร้อมเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างสองหน่วยงาน ด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการ และนโยบายของภาครัฐที่ต้องการให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งดำเนินการตามแนวทางการประหยัดพลังงานของกระทรวงพลังงาน ซึ่งที่ผ่านมาการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ไปทำ MOU กับมหาวิทยาลัยพะเยา หลังจากนั้นก็ดำเนินการลงทุนติดตั้งโซล่าเซลล์ให้ 3 เมกะวัตต์หรือประมาณ 3 ล้านวัตต์ในเฟสแรก โดยทางมหาวิทยาลัยไม่ได้ออกเงินสักบาท ทางการไฟฟ้าดำเนินการให้หมด หลังจากการติดตั้งแล้วก็ทำให้สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้ประมาณเดือนละ 300,000 บาท ซึ่งยังมีอีกหลายหน่วยงานที่ติดต่อประสานมาอยากให้ไปดำเนินการให้
ขณะที่ นายอนันต์ จรุงโรจน์รัศมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่าการลงนามทำบันทึกความเข้าใจในการนำพลังงานสะอาดมาใช้ในครั้งนี้ นับว่าเป็นผลดีระหว่างสองหน่วยงานและประเทศไทย เพราะเป็นลดการขาดดุลในการซื้อไฟฟ้าเข้ามาใช้ เป็นที่เข้าใจดีว่าประเทศไทยได้นำเข้าพลังงานโดยการซื้อไฟฟ้ามาจากประเทสปป.ลาว การนำพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์มาใช้ ซึ่งจะก่อให้เกิดกิจกรรมสีเขียวหรือ BCG ซึ่งเป็นเทรนระดับโลก โดยประเทศที่นำพลังงานสะอาดมาใช้ก็จะเป็นที่ยอมรับ และจะได้รับเป็นผู้ค้า ซึ่งการเก็บภาษีต่างๆ ก็จะลดลง ต้องขอชื่นชม นายก อบจ.ท่านแว่นฟ้า ที่มีวิสัยทัศน์อันกว้างไกลได้เชิญ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มาทำ MOU ในครั้งนี้ นับว่าจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องชาวบึงกาฬในโอกาศต่อไป