เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.66 เพจเฟซบุ๊กพรรคก้าวไกล โพสต์คลิปวิดีโอที่ผู้ผลิตสุราพื้นบ้านต่างๆ ของไทย มาบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสุราไทยจากพื้นที่ต่างๆ และโพสต์ข้อความเรื่อง “รัฐบาลก้าวไกล อนาคตสุราไทยต้องไม่เหมือนเดิม”โดยระบุข้อความว่า

“เป็นเวลามากกว่า 70 ปี ที่อำนาจรัฐให้อำนาจผูกขาดธุรกิจสุราให้อยู่ในมือเจ้าสัว แต่เหลืออีกเพียงก้าวเดียว โซ่ตรวนที่ปิดกั้นศักยภาพของผู้ผลิตสุราไทยกำลังจะถูกทำลายลง มูลค่าธุรกิจสุราทั้งหมด 500,000 ล้านบาท จากที่อยู่ในมือของรายใหญ่ 2-3 ราย กำลังจะกระจายไปสู่ผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อยทั่วประเทศ ให้สร้างสรรค์เอกลักษณ์สินค้าเกษตรของท้องถิ่นตัวเอง สินค้าเกษตร เก็บไว้ในโกดัง มีแต่ราคาจะลดเหล้า เก็บไว้ในไห มีแต่ราคาจะสูงขึ้น Think Forward Center เคยนำเสนอเอาไว้ว่าหากการปลดล็อกธุรกิจสุราเกิดขึ้นจริง ประเทศไทยจะมีศักยภาพเกิดขึ้นถึง7 อย่าง

1. เพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตทางการเกษตร ได้มากมายหลายชนิด ทั้งข้าว อ้อย มัน ข้าวโพด มะพร้าว ตาล จาก ฯลฯ โดยรวมแล้วจะเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตเหล่านี้ได้ไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท/ปี

2. สร้างงานและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชนไม่น้อยกว่า 30,000 ล้านบาท/ปี

3. เสริมสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยว ให้มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ และมีกิจกรรมที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและภูมิปัญญาของแต่ละท้องถิ่น

4. เกิดการวิจัยและพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาดั้งเดิมได้อีกมาก ตั้งแต่การปรับปรุงพันธุ์ข้าวและผลผลิตการเกษตร การหมัก การเก็บรักษา ไปจนถึงการตลาด

5. ลดการนำเข้าสุราและเบียร์ และเพิ่มมูลค่าการส่งออกสุราและเบียร์ ทำให้เพิ่มดุลการค้าให้กับประเทศไทยได้มากกว่า 3,500 ล้านบาท/ปี

6. เป็นเครื่องมือในการรักษาเสถียรภาพราคาผลผลิตการเกษตรของชุมชน ด้วยการเก็บรักษาไว้ในรูปของสุราพื้นบ้าน จึงช่วยเพิ่มทางเลือกในการจัดการ และอำนาจต่อรองให้กับเกษตรกรและชุมชน

7. กากจากกระบวนการหมักสุราและเบียร์ของชุมชน ยังสามารถนำมาใช้ในการลดต้นทุนอาหารสัตว์ของชุมชน และ/หรือการหมักก๊าซชีวภาพ ได้อีกทางหนึ่งด้วย

การปลดล็อกธุรกิจสุราไม่ใช่ชัยชนะของผู้ผลิตสุรารายย่อยที่มีต่อทุนใหญ่ แต่คือชัยชนะของประชาชนที่ต่อระบอบนายทุน ขุนศึก ศักดินา ที่ใช้อำนาจผูกขาดกัดกินประเทศ #สุราก้าวหน้า เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ประเทศไทยยังมีศักยภาพอีกหลายอย่างที่รอให้ #รัฐบาลก้าวไกล เข้าไปพัฒนา”