พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้เรียกตำรวจทางหลวงชุดจับกุมรถบรรทุกน้ำมันเถื่อน ที่บริเวณริมถนนเพชรเกษม กิโลเมตรที่ 308 ขาเข้า ตำบลเกาะหลัก อำเถอเมืองประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อมาให้ข้อมูล กรณีที่มีเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตเจรจาขอเคลียร์ให้ปล่อยรถน้ำมันดังกล่าว แต่ทางตำรวจชุดจับกุมไม่ยินยอม
พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และเรียกตำรวจชุดจับกุมมาให้ข้อมูล โดยเบื้องต้นทราบว่าเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกรมสรรพสามิตโทรศัพท์มาเคลียร์กับชุดจับกุม แต่ชุดจับกุมปฏิเสธ จากนั้นมีความพยายามติดต่อมายังคณะทำงานของตน เพื่อเจรจาขอไฟเขียวกับตนเอง แต่ก็ปฏิเสธไปไม่ขอพูดคุยเจรจาใดๆ ทั้งสิ้น
โดยสั่งการให้ตำรวจทางหลวงมาช่วยกันเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์องค์กร เพื่อสร้างศรัทธาแก่ประชาชน อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์ ตำรวจทางหลวงเป็นผลไม้พิษที่ใครจะมากินไม่ได้
อย่างไรก็ตาม การจับกุมครั้งนี้อาจเกี่ยวข้องขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนในพื้นที่ภาคใต้ ที่จะนำน้ำมันไปส่งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตำรวจทางหลวง 3 จึงร่วมกับเจ้าหน้าที่สรรพสามิตประจวบคีรีขันธ์ตรวจสอบ และวางแผนเข้าตรวจสอบและจับกุม นายสมบัติ อายุ 47 ปี คนขับรถ ซึ่งพบว่าใบกำกับการขนส่งน้ำมันมิได้ระบุวันเวลาที่เดินทางไว้ และไม่มีการลงลายมือชื่อผู้ออกใบกำกับจากผู้ค้าที่จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ตรวจสอบไม่พบเอกสารการผ่านการตรวจสอบน้ำหนักรถบรรทุก จึงได้นำรถคันดังกล่าวไปทำการตรวจสอบน้ำหนักบริเวณด่านชั่งน้ำหนัก
กรมทางหลวง ผลการตรวจสอบได้ 50,030 กิโลกรัม ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้
จากการเก็บตัวอย่างน้ำมันไปตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นน้ำมันดีเซล ซึ่งไม่ตรงกับเอกสารใบกำกับการขนส่งและไม่มีใบกำกับภาษีมาแสดง ทางเจ้าหน้าที่สรรพสามิตประจวบขิรีขันธ์จึงแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีข้อหาผิด พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ.2560 มาตรา 203 (1) “มีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษี”