กรณีเพื่อนบ้านมีปัญหากัน โดยเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามสร้างหลังคาจอดรถในพื้นที่สาธารณะ เอาทรายแมว หมอน มาวางไว้หน้าบ้าน จนเจ้าของบ้านได้รับความเดือดร้อน ซึ่งหมู่บ้านดังกล่าวเป็นหมู่บ้านเก่าที่อยู่มานาน 30 ปี แต่ผู้ร้องเรียนเพิ่งเข้ามาอยู่ได้ 3 ปี
รายการโหนกระแส ออกอากาศวันที่ 6 มิ.ย. 66 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 พูดคุยทั้งสองฝั่ง ฝั่งผู้ร้องเรียน จอม ภูเมธ มาพร้อม ตุ้ย ภรรยา รวมทั้ง ติ๊ก แม่ยาย ทนายชำนัญ ศิริรักษ์ ทนายคนกลาง อีกฝั่ง กอล์ฟ ผู้ถูกร้อง ส้ม เมียคุณกอล์ฟ ดร.พิมพ์พัชชา หยิมการุณ นายกเทศมนตรีเมืองบางคูรัด , ตรัณ ธัณธนูทิตย์ พนักงานเทศกิจบางคูรัด
คุณจอมมีเรื่องราวอะไร ทำไมถึงไปร้องเขา?
จอม : หนึ่งไม่ชอบความไม่ถูกต้อง มันเป็นพื้นที่สาธารณะ แต่เอาไปใช้ส่วนตน ผมซื้อบ้านหลังนี้ 3 ปี ตอนนั้นบ้านหลังนั้นก็มีอยู่แล้ว แต่มีต่อเติมโรงรถออกมาอย่างเดียว
คุณมา 3 ปี เจอแบบนี้อยู่แล้ว ได้สอบถามมั้ยเขาสร้างทำไม?
จอม : ได้คุยกับผู้นำหมู่บ้านไปรอบนึง แต่เขาไม่ตอบ เป็นประธานหมู่บ้านและเป็นสท.ด้วย
ตอนไปซื้อบ้าน เจ้าของบ้านหลังเก่าบอกมั้ยว่าออกไปเพราะอะไร?
จอม : ออกเพราะเพื่อนบ้านครับ
คือออกเพราะคุณกอล์ฟ?
จอม : ครับ เขาบอกสร้างความเดือดร้อน ทัศนียภาพไม่ดี แต่เขาบอกเขาจะลดราคาให้ผม ผมก็คิดว่าลดราคาให้ก็ซื้อ คงมาเจรจากันได้
วันแรกที่เข้าไปบอกเขามั้ยว่าให้เอาออก?
จอม : ไม่เคยบอกเลยครับ
จนผ่านมา 3 ปี?
จอม : มันจะมีเรื่องยิบๆ ย่อยๆ ก่อน คือเริ่มจากทรายแมวบ้านเขา เขาเลี้ยวแมว แต่เขามีโรงรถก็ตากไม่ได้ ก็เอามาตากฝั่งเรา ตอนแรกอยู่สุดมุมในไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา แต่อยู่ๆ ก็ค่อยๆ ขยับมาจนอยู่หน้าบ้านผม ยังมีที่นอนแบบโบราณสัก 3 เมตรได้ มาขึงยาวหน้าประตูบ้านเลย ออกจากประตูก็เห็น
คุณทำยังไง?
จอม : ผมก็เลี้ยวแมวเหมือนเขา พยายามไม่พูด ข้ามๆ ไป มีครั้งนึงส่งรูปให้ประธานหมู่บ้าน ประธานหมู่บ้านคงไปบอกน้องกอล์ฟ เขาก็โทรมาบอกว่าพี่ไม่ต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ก็ได้ ประธานหมู่บ้านก็พี่ชายผม แล้วมีคนนั้นคนนี้ อยู่มา 20 ปี มีแต่คนรู้จักผม ประมาณี้แหละครับ
จากนั้นยังไงต่อ?
จอม : จากนั้นก็ไม่ตั้งที่นอนอีกเลย แต่สักพักทรายแมวก็มาเหมือนเดิม แม่น้องเขาเพิ่งย้ายออกไปสักครึ่งเดือนได้เรื่องก็จบไป ทีนี้น้องคุณกอล์ฟต่อเติมเป็นบริษัท ก็มาลงต้นไม้อีก
ลงให้คุณได้สูดโอโซนหรือเปล่า?
จอม : ไม่ต้องการครับ
คุณเข้าบ้านคุณได้มั้ย?
จอม : เข้าได้ครับ แต่ลำบากนิดหน่อย รถมอเตอร์ไซค์เข้าได้ แต่จะมีรถยนต์ จะมีเพื่อนบ้านจอดขวางอีกชุดนึง ที่เป็นปัญหาตอนนี้ ปัญหามีอยู่ 3 เรื่อง ซอยนี้ หนึ่งเมาแล้วเสียงดัง มีอีกกลุ่มนึง กลุ่มนี้ก็จอดรถขวางด้วย แต่เราก็คุยกันได้ คุยกันก็จบไป เรื่องของกอล์ฟเป็นเรื่องที่สาม
คุณไปร้องใครบ้างหรือยัง?
จอม : วันนั้นภรรยาโทรหานายกเอ๋ เขาก็สัญญาว่าจะมาดูแล
ดร.พิมพ์พัชชา : ภรรยาเขาโทรหาวันที่ 2 แต่โทรหากลางคืนวันพฤหัสบดี พอวันศุกร์ก็ไปดูให้เลยค่ะ
ฟิวส์เริ่มขาดตอนไหน ที่ทำให้ต้องออกมาร้องเรียน?
จอม : ต้นไม้ครับ เหมือนเขาอยากทำอะไรก็ทำ อยากปลูกอะไรก็ปลูก ไม่ต้องสนใจใครทั้งนั้น อยากทำแบบนี้ๆ ก็ทำ
คุณได้บอกเขามั้ย?
จอม : หลังจากวันปลูกต้นไม้คุย หลังเทศกิจมาก็คุย ก่อนหน้านั้นไม่ได้คุย แต่เกริ่นไว้อีกรอบนึง ว่าอยากต่อเติมบ้าน เขาบกอให้ต่อเติมเหมือนกอล์ฟสิ แต่ผมบอกว่าเพื่อนบ้านด่า ทำไม่ได้หรอก แล้วก็แยกย้ายกันไป
คุณตุ้ย ภรรยา เดือดร้อนมั้ย?
ตุ้ย : เดือดร้อนค่ะ เวลา เวลาเขารื้อของอะไรมาวางไว้หน้าบ้าน โดยไม่ได้ขออนุญาตเลยว่าพี่ เอาวางหน้าบ้านได้มั้ย พอเราเจอเศษไม้เศษอะไรอยู่หน้าบ้านหมดแล้ว แล้วบอกว่าพรุ่งนี้รถจะมาเอานะ พออีกวัน พี่ วันนี้รถไม่ว่าง เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเอานะ ของก็กองอยู่อย่างนั้น พอมาวันเสาร์กำลังจะไปซักผ้า เห็นมีเหล็กวาง หนูก็มองแล้ว เขาก็มา ก็บอกว่าเดี๋ยวเย็นนี้เขามาเอานะ หนูไม่ได้พูดอะไร เขาก็ไปยกเหล็กนี้ไปวางหน้าบ้านเขา ทั้งที่หน้าบ้านเขาก็มีที่วาง ทำไมเขาไม่วาง
เป็นอย่างนี้มาสามปี?
ตุ้ย : ไม่ใช่สามปี อันนี้ครั้งล่าสุด
ก็มีปัญหาจุกจิกมา 3 ปี บ้านเราอยู่กันกี่คน?
ตุ้ย : อยู่สองคน ส่วนแม่ไปๆ มาๆ
จอม : แม่เป็นคนแรกที่ลากทรายแมวไปคืนเขา
ยายติ๊ก : ใช่ เพราะมันเดินไม่ได้ ก็ลากไปแล้วบอกเขาทำไมทำแบบนี้ เศษไม้กระดาษขยะ ไปตั้งทำไม อยู่ด้วยกัน ทำไมไม่สงสาร ไม่เห็นใจกันบ้าง อยู่ต้องเห็นใจด้วยกัน ไม่ใช่คิดจะทำอะไรก็ทำ ต้องเห็นใจบ้าง ไม่ใช่คิดจะทำกูก็ทำ มันไม่ใช่ นี่ไปทุกทีก็เจอปัญหาทุกที ไม่ทรายก็ที่นอน ไม่ก็ขยะ กล่องอะไรก็ไม่รู้ อยู่หน้าบ้าน เดินออกไม่ได้ ทุกที ทุกรอบ รถก็ต้องจอดอยู่ถนน ขนของเข้าบ้านก็ลำบาก แล้วไม่ได้ไปบ่อยครั้ง มันลำบากทุกครั้งที่ไป เวทนา มันไม่ใช่ ไม่ตากบ้านเอง ต้องไปตากบ้านเพื่อน มันไม่สนุก เอาผ้าขี้ริ้วไปแปะรั้วบ้านเลย ดูสิ ทำสุดยอดมั้ย
แม่อึดอัดมาก?
ยายติ๊ก : อึดอัดและไม่ได้อยากไป ไม่อยากทะเลาะเลย ก็เลยเนี่ยไปขอความกรุณา ยกมือไหว้ บอกว่าช่วยเก็บออกหน่อย มันเดินไม่ได้ ออกไม่ได้ ยกให้หน่อยเถอะ แล้วไม่ใช่ที่ของคุณ มันฝั่งของฉัน ฝั่งของคุณฉันก็ไม่ว่าเลย เขาก็ไม่เก็บนะ ไม่มาเอา เฉย
คุณกอล์ฟ ทำไมสร้างที่จอดรถตรงกลางถนนแบบนั้น?
กอล์ฟ : สั้นๆ นะพี่นะ แม่มาซื้อบ้านอยู่ที่นี่ปี 35 หมู่บ้านเต็มรักเพิ่งสร้างใหม่ เสร็จปี 38 ผมอยู่ม. 3 ย้ายเข้ามาอยู่ ตอนนั้นผมอยู่คนเดียว ประมาณปี 41 ผมเรียนจบ ได้ซื้อรถ ซึ่ง ณ ตอนนั้นเป็นความผิดของผมเอง ที่มีการต่อเติมตรงนั้น ผมรับรู้ว่าผิดมาก
ตั้งแต่ปี 41?
กอล์ฟ : ผมรู้ว่ามันผิด แต่ผมเป็นเด็ก ผมไม่ได้คิดอะไร ผมรู้แค่ว่าผมเพิ่งซื้อรถมา แล้วตรงข้ามบ้านเป็นบ้านร้าง ไปดูข้อมูลได้ เป็นบ้านที่ธนาคารยึด มีการแปะป้าย แล้วต้นกล้วยขึ้นรกร้าง
บ้านคุณอยู่สุดซอย ก็เลยคิดว่าทำตรงนี้คงไม่เดือดร้อนใคร?
กอล์ฟ : ใช่ เป็นความคิดของผมเอง แต่ก็รู้ว่าผมผิด อยู่ต่อมาเรื่อยมา มีคุณตามาอยู่ เขาน่าจะซื้อจากธนาคารที่ยึด แล้วเขารีโนเวต เขาเป็นช่างก่อสร้างเหมือนกัน ผมมีภาพประกอบให้ดู ให้พี่เขาไปแล้ว ตอนตามาอยู่ มันมีโครงหลังคาเก่า เขาทำเป็นที่จอดรถเหมือนกัน
หมายถึงใครทำ?
กอล์ฟ : คุณตาครับ
เมื่อก่อนเป็นเหมือนหลังคาที่ชนกัน?
กอล์ฟ : ใช่ ตาก็ใช้เก็บพวกอุปกรณ์
จะบอกว่าตาก็ต่อเติมมาเหมือนกัน?
กอล์ฟ : ครับ แล้วด้านล่างเป็นปูนที่พี่เขาให้ข่าวว่ากอล์ฟมาก่อสร้างตรงนั้น พี่ดูปูน ไม่ใช่ตามข่าวที่เขาแจ้ง คุณตาแกทำไว้เลี้ยงปลา ปลูกต้นไม้ของแก นี่อยู่ในเขตครึ่งถนนพอดีที่ตาทำไว้ แม่เขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แกจะปลูกต้นไม้ เลี้ยงปลาก็เรื่องของแก
พอตาออกไป เขาก็เลยเอามาปลูกต้นไม้เหรอ?
กอล์ฟ : แม่ก็เอาใบกระเพรามาปลูก ก็ตาย ก็เลยไว้เป็นดินแบบนี้
ยืนยันไม่ใช่ของคุณ?
กอล์ฟ : ใช่ ไม่ใช่ของผม แต่แม่ผมเอาดินมาใส่ให้
แล้วไงต่อ?
กอล์ฟ : พอตาไม่อยู่แล้ว ตรงนี้ไม่ได้ทำอะไร แต่ไม่ได้เอามาเป็นของส่วนตัว ที่บอกว่ากอล์ฟต่อเติมตรงนี้ไม่ใช่ แล้วมีอีกเรื่อง ตอนตาอยู่ก็มีการต่อเติม ที่พี่เขาบอกว่าต้องการความถูกต้อง กอล์ฟยอมรับทุกอย่าง ขอโทษกับทุกคน (ยกมือไหว้) ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแม่กอล์ฟ ตอนที่แม่กอล์ฟเข้ามาอยู่ พี่เขาเข้ามาอยู่ทีหลัง เขาก็เลี้ยงแมวจริงๆ ยายไม่ได้โกหก พี่เขาคุยกับแม่กอล์ฟลักษณะไงไม่รู้ เขาเลี้ยงแมวเหมือนกัน พี่เขาอาจมาปรึกษาเรื่องอาหารแมวกับแม่กอล์ฟ ก็คุยกันก็มีการหยิบยื่นไมตรีให้กัน พี่เขาก็ค่อนข้างสนิทกับกอล์ฟ ก็เล่าเรื่องของแกให้ผมฟังทุกเรื่อง แต่ไม่รู้ว่าปัญหาคือยังไง วันนั้นที่พี่เขาร้องเรื่องกะละมังแมว ผมก็ยอมรับว่าเอาไปตาก แต่ผมสาบานว่าผมได้รับเรื่องจากประธานหมู่บ้าน และกลับมาบ่ายวันนั้น ยกมือไหว้พี่เขาแล้วยกของไปเก็บ บอกแม่ว่าอย่าทำแบบนี้อีกนะ แม่ทำอะไรต้องคิดถึงคนอื่นด้วยนะ แต่แม่ผมไม่ได้มีเจตนา
แม่เอาทรายแมวเราไปไว้หน้าบ้านเขา?
กอล์ฟ : ผมทำอะไรทุกครั้ง สาบานด้วยความเป็นลูกผู้ชาย ผมยกมือไหว้ แม้แต่เศษปูนที่พี่พูดถึง ผมยกมือไหว้ทุกครั้ง พี่เข้าได้มั้ย ติดขัดอะไรมั้ย ก็บอกว่าไม่เป็นไร จัดการได้เลย
ตุ้ย : คือเขามาวางแล้ว แล้วมาขอ ถ้าเป็นพี่หนุ่มจะตอบว่ายังไง
กอล์ฟ : ไม่ครับ บ้านผมเพิ่งรีโนเวตเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาแล้วมันมีกระเบื้อง ที่ถามว่าทำไมไม่วางที่ตัวเอง เขามีเครื่องตัดอลูมิเนียม เขาบอกขยับมาตรงนี้ได้มั้ย แล้วกอล์ฟค่อยเก็บให้เขา พอวันจันทร์ ผมเอาน้องมาขนตอนกลางคืน พี่คนนี้ก็นั่งกินเบียร์อยู่ ผมก็ยกเก็บกวาดให้เรียบร้อย ทุกครั้งทำอะไร ผมยกมือหมด ถ้าผมไม่ได้ทำ ใครจะพูดก็พูดอะไรก็ได้ แต่ผมมั่นใจผมยกมือไหว้ทุกครั้ง เมื่อวันศุกร์เจ้าหน้าที่เทศบาลมากัน 4 คน บอกว่าได้รับเรื่องร้องเรียน บอกว่ากอล์ฟทำแบบนี้ไม่ถูก มันเป็นที่สาธารณะ ผมก็บอกว่าผมจะแก้ไขให้เลยนะ เดี๋ยวเรื่องต้นไม้จะขยับมา หลังคาขอระยะเวลารื้อนะ พี่เขาบอกโอเค แต่จะเข้ามาตรวจสอบต่อนะ วันรุ่งขึ้นนักข่าวมา แล้วสัมภาษณ์ไปพาดพิงว่าผมรู้จักนายกฯ เป็นการส่วนตัว รู้จัก สท. แกเป็นประธานหมู่บ้าน เอาง่ายๆ ทุกคนเรียกพี่ได้ บางคนก็เรียกลุง เขาก็เลยมองว่าผมสนิท ผมมีเพื่อนเยอะ
ถามพี่ทนาย ฝั่งพี่ชำนัญมองยังไง?
ชำนัญ : เอาหลักพื้นฐาน มันขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของแต่ละท่านในการใช้พื้นที่ ใช้ประโยชน์ เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องเล็ก แต่เห็นถึงความกระทบกระทั่งในหลายๆ เคส ถึงขั้นทำร้ายร่างกาย ประสงค์ชีวิตกันก็มี สิ่งสำคัญที่สุด เราซื้อที่ดิน เราซื้อบ้าน เราย่อมรู้อยู่แล้วว่าโฉนดที่ดินเราอยู่ขนาดไหน มันมีกฎหมายควบคุมอีกชั้น ถ้าเรามองเรื่องจิตสำนึกเป็นจุดที่ตั้ง เพราะทุกคนอยากอยู่บ้านอย่างมีความสุข การที่มีสังคมที่ดี เพื่อนบ้านที่ดีน่าจะดีกว่า จุดเบื้องต้นน่าจะย้อนกลับไปเรื่องความตั้งใจอยู่ในพื้นที่จริงๆ และเคารพสิทธิ์ซึ่งกันและกัน แล้วค่อยๆ แก้ปัญหาในแต่ละปมอีกที ซึ่งหลักกฎหมายก็มีอยู่แล้ว แต่ผมเชื่อว่าการแก้ด้วยกฎหมายมันไม่ใช่ทุกอย่าง เพราะท้ายที่สุดแล้ว มันมีคนแพ้ คนชนะ มันคือความขัดแย้งที่อยู่ร่วมกัน
ถ้าเป็นหลักกฎหมายจริงๆ เป็นยังไง?
ชำนัญ : แน่นอนอยู่แล้ว เป็นการใช้สิทธิเกินส่วน ทุกคนมีสิทธิ แต่สิทธิของเราต้องใช้ในลักษณะที่ไม่เกินส่วนก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายกับคนอื่น หรือไปละเมิดกับคนอื่น ขณะเดียวกัน ในหมู่บ้านนี้เท่าที่ทราบเป็นหมู่บ้านเก่า ไม่มีนิติบุคคล ที่เป็นลักษณะควบคุมดูแลตรวจสอบหรือฟ้องร้องแทนลูกบ้านได้ในการขับไล่ รื้อถอนต่างๆ แต่มันมีกฎหมายควบคุมอาคารกำกับอยู่ว่าบ้านแต่ละหลังสามารถสร้างอยู่ในระยะถอยร่นจากแนวเขตเท่าไหร่ ติดพื้นที่ได้เท่าไหร่ ตรงนี้ส่วนท้องถิ่นจะเป็นผู้ดูแล แต่การบอกว่ารุกมาจากบ้านสู่ภายนอก โดยกายภาพทำไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเป็นการต่อเติมอาคารที่ล้ำออกมาจากที่ดินของตัวเอง อันนี้ทำไม่ได้ ก็ผิดเรื่องกฎหมายควบคุมอาคาร ก็เป็นหน้าที่ท้องถิ่นในการบังคับใช้กฎหมายส่วนนี้
ทางนายกฯ หนักใจมั้ย?
ดร.พิมพ์พัชชา : จริงๆ ต้องบอกเลย ในเรื่องของลูกบ้านไม่หนักใจ เพราะเข้าใจผู้ร้องว่าเขาได้รับความเดือดร้อน แต่ที่หนักใจคือหนักใจข่าวกับสื่อที่ออกไปมากกว่า ว่ามันออกไปที่ไม่เป็นความจริง อันดับแรกที่บอกว่าสนิทกับนายกฯ เทศบาล น้องถึงทำแบบนี้ได้ วันนี้เพิ่งเจอน้องครั้งแรก แต่น้องกอล์ฟเขาบอกว่าเขารู้ว่านายกเอ๋เป็นนายกเทศมนตรี แต่เขาไม่เคยกล่าวอ้างและไม่รู้จักส่วนตัว ส่วนผู้ร้องโทรมาหานายกตอนกลางคืน น่าจะสามทุ่มกว่า เช้ามานายกก็มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบ แล้ววันนั้นเป็นวันศุกร์ เขาโทรมาคืนวันพฤหัสบดีที่ 1 พอวันศุกร์ที่ 2 ช่วงสายๆ ก็ลงไปตรวจสอบ นายกไม่นิ่งนอนใจอยู่แล้วเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน มันเป็นหน้าที่ขั้นพื้นฐานของผู้บริหารท้องถิ่นอยู่แล้ว แต่โดยเบื้องต้นที่เจ้าหน้าที่รายงานว่าน้องเขาผิด เผอิญว่าหมู่บ้านเต็มรัก เป็นหมู่บ้านสร้างก่อนพรบ.จัดสรร ปี 2538 เขาสร้างตั้งแต่ 35 หมู่บ้านไม่สามารถเป็นนิติบุคคลได้ด้วย ณ เวลานี้เป็นสาธารณะก็ไม่ได้ด้วย ชาวบ้านเลยรวมตัวกันจัดตั้งกรรมการดูแลกันเอง โดยที่เก็บเงินแต่ละหลัง มาจ่ายค่าไฟค่าอะไร เพราะไม่สามารถยกเป็นสาธารณะได้
ก็เหมือนหลักลอย ใครจะทำอะไรก็ได้?
ดร.พิมพ์พัชชา : ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ พรบ.ที่น้องผิดคือพรบ.ควบคุมอาคาร ซึ่งบอกชัดเจนว่าถ้าจะเคลื่อนย้ายดัดแปลงรื้อถอนสิ่งก่อสร้างต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน หรือนายกเทศมนตรีเป็นเจ้าพนักงานท้องถิ่น แต่เคสนี้ไม่เคยมีการขออนุญาต ต่อให้ขออนุญาตเราก็ไม่สามารถอนุญาตได้เพราะอยู่ในพื้นที่โฉนดของน้องเขา
อันนี้อยู่มาตั้งแต่ปี 41 นะ?
ดร.พิมพ์พัชชา : ต้องกราบขอบพระคุณพี่หนุ่มกับรายการโหนกระแสมากค่ะ ในเรื่องที่ให้นายกเองกับเทศบาลได้ออกมาชี้แจง เรื่องที่ว่ามีการร้องเรียนกันมานานมาก ทางเทศบาลไม่ทำอะไร อันนี้ต้องบอกเลยว่าตัวนายกเพิ่งทราบเรื่องคืนวันพฤหัส
คุณไม่เคยทราบเรื่องมาก่อนเลยเหรอ?
ดร.พิมพ์พัชชา : ไม่เคยค่ะ แล้วพี่ผู้ใหญ่โทรมาหานายก ตอนแรกเรามองว่าเป็นเรื่องกระถาง เพราะมีเคสแบบนี้มาก่อนแล้ว แต่ตอนนั้นเขาคุยทางโทรศัพท์
ฝั่งกอล์ฟบอกว่าบ้านเขาสร้างล้ำมาถนนเหมือนกัน?
ดร.พิมพ์พัชชา : มันไม่ถูกต้องอยู่แล้วค่ะ หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านสาธารณะที่ไม่ใช่ว่าเทศบาลจะเข้าไปบังคับใช้กฎหมายได้ด้วย เพราะถือว่าเป็นที่เอกชน สมมตินายกมีแผนฉีดพ่นยุง ฉีดพิษสุนัขบ้า ต้องทำหนังสือขอเข้าหมู่บ้าน ขอความร่วมมือ เพราะมันไม่ใช่ที่สาธารณะ ฉะนั้นพรบ.รุกล้ำที่สาธารณะจะมาใช้กับเคสนี้ไม่ได้ สิ่งที่น้องกอล์ฟผิดคือผิดพรบ.ควบคุมอาคารปี 2522
ดูตามรูปแต่ละบ้านก็สร้างสิ่งก่อสร้างออกมาข้างนอก แต่เขาไม่ได้สร้างเป็นโรงรถออกมา เท่าที่ทราบหมู่บ้านแห่งนี้ รถสามารถไปจอดในตัวบ้านได้ เขามีที่จอดรถข้างใน แต่ปัจจุบันส่วนใหญ่ในหมู่บ้านนี้ ที่จอดรถไม่มีแล้ว สร้างออกมาเป็นห้องเพิ่มขึ้นมา ต่อเติมอาคารกันเอง จนที่จอดรถในบ้านมันไม่มี ก็เลยต้องมาจอดข้างนอก?
กอล์ฟ : ตกลงกันเองในซอยได้ ถ้าพี่มาก่อนก็จอดได้เลย ถ้าจอดไม่ได้ก็ไปจอดข้างนอก แต่พี่คนนี้เขามาทีหลัง แล้วเขาไม่รู้ว่าเงื่อนไขเป็นแบบนี้ เขาก็อาจไม่สามารถรับเงื่อนไขนี้ได้ ณ วันนี้ผมก็ไม่ได้บอกว่าพี่เขาผิด เขามีสิทธิตามข้อกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งถนนเมนเขาอนุญาตให้จอดได้ อย่าไปจอดขวางประตูใครก็พอ
จอม : เขาจอดคู่ สองสี่คัน
กอล์ฟ : ก็เขามีบ้านทั้งสองฝั่งไงพี่
จอม : ผมขี่เข้าเหมือนเข้าซอยเล็กๆ
กอล์ฟ : เขาก็อยู่หลังสุดท้าย
จอม : ทำไมซอยสอง ซอยสามถึงไม่มีปัญหา
เพราะเขาดูแลกันอย่างดี ตกลงกันอย่างดีว่าทำไม่ได้หรือเปล่า?
จอม : เขาไม่ได้มาจอดรถอย่างซอยนี้
กอล์ฟ : วันนั้นผมก็พูดกับพี่ว่าพี่ในเมื่อเรามาอยู่ด้วยกัน พี่ลองถอยสักนิด ถ้าพี่ไม่สบายใจ จะเอาสิ่งที่ขอต้องการ ให้ทุกคนจอดแนวเดียว ผมพูดไม่ได้เพราะผมเด็กสุด ผมพยายามแก้ปัญหาว่าถ้ากอล์ฟมาช้ากอล์ฟจอดข้างนอก ไม่เป็นไร ถ้าวันไหนเราต้องการเอารถเข้า หรือมีธุระขนของหนักเขาก็จะถอยให้ แต่การที่ผมจะกลับสี่ห้าทุ่มแล้วเรียกคนห้าหกหลังให้มาถอยให้ ผมคงไม่สามารถไปพูดได้
จอม : เรื่องนี้ผมคุยแล้ว เขาก็ไม่ค่อยจอดเท่าไหร่แล้ว ก็ไปพูดว่าพี่ช่วยๆ กันหน่อย พอเป็นข่าวก็ดีขึ้น แต่ก่อนหน้านี้ผมให้ประธานหมู่บ้าน ซึ่งเขาไม่ค่อยอยากคุยกับผมนะครับ บางทีผมขี่รถมา เขานั่งกินเหล้าอยู่หน้าบ้าน เพื่อนกอล์ฟก็ทักผม เด็กๆ ก็ทักผม ท่านประธานก็นั่งเหมือนผมไม่มีตัวตน จนต้องทักว่าสวัสดีครับท่านประธาน
เขาเกลียดคุณเหรอ?
จอม : สงสัยครับ
เหมือนเขาอยู่กันมาแบบนี้ มึงจะมาอะไร ใช่มั้ย?
กอล์ฟ : มีเหตุผลเรื่องนึง ก่อนหน้านี้เรื่องการร้องเรียนมันมี ผมไม่รู้ว่าวันนึงประธานได้แจ้งในกลุ่มว่าพี่จอมทักไปหาเขาในไลน์ว่าขอเบอร์ท่านประธานได้มั้ย เดี๋ยวจะให้สักคนโทรหา เป็นผู้พันหรือนายพลอะไรสักอย่าง
จริงมั้ย?
จอม : ผมให้อ่านไลน์ดีกว่า
ดร.พิมพ์พัชชา : แต่ข่าวออกไป ไม่ทราบว่าใครให้ข่าวว่าผู้ถูกร้องสนิทกับนายก ทำอะไรผิดได้ๆ นายกต้องชี้แจงเลย
เรื่องนี้เข้าใจ ทุกคนอ้างได้ แต่ปัญหาไม่ใช่ภาพลักษณ์ ปัญหาคือจะช่วยลูกบ้านยังไง?
ดร.พิมพ์พัชชา : ตอนนี้ทางกองช่างกำลังทำหนังสือเสนอมาเขาต้องรื้อถอนอยู่แล้วตามพรบ.ควบคุมอาคาร ภายใน 30 วัน ตามระยะเวลาของกฎหมาย แต่นี่ก็อยากพูดกับผู้ร้องว่า คุณเพิ่งร้องนายก กลางคืนวันที่ 1 แล้วนายกไปดูวันที่ 2 ตอนเช้า วันหยุดเสาร์อาทิตย์จันทร์เป็นวันหยุดราชการ แล้วนี่วันอังคาร นายกกลับไปก็จะเซ็นหนังสือให้รื้อถอนใน 30 วัน อันนี้ชัดเจนในหน้าที่ของทางเทศบาล
จอม : วันนั้นผมคุยกับเขาว่ารื้อได้มั้ยโรงจอดรถ เขาบอกว่าเขาสร้างมานานแล้ว พี่อยากทำอะไรก็ทำไปให้เราไปร้องเรียนต่อ พี่เขามาบอกว่าเพื่อนเขามา ได้แค่ว่ากล่าวตักเตือนแค่นั้น
ดร.พิมพ์พัชชา : ไม่ใช่ค่ะ อย่างกรณีที่ข่าวออกไปว่ามีการร้องเรียน ก็เลยอยากทราบว่าร้องเรียนไปที่ไหนบ้าง เพราะพี่ตุ้ยก็โทรหานายกตรง
จอม : สำหรับนายกน่าจะครั้งแรก เพราะตอนนายกลงผมก็ไม่มีสิทธิ์เลือกตั้ง เพิ่งเข้ามา
ดร.พิมพ์พัชชา : ทุกครั้งที่ลูกบ้านโทรมา นายกสั่งการทันทีอยู่แล้ว อย่างที่บอกข่าวออกไปว่าเทศบาลไม่ทำอะไรเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่ได้ตรวจสอบแล้ว ไม่เคยมีใครร้องเรียนที่นี่เลย
จอม : เจ้าของเก่าเขาบอกเคยร้องเรียนไปแล้ว
ตุ้ย : เคยมีการร้องเรียนแล้ว แต่ไม่คืบหน้า
ดร.พิมพ์พัชชา : ไม่มีค่ะ อันนี้ในขั้นตอนเอกสารทางเทศบาลตรวจสอบแล้วไม่มีค่ะ แต่ถ้ากรณีใครร้องมาแล้วเรื่องไม่ถึงนายก พี่โทรตรงถึงนายก ถ้าไม่ถึงนายกแล้วเกิดเหตุแบบนี้ แล้วมันช้า
นายกมีทีมงานไปตรวจสอบภายในหมู่บ้านมั้ย?
ดร.พิมพ์พัชชา : มีค่ะ มีตลอดเลยค่ะ
พี่ตรัณว่าไง?
ตรัณ : ขออนุญาตเรียนตามตรง ผมเพิ่งย้ายมาทำงานที่นี่ได้แค่เพียง 6 เดือน แต่ 6 เดือนที่ผมมา มีการร้องเรียนอะไรก็ตาม ผมไปทุกเคส ทุกงาน ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ เพราะเรามีปณิธานว่าจะแก้ปัญหาให้ได้ ไม่ว่ามากน้อยแค่ไหน กรณีพี่กอล์ฟ ก็ไม่ได้รู้จักส่วนตัว ผมมีขั้นตอนในการทำงาน ว่ากล่าวตักเตือนและให้แก้ไข ถ้าเขาไม่แก้ไขก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายตามที่ทนายว่าครับ
นายกพยายามบอกว่าตัวเองไม่ได้บกพร่องต่อหน้าที่ แต่ตอนนี้ผมว่าเรื่องนี้คนเข้าใจแล้ว ไม่ต้องย้ำอะไรกันมาก แต่จะแก้ปัญหานี้ยังไง ทางนี้บอกเคยมีคนไปร้องเรียน นายกบอกว่าไม่เคยไปร้องเรียน แต่คุณกอล์ฟ ก่อนหน้านี้คุณมีโทสะนะ คุณจะตบเขานะ?
กอล์ฟ : ตอนแรกผมเห็นเขาเดินไปคุยกับทางนั้นที ทางนี้ที แล้วอาม่าคนนี้สนิทกับแม่กอล์ฟ ไม่รู้เขาไปพูดเรื่องอะไร แต่ที่ผมไม่โอเค ผมไปลงบันทึกแจ้งความแล้วที่สถานีตร. คือไปกล่าวอ้างแล้วไม่มีประจักษ์พยานหลักฐานอะไรเลย
เขากล่าวอ้างจริงมั้ย?
จอม : จริงครับ วันที่ผมถ่ายรูปที่นอนส่งให้ประธานหมู่บ้าน ย้อนไปประมาณกลางปีที่แล้ว บอกว่าพี่จะทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ทำไม พี่อมรพี่ชายผม นายกก็รู้จัก ยังมีอีกสองสามคนผมจำไม่ได้ ผมอยู่นี่มา 20 ปีมีแต่คนรู้จักผม เหมือนข่มเรา
ตุ้ย : วันนั้นเขาก็เหมือนมาตักเตือน เขาเป็นเพื่อนรู้จักกัน วันที่ส่งคนไป
กอล์ฟ : จริงๆ เรื่องนี้ไม่มีอะไรเลย เดี๋ยวกอล์ฟไปจัดการเอง แต่พวกพี่ไปพาดพิงถึงคนอื่น ผมจะบอกว่าถ้าผมพูด ผมรับผิดชอบ ผมพูดอย่างลูกผู้ชาย
ตุ้ย : กอล์ฟพูดจริง เขาพูดว่าวันนี้เขาส่งคนมารู้จักกัน แค่มาตักเตือน หนูไม่เห็นว่าใครมาบ้าน
พี่ลงไปพื้นที่?
ตรัณ : ถูกต้องครับ
ตุ้ย : เขาบอกเป็นพี่น้องกัน รู้จักกัน
เมียกอล์ฟ : พวกนี้ก็ต้องพูดไปตามที่กอล์ฟพูด พูดเรื่องจริงก็พูดไปตามนั้น
กอล์ฟ : ที่ผมพูดมีแค่สองประเด็น คือเขาไปขอเบอร์ประธานหมู่บ้าน แล้วให้ผู้พันคนนึง มีการแคปไลน์กันไว้ ของพี่ไม่มีหรอก มันอยู่ในไลน์ประธานหมู่บ้าน แต่ส่วนตรงนี้ไม่ได้พูดว่าท่านนายกรู้จักกับกอล์ฟ
วันนี้กอล์ฟแจ้งความทางนี้ว่าพูดพาดพิงว่ากอล์ฟรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ มันฟ้องกันได้มั้ย?
ชำนัญ : จริงๆ ก็เป็นสิทธิ์ในการไปแจ้ง แต่เท่าที่ทราบแจ้งเป็นหลักฐานทางตร.แค่บันทึกรับทราบ คงไม่ได้เป็นคดีอะไร แล้วคิดว่ามันเป็นการพูดคุยกันมากกว่า ไม่ได้ใส่ความให้ร้ายหรือหมิ่นประมาทที่จะไปถึงจุดดำเนินคดีเป็นคดีความทะเลาะกันต่อไป เท่าที่ทราบเบื้องต้นแจ้งเป็นหลักฐาน คิดว่าไม่น่ามีปัญหา พูดคุยกันได้ (กอล์ฟให้ดูหลักฐาน) แจ้งเป็นคดี ดำเนินคดี
ต้องรื้อภายใน 30 วัน?
ดร.พิมพ์พัชชา : เจ้าของต้องรื้อภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดให้อย่างน้อย 30 วัน
นายกกับกอล์ฟไม่เคยรู้จักกัน?
ดร.พิมพ์พัชชา : ไม่เคยค่ะ
กอล์ฟกับเทศกิจรู้จักกันมั้ย?
กอล์ฟ : ไม่รู้จัก
แล้วกอล์ฟไปบอกเขาว่าเป็นพี่น้องกันเลย?
กอล์ฟ : เพราะเขาพูดกล่าวอ้าง
เราต้องการโชว์หรือเปล่า?
ยายติ๊ก : กอล์ฟพูดจริงก็ยอมรับ
กอล์ฟ : คุณยายฟังจากที่เขาเล่าให้ฟัง
ยายติ๊ก : หนูอย่าหัวหมอว่าไม่มีหลักฐาน ลูกก็บอกว่ากอล์ฟพูดจริง
กอล์ฟ : ลูกคุณยายบอกว่าร้องเรียนมานานแล้ว 3 ปี ข้อมูลก็ไม่มี หลายเรื่องที่พูดมาก็ไม่มี แต่ยังไงผมก็ขอโทษก่อน
ยายติ๊ก : เจ้าของบ้านคนเดิมเขาไปร้อง แต่ไม่ได้ร้องถึงนายก
กอล์ฟ : มันไม่มีในหนังสือคำร้อง การลงเรื่องต้องมีการลงบันทึกชื่อ วันที่ กอล์ฟยงถามเลยว่าใครมาร้อง
เท่าที่ฟัง กอล์ฟบอกว่าผิดเองจะรื้อออกไป?
กอล์ฟ : จะทำเดี๋ยวนี้เลย
เรื่องแจ้งความแจ้งแน่?
กอล์ฟ : คำพูดพี่เขาลงไปในสื่อ โดยไม่มีการมาถามกอล์ฟ
ทางนี้แจ้งได้มั้ยที่จะไปตบเขา?
ชำนัญ : จริงๆ ก็เป็นการข่มขู่ แต่ก็ไม่แนะนำให้ไปกันต่อ เพราะท้ายที่สุดก็บ้านอยู่ตรงข้าม
จอม : ถึงเข้าข่ายหมิ่นประมาทผมก็ไม่แจ้งครับ ฟ้องกันไปฟ้องกันมา
จริงๆ เขาแจ้งได้เขาก็ไม่แจ้ง?
ยายติ๊ก : เราอยู่กันต้องการเป็นมิตร ไม่ได้อยากเป็นศัตรู ไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร ถ้าอยู่กันเพื่อความจริงใจ
จอม : ฟ้องกันไปฟ้องกันมาทีวีมันไม่พัง แต่เราจะพังทั้งคู่
ทนายมองเรื่องนี้ยังไง?
ชำนัญ : เรื่องนี้เราเห็นปัญหาอยู่แล้ว ที่ทะเลาะกันแล้วมีแจ้งความ เป็นปลายทางความขัดแย้ง ปัญหาตั้งต้นคือการใช้สิทธิเกินส่วน โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของคนที่อยู่ข้างเคียง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ในการอยู่ร่วมกันต้องใจเขาใจเรา ถ้ามองจุดนี้ได้ จริงๆ ก็ทาสเมียทั้งคู่น่าจะหาทางออกร่วมกันได้ อีกอย่างคือปัญหาเรื่องโครงสร้าง ซึ่งน่าจะเป็นปัญหาใหญ่ที่ท่านนายกต้องไปจัดการ เพราะอย่างที่บอกว่ามีการดัดแปลงต่อเติมอาคารจากโรงจอดรถภายในบ้าน มันทำถูกต้องตามกฎหมายมั้ย อันนี้เป็นประเด็นแรก ถามว่าเราละเลยเรื่องพวกนี้ ใช้หลักรัฐศาสตร์ที่คนอยู่ร่วมกันแล้วปล่อย ผมบอกได้เลยว่ามันไม่ใช่ เพราะท้ายที่สุดกฎหมายออกแบบมันมีเงื่อนไข ถนนหนทางที่มีระยะเว้น ระยะร่น รถจอดที่ตามมา ไฟไหม้ รถดับเพลิงทุกอย่าง นี่คือปัญหาเชิงระบบ เราอาจคิดว่าเราอยู่อย่างนี้ไม่เป็นไร แต่จริงๆ ทุกอย่างมันถูกออกแบบมาแบบนั้น ว่าต้องเว้นระยะกี่เมตร นี่คือความเป็นจริง ถ้าเคารพกติกา ทุกอย่างก็กลับเข้าสู้จุดเริ่มต้นได้ แล้วปัญหาที่ดิน หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเก่าแล้วขยายมาจน 400-500 หลังคาเรือน ที่ทราบโดยประมาณ ปัญหาคือพื้นที่ส่วนกลางไม่ได้ปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่สาธารณะ ก็ขาดการดูแล ขาดการกำกับ อันนี้นายกลองแก้ปัญหาถ่ายโอนที่ดินตรงนี้มาเป็นสาธารณะเสีย ในเรื่องการขุดลอกท่อไฟถนน มันเป็นประโยชน์ต่อชุมชน อาจให้ชุมชนไปนั่งคุยกันระดับกรรมการหมู่บ้านหามติร่วมกันเพื่อถ่ายโอนที่ดินเพราะถ้าทุกคนอุทิศ มันไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไร แค่ส่วนท้องถิ่นสามารถถ่ายโอนภารกิจและรับเอางบประมาณมาจัดสรรได้
ดร.พิมพ์พัชชา : เทศบาลเรายินดีรับเป็นพื้นที่สาธารณะอยู่แล้ว ยินดีดูแลความเดือดร้อนลูกบ้านทั้งหมดอยู่แล้ว ในเคสหมู่บ้านเต็มรักก็มีการหารือหลายรอบแล้ว ในเรื่องที่จะยกเป็นนิติบุคคล ซึ่งบ้านนี้ยังไม่มีการยกเป็นนิติบุคคล เนื่องจากคนขออนุญาตจัดสรรยังไม่เซ็นยินยอมให้ ตอนนี้ติดอยู่ที่ตัวบุคคลที่ขออนุญาตจัดสรรนั่นแหละค่ะ แต่เทศบาลเรายินดีรับหมู่บ้านไหนที่เป็นนิติบุคคลแล้วไม่สามารถดูแลกันเองได้ และจะยกเป็นสาธารณะ เราก็นำเรื่องเข้าสภาเทศบาลแล้วก็รับมาหลายหมู่บ้านแล้วค่ะ
ฝั่งนี้บอกว่าฝั่งคุณเองให้นายพันไปข่มขู่ประธานหมู่บ้านที่ชื่อพี่อมร?
จอม : ไม่ได้ทำครับ แค่ให้ผู้ใหญ่เขาคุยกัน ผู้ใหญ่เป็นลุงผม เขามีอายุแล้ว ท่านประธานหมู่บ้านไม่ค่อยชอบคุยกับผม ก็ให้คุยกับลุง มีหลักฐานครับ
ในไลน์คุณก็พูดดีนี่ ทำไมประธานไม่ชอบคุณ?
เมียกอล์ฟ : ประธานเขาไม่ชอบ สิ่งแรกเลยที่ประธานแจ้งหนูมา มีพันตรีโทรหาเขา
พันตรีคือลุงของคุณ?
จอม : พันเอกครับ
เมียกอล์ฟ : เขาบอกหนูให้รีบไปแก้ไข เพราะเขาโทรมาพูดจาไม่ดีกับผม และใช้อำนาจในการพูดว่าให้เวลาแค่ 1 ปีในการจัดแจงตรงนี้ ซึ่งประธานเขาก็รับเรื่องเอาไว้แล้วก็แจ้งกับเรา เราไม่ได้นิ่งนอนใจเลยค่ะ เพราะวันศุกร์ที่เขามาลงเรื่องเอาไว้ มันติดเสาร์อาทิตย์จันทร์ เราคุยกันแล้วว่าจะรื้อถอนนะ และจะไปติดต่อเจ้าหน้าที่กองช่างที่จะมาช่วยเรารื้อถอนตรงนี้ได้ เราก็รอจนถึงวันนี้ เมื่อวานมีเจ้าหน้าที่ นักข่าวมาเลย ทั้งที่เราเพิ่งรับเรื่องวันศุกร์ มันเลยเกิดปัญหาขึ้น
ไทม์ไลน์ทับซ้อน เรากำลังจัดการ แต่ข่าวออกไปแล้ว นักข่าวก็เลยมา คุณยังไม่ได้ทำอะไร เรื่องก็เลยเกิดขึ้น แล้วประธานจะไม่ชอบเขาด้วยเรื่องอะไร?
เมียกอล์ฟ : เขาไม่ได้โทรโดยตรง เขาพิมพ์เฉยๆ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีปัญหากันเรื่องเอากะละมังวาง เขารับเรื่องเสร็จแล้วพี่กอล์ฟก็มาแจ้งให้แม่เคลียร์เรื่องทุกอย่างให้ แต่เหมือนคนๆ นี้เขาแจ้งเรื่องอยู่ประจำ
หมายถึงคุณจอม?
เมียกอล์ฟ : ใช่ค่ะ เขาแจ้งเรื่องไป พอเขาแก้ปัญหาให้เรียบร้อยแล้วก็ไม่จบ เหมือนจบเรื่องนี้ก็มีเรื่องใหม่ อาจไม่ได้มีแค่เรื่องหนู มีเรื่องบ้านข้างๆ เป็นปัญหาบ่อย ก็ทำให้เขารู้สึกว่าลูกบ้านคนนี้ไม่เข้าใจคนในซอยเดียวกัน พวกหนูยังอยู่กันได้เลย
กอล์ฟ : มันเหมือนชุมชนเล็กๆ พี่
ประธานก็ต้องเข้าใจบริบทคนมาอยู่ใหม่?
ยายติ๊ก : ทำผิดๆ ทำไม่ถูกแล้วจะให้เป็นเหมือนเขา เราไม่ใช่คนแบบนั้น เราไม่ใช่คนเอาเปรียบคน
ประธานก็ต้องเข้าใจนะเขาลูกบ้านใหม่ เขาไม่เคยเรียนรู้หรอกว่าการอยู่ของพวกคุณเป็นแบบไหน เขาอยู่กันแบบสากล แต่ที่อยู่ตรงนี้ไม่เป็นสากล เพราะเป็นลักษณะจัดตั้งกันเอง มาใหม่ก็ต้องอยู่ได้ แต่เขารู้สึกไม่ถูกต้อง เข้าบ้านรถจอดคู่ก็เข้าไม่ได้ เปิดประตูมา โรงรถก็ขวาง แล้วกินเหล้าเละเทะเสียงดัง ก็ต้องทนให้ได้?
จอม : ผมเริ่มปรับเข้าหากัน คุยกันรู้เรื่องครับเดี๋ยวนี้ หลังๆ ยังไปนั่งดื่มกับเขาด้วยแล้ว เราก็ไปกิน ไม่ได้เมา
แต่แม่ไม่ไหวเลย?
ยายติ๊ก : ไม่ชอบเลย เรามีบ้านตั้งหลายหลังไม่เคยเจอแบบนี้เลย
แม่อยากให้เป็นยังไง?
ยายติ๊ก : หนึ่งกระถางดอกไม้เอาออก โรงรถเอาออก เผื่อแม่จะได้ขับรถเข้าบ้าน ของเราไม่ได้จอดบนถนนนะ เราจอดในบ้านเลย
เมียกอล์ฟ : ย้อนดูภาพเลยค่ะ มันเอารถเข้าบ้านไม่ได้
ยายติ๊ก : อย่าให้เขตเขามาล้ำของเรา เราเข้าออกลำบาก
ดร.พิมพ์พัชชา : ภายใน 30 วันเขารื้อถอนเลยค่ะ
จะอยู่กันยังไง เปิดบ้านมาก็เจอกัน?
กอล์ฟ : ผมก็ขอโทษ ผมผิดเองในเรื่องสิ่งปลูกสร้างที่ยื่นออกมา ผมไม่มีข้อแม้ใดๆ ผมทำวันนี้เลย แต่ขอเรื่องเดียวว่าการไปกล่าวอ้างคนโน้นคนนี้ พี่จะพูดหรือไม่พูดก็เรื่องของพี่แต่ขอว่าอย่า ถ้าพี่บอกว่าคำว่าถูกต้องในโซเชียล พี่ลองดูบ้านของพี่ด้วย มันเหลื่อมล้ำล้นเสาไฟมาเยอะมาก ผมก็ไม่เคยร้องเรียนใคร
จอม : แล้วมันเป็นเจตนาของเราหรือเปล่าที่ผิด
ยายติ๊ก : อันนี้เราซื้อมา กอล์ฟก็ต้องเข้าใจนะเราซื้อมามันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว แต่ของหนูมันเพิ่งทำนะลูก ต้องคิดใหม่
จอม : ถ้าคิดว่าผมทำมาผิด โอเค ผมรื้อเหมือนกัน แต่นี้คือผมซื้อมา มันมาแบบนี้ แล้วก็รู้เมื่อวานว่ามันผิด
ก็ต้องเข้าใจบริบทด้วย เขาซื้อมา มันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ไปแจ้งเขาไม่ได้ว่าเขาผิด?
กอล์ฟ : ถ้ามาตรฐานเดียวกันหมด ผมทำให้เลยวันนี้ ส่วนของพี่จะทำเมื่อไหร่ก็ทำ ถ้าพี่สะดวกก็ทำให้ถูก
งั้นกอล์ฟต้องไปบอกทุกคนที่เกินถนนมาให้รื้อให้หมด กอล์ฟทำได้มั้ย?
กอล์ฟ : ผมแค่บอกว่าผมทำของผมก่อน ส่วนคนอื่นใครทำหรือไม่ทำ ไม่ได้เดือดร้อนกอล์ฟหรอก ไม่ต้องไปแจ้งเขาหรอก แต่พี่บอกว่าอยากให้สังคมมีมาตรฐานเดียวกัน ถ้าพี่อยากทำก็ทำให้เรียบร้อย แค่นั้นเอง แต่ผมทำก่อนเพราะผมผิด ยอมรับเลยว่าผิด ผมไม่ได้แก้ไขปัญหามันผ่านมาเนิ่นนาน
ไม่ใช่กลับบ้านไปองค์ลง จะไปตบเขาอีกนะ?
กอล์ฟ : ไม่ ปกติผมไม่ค่อยได้พูดกับใคร อยู่ในบ้านตลอด ผมเกรงใจเขามากกว่า เจอพี่เขาก็สวัสดีเขาทุกวัน
เจอหน้ากันจะคุยกันได้มั้ย?
จอม : ณ วันนี้ผมก็ไม่ได้โกรธเขาเป็นการส่วนตัว เอาแค่ประเด็นที่เป็นข่าวแค่นี้ เรื่องนี้จบก็จบ
ยายติ๊ก : แค่ทำให้ถูกต้องแค่นั้นแหละ
จอม : กอล์ฟจะไปแจ้งความก็ไปสู้กัน
กอล์ฟ : เรื่องการพาดพิงใครจะไม่พูดถึงบุคคลที่สามแล้วกัน
จะถอนมั้ย?
กอล์ฟ : เดี๋ยวคุยกันอีกที เพราะผมกระทบไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว ผมมีหน้าที่การงาน วันนี้ข่าวออกไปเยอะแยะมากมาย ออกไปในทิศทางเดียวตอนแรก พี่เป็นคนพูดคนเดียว ฝ่ายเดียว ณ วันนั้นไม่มีใครมาสอบถามผม
จอม : ถ้านายกฟ้องผมไม่เสียใจเลย แต่นี่เป็นเขา เพราะเขาเป็นผู้กระทำทั้งนั้น จุดเริ่มต้นมาจากเขาทั้งนั้น
เมียกอล์ฟ : ปกติเราไม่เคยทะเลาะกันแม้แต่นิดเดียว ทุกครั้งถ้าลงต้นไม้ ก็ถามตลอดว่ามันเกะกะมั้ย พี่หนูขอโทษมั้ย แต่เขาเลือกที่จะไม่พูดกับหนูเลย เราก็เลยไม่รู้ว่าเราต้องแก้ไขยังไง ถ้าเขาพูดแม้แต่คำเดียวว่าให้รื้อออกได้มั้ย ก่อนเขาแจ้งเทศบาลเราจะรีบทำให้เลย
ยายติ๊ก : แต่หนูคิดว่ามันผิดมั้ยไปตั้งไว้อย่างนั้น สมองหนูมีมั้ย
เมียกอล์ฟ : แม่คะ มันผิด หนูเข้าใจ แต่แม่ควรบอกเราก่อนถูกมั้ยก่อนไปแจ้งกับคนอื่น ถ้าแม่มาแจ้งหนูตรงๆ แล้วหนูไม่แก้ไขให้แม่ แม่มาด่าหนูได้เลย ถูกมั้ยคะ แต่แม่เลือกไปฟ้องคนอื่นก่อนที่จะมาพูดกับคนบ้านตรงข้าม ที่เราหวัดดีกันทุกวัน เขาซื้อข้าวติดข้าวแมว อะไรทุกอย่าง เราช่วยเหลือกันบ้านตรงข้าม เรื่องแค่นี้น่าจะคุยกันได้
จอม : คุยก่อนนะครับ แต่เขาบอกพี่จะทำอะไรก็เชิญ คุยกันว่าขอรื้อถอนตรงนี้ได้มั้ย เขาบอกอยู่ตรงนี้ สร้างมานานแล้ว เหมือนไม่อยากเอาออก
วันนี้จบเนอะ ทางนี้ต้องการให้รื้อออกไป?
ยายติ๊ก : ถ้าเอาออกก็ไม่มีปัญหา กะละมังแมวไม่เอามาไว้อีก
แม่จะคุยกับเขามั้ย?
ยายติ๊ก : ปกติไม่ได้ทะเลาะไม่ได้โกรธอะไร แต่มันมีแบบนี้แหละ ถ้าไม่คุยกับสื่อมันไม่จบ อยู่อย่างนั้นแหละทั้งชาติ ไม่เห็นใจหัวอก เราอยู่ร่วมโลกกัน ต้องเห็นใจซึ่งกันและกัน
กอล์ฟ : ผมยินดีแก้ปัญหา
กลับไปอย่าทะเลาะกันนะ?
กอล์ฟ : เรื่องนี้จะมีผลกระทบกับผมหลายๆ เรื่อง ถ้าไม่มีอะไร ถ้าคุยแล้วไม่เกิดปัญหา ผมก็ยินดีถอนเรื่องให้ แต่ขอต่อจากนี้ไป ถ้าพี่จะติดต่อใคร ประธาน กรรมการก็แล้วแต่ การเอาบุคคลที่สามมาคุย แล้วกล่าวอ้าง ไม่อยากให้เป็นเรื่องแบบนี้
มุมนึงเข้าใจเขามากนะ เวลาเขาขอให้เรารื้อ แม้แต่เรื่องประธานหมู่บ้าน บางทีกอล์ฟอาจลืมไปก็ได้ อาจเผลอพูดอะไรไปโดยที่จำไม่ได้ แต่คนฟังเขาคิดอีกแบบ เราอาจพูดแบบไม่มีอะไร แต่เขามี มันไม่สนุกหรอก เปิดบ้านมาเจอกันแล้วไม่มองหน้ากัน สุดท้ายไปเจอบนศาล ถามว่าวันนี้กอล์ฟแจ้งความ ทางนี้เขาสู้ แล้วตร.บอกว่าเขาไม่ได้ผิดนะ เขามาฟ้องเราฟ้องเท็จอีก กอล์ฟจะทำยังไง?
จอม : เราก็ไม่ฟ้องกลับเหมือนเดิมครับ
ยายติ๊ก : เราไม่ทำหรอก ไม่พยาบาทหรอก
จอม : อยากสานต่อความเป็นเพื่อนบ้าน เพราะยังไงก็ไปไหนไม่ได้หรอก
ยายติ๊ก : สุดท้ายก็อยู่ด้วยกัน
ชำนัญ : ผมว่าวันนี้คุณกอล์ฟอยู่ในสื่อแล้ว ถ้าบอกถึงเจตนารมณ์ว่าเราไม่ได้มีความตั้งใจอะไร เราก็ยุติเรื่องพวกนี้กันไป ผมว่าอย่างน้อยการกลับไปอยู่บ้านจะได้ไม่ระแวดระวังกัน ไม่มีการตั้งทัศนคติที่เป็นลบต่อกัน ผมมองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แล้วถ้ามองจากข้อหาผมว่าไปไม่รอด วันนี้เราพรีเซ็นต์ให้สังคมทราบได้ ใครก็แล้วแต่ที่เข้าใจเราผิด วันนี้เรามาเคลียร์ใจกันแล้ว เราเห็นแล้วว่าเราไม่ได้เป็นแบบนั้น เราจับมือกัน ก็คงไม่มีใครมาทำให้ขัดแย้งจากตรงนี้ต่อ มันก็อยู่ที่ตัวเรา
คุณไปถอนเถอะ?
กอล์ฟ : เดี๋ยวผมไปถอนให้ครับ แต่ผมขออย่างเดียว อย่าพูดพาดพิง
จอม : จบ ไม่ติดใจด้วยซ้ำ กอล์ฟจะทำยังไงก็บอกพี่ คุยกัน สร้างสรรค์สังคมให้มันน่าอยู่