กรมโรงงานอุตสาหกรรม ออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับล่าสุด เรื่อง “การจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ.2566” ที่นำหลักการ ผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายหรือเป็นผู้รับผิดชอบ (Polluter Pays Principle: PPP) มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ มีผลบังคับใช้ 1 พ.ย.66 พร้อมเตือนผู้ก่อกำเนิดของเสียและผู้รับบำบัดกำจัดของเสีย ต้องรายงานการจัดการของเสียภายในกำหนด ฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุด 20,000 บาท

นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่เกิดขึ้นจากการประกอบกิจการโรงงาน จึงได้ปรับปรุงประกาศฉบับล่าสุด “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ.2566” ที่นำหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายหรือเป็นผู้รับผิดชอบ (Polluter Pays Principle: PPP) มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ กำหนดความรับผิดตั้งแต่ต้นทางโรงงานผู้ก่อกำเนิด ไปจนกว่าสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วจะได้รับการจัดการจนแล้วเสร็จ ต่างจากเดิมที่ความรับผิดชอบจะสิ้นสุดเมื่อโรงงานผู้รับกำจัดได้รับมอบสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ยกเว้นการส่งรายงานประจำปีเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว และรายงานประจำเดือนเกี่ยวกับการจัดการวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ ผ่านระบบการรายงานข้อมูลกลางของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ iSingle Form (https://isingleform.go.th/home) ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 และจะมีผลนับถัดจากวันที่ประกาศ ฝ่าฝืนไม่รายงานหรือรายงานล่าช้ามีโทษปรับสุงสุด 20,000 บาท

โดยผู้ก่อกำเนิดของเสีย (Waste Generator: WG) 60,638 โรงงานทั่วประเทศ เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ต้องรายงานประจำปีเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ทั้งที่เป็นของเสียอันตรายและไม่อันตราย ภายในวันที่ 1 เมษายนของปีถัดไป โดยข้อมูลรอบปี พ.ศ.2565 กำหนดให้รายงานภายใน 30 วัน นับถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาคือ ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2566 สำหรับโรงงานที่ส่งรายงาน แบบ สก.3 รอบปี พ.ศ.2565 ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ.2548 แล้ว จะถือว่าได้ส่งรายงานประจำปี รอบปี พ.ศ.2565 ตามประกาศฉบับใหม่แล้วเรียบร้อย

สำหรับผู้รับบำบัดกำจัดของเสีย (Waste Processor: WP) คือโรงงานลำดับที่ 101, 105 และ 106 จำนวน 2,500 โรงงานทั่วประเทศต้องจัดส่งรายงานประจำเดือนเกี่ยวกับการจัดการวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป มีผลนับถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งจะรายงานข้อมูลครั้งแรกภายใน 15 กรกฎาคม 2566

นายจุลพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรอ. ได้จัดอบรมผ่านระบบออนไลน์ให้แก่โรงงาน ลำดับที่ 101,105 และ 106 เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม-1 มิถุนายน 2566 รวม 1,020 ราย ในหัวข้อ "กฎหมายการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ.2566” เพื่อให้ผู้รับบำบัดกำจัดของเสีย สามารถส่งรายงานเข้าสู่ระบบได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายภายในกำหนดเวลา

“การจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ให้เข้าสู่ระบบการจัดการที่ดีเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานรองรับการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมอย่างสมดุล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน รวมทั้งสร้างความเชื่อถือและความไว้วางใจจากประชาชนทั่วประเทศ”อธิบดีกรมโรงงานกล่าว