นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทยทำหน้าที่ประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.)เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร.มองว่า เศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งปีหลังอาจฟื้นตัวได้น้อยกว่าที่คาดหลังเศรษฐกิจโลกในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2566 แผ่วลง เพราะเศรษฐกิจจีนไม่ได้ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐฯและยุโรปเผชิญแรงกดดันจากภาวะอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อสูง การฟื้นตัวไตรมาส 2 ล่าช้ากว่าที่คาด ทำให้เศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งปีหลังยังอยู่ในภาวะชะลอตัวจนกว่าประเทศใหญ่อย่างเช่นประเทศจีนจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา
โดยเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่องจากการท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว คาดว่าทั้งปีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากถึง 30 ล้านคน ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนการจ้างงาน และสร้างรายได้เข้าประเทศ นอกจากนี้ รายได้ในภาคเกษตรและเกษตรอุตสาหกรรมยังขยายตัว ทำให้ผู้บริโภคมีกำลังใช้จ่ายบริโภคเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากการฟื้นตัวที่ล่าช้าของเศรษฐกิจโลก คาดว่าการส่งออกในปี 2566 หดตัวร้อยละ -1.0-00 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จีดีพีขยายตัวร้อยละ 3-3.5 อัตราเงินเฟ้อร้อยละ 2.7-3.2 โดยเงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยท้าทายหลัง กนง. ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีกร้อยละ 0.25 เพิ่มเป็นร้อยละ 2 และมีแนวโน้มว่าจะยังปรับชั้นต่อไปด้วยเหตุว่าเงินเฟ้อพื้นฐานยังอยู่ในระดับสูง
ขณะเดียวกันมีปัจจัยที่อาจกระทบต่อเงินเฟ้อในระยะข้างหน้าได้แก่ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาทต่อวัน อาจทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 0.82 ถ้าไม่มีการเพิ่มทักษะแรงงานและผลิตภาพแรงงานให้เหมาะสมไปพร้อมกับการปรับเปลี่ยน ราคาน้ำมันดีเซลอาจเพิ่มสูงขึ้น หากมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลิตรละ 5 บาทสิ้นสุดลงในวันที่ 20 ก.ค.66 เป็นตันทุนค่าขนส่งของผู้ประกอบการ ปัจจัยเหล่านี้จะกดดันต้นทุนของทั้งผู้ประกอบการและครัวเรือนนอกจากนี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อาจซ้ำเติมตันทุนของผู้ประกอบการโดยเฉพาะธุรกิจ SMEs ตังนั้นมองว่าการปรับชั้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. จะต้องรักษสมดุลระหว่างเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่และไม่ทั่วถึง เพื่อช่วยพยุงให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตหสการรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า คงอาศัยเครื่องจักรจาการท่องเที่ยวอย่างเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ แม้จะมีข้อจำกัดบางประการในช่วงเป็นรัฐบาลรักษาการยังพอมีช่องทางกระตุ้นให้เกิดกำลังซื้อ เพราะขณะนี้ค่าครองชีพสูงกว่ารายได้ของแรงงาน ขอให้เข้มงวดกวดขันการซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ เพราะกระทบยอดขายเอสเอ็มอี 19 กลุ่ม ขณะนี้ผู้ประกอบการทำการผลิตสินค้าเพื่อยังชีพดูแลแรงงานต้องหาทางเพิ่มแหล่งทุนให้เอสเอ็มอีในช่วงรอจัดตั้งรัฐบาลใหม่ช่วงเดือนส.ค.66 หากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าออกไป มาตรการต่าง การดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติอาจรอไม่ได้ ทำให้แผนที่คาดการณ์ไว้ หากเลื่อนไป 1-2 เดือนอาจรอได้ หากเลื่อนออกไปครึ่งปี หรือ 1 ปี นักลงทุนต่างชาติคงหนีไปลงทุนประเทศอื่นแทน และอาจทำให้จีดีพีคาดการณ์เดิมร้อยละ 3-3.5 เหลือร้อยละ 1-2