เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 5 มิ.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โยมอัฎฐาก ผู้ดูแลพระภิกษุสามเณร ประจำที่พักสงฆ์แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง  ได้ร้องเรียนมีพระภิกษุสงฆ์ไทย จำนวน 2 รูป ที่เดินทางมาจำพรรษาจากต่างจังหวัด พร้อมฆราวาส 1 คน นั่งล้อมวงกันซดเบียร์ และดื่มเหล้าขาว อยู่บนศาลาอเนกประสงฆ์  โดยจะไล่ผู้ดูแลที่พักสงฆ์  ไม่ให้ใครเข้ามาบนศาลา สร้างความเอือมระอา ต่อพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยได้มีการแอบบันทึกภาพขณะนั่งล้อมวง และยกขวดเบียร์ขึ้นดื่ม    ก่อนไปร้องเรียนกับผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เข้ามาตรวจสอบ  

 

ในที่เกิดเหตุ บนศาลาเอนกประสงค์ พบขวดเบียร์สีเขียวตั้งอยู่กลางวงสนทนาของพระภิกษุทั้ง 2 รูป และฆราวาส 1 คน  โดย 1 ในพระภิกษุสงฆ์ ระบุว่า เป็นพระอาคันตุกะผู้มาเยือน ปฏิเสธไม่ได้กินเบียร์ กินแล้วศิลห้าก็ขาด โดยโยนความผิดให้ฆราวาสที่นั่งอยู่ด้านหลังเป็นคนไปซื้อมากินเอง  ทั้งที่ลักษณะการพูดจา แบบลิ้นพันกัน ใครพบเห็นก็ทราบว่าเป็นอาการของคนเมาสุรา ก่อนที่ผู้ใหญ่บ้าน จะไปตามพระปกครองที่ดูแลสำนักสงฆ์แห่งนี้เดินทางมาตรวจสอบ  

โยมอุปัฎฐายิกา หญิงชาวเมียนมา กล่าวว่า พระทั้ง 2 รูป เดินทางมาจากต่างจังหวัด 2-3 สัปดาห์ ก่อเหตุดวลสุรารายวัน ไม่รู้จะทำอย่างไรดี แต่ไม่อยากให้อยู่วัดนี้ เบื้องต้นได้แจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบแล้ว ไม่ชอบเลยมานั่งกินเหล้าต่อหน้าพระพุทธรูปด้วย ส่วนพระอีกรูปก่อนหน้าไม่ได้กินพึ่งกินเหล้าวันนี้ เนื่องจากถูกพระอีกรูปหนึ่ง ชวนให้กินด้วย ใครไม่กินไม่ต้องขึ้นมาอยู่บนศาลาแห่งนี้   

ต่อมา พระครูสิริสุวรรณาทร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุวรรณคีรีวิหารและเจ้าคณะตำบลเขานิเวศน์  ได้เดินทางมาที่พักสงฆ์ดังกล่าวที่อยู่ในการดูแล ก่อนเข้าไปทำการพูดคุยและตรวจสอบพระภิกษุรูปแรก อายุ 48 ปี บวชได้ 5 พรรษา มาจากจากวัดแห่งหนึ่งใน อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก  ซึ่งก็พูดคุยด้วยดี พระครูฯให้โอกาสเพราะผิด ในฐานโลกะวัชชะ ที่ชาวโลกติเตียน ไม่เหมาะสมกับสมณะที่ภิกษุควรทำ ให้เดินทางออกจากที่พักสงฆ์ แต่พระรูปดังกล่าวสำนึกในความผิด ขอลาสิกขาบทในวันนี้ทันที ส่วนพระรูปที่สอง อายุ 60 ปี บวชได้ 3 พรรษา เดินทางมาจากวัดแห่งหนึ่งใน อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ เด็กวัดต้องช่วยกันประคองให้นั่งลงต่อหน้าเจ้าคณะตำบล ก่อนจะมีการกล่าวตักเตือนถึงพฤติกรรมที่สร้างความเสื่อมเสียให้กับคณะสงฆ์ ทำไมไม่ช่วยกันปกป้อง และอย่าทำเช่นนี้อีกเป็นอันขาด สุดท้ายก็ให้ศิษย์วัดพาไปจำวัด  หากฟื้นมีสติขึ้นมาในวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย.) ก็ให้อัปเปหิ ออกไปจากที่พักสงฆ์ทันที เพื่อแก้ปัญหาเบื้องต้น  ไม่ให้เกิดความมัวหมองต่อวงการสงฆ์  ท่ามกลางความพึงพอใจของโยมอุปัฎฐากและศิษย์ที่ช่วยกันดูแลที่พักสงฆ์  ไม่เกิดเหตุที่จะบานปลายออกไป