วันที่ 2 มิ.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่ บช.สอท.พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท.ฝากเตือนภัยมิจฉาชีพสร้างเพจเฟซบุ๊กปลอมหลอกลวงผู้ปกครองให้ลงทะเบียนสมัครเข้าประกวดคัดเลือกนายแบบนางแบบเด็ก หรือถ่ายแบบแฟชั่นเสื้อผ้าเด็ก สุดท้ายถูกหลอกให้โอนเงินซื้อสินค้าอ้างเพื่อเพิ่มคะแนนเข้าสู่รอบต่อไป  

ทั้งนี้ได้รับรายงานว่าจากการตรวจสอบในระบบการรับแจ้งความออนไลน์พบว่า มีผู้เสียหายหลายรายซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ปกครองที่ต้องการให้บุตรหลานของตนเข้าสู่วงการเป็นนายแบบหรือนางแบบเด็ก ถูกมิจฉาชีพหลอกลวงโดยการสร้างเพจเฟซบุ๊ก ปลอมขึ้นมา เช่น เพจ Child model kids, KID Model 2023, Summer Model, Fashion Kid เป็นต้น เพื่อหลอกลวงผู้เสียหายให้สมัครลงทะเบียนเข้าร่วมการคัดเลือกนายแบบนางแบบเด็ก อ้างว่าเมื่อผ่านการคัดเลือกจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น เดินแบบร่วมกับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงของห้างสรรพสินค้า ได้รับเงินเดือน ได้รับค่าคอมมิชชันต่างๆ เป็นต้น หรือถ่ายแบบแฟชั่นเสื้อผ้าเด็ก มีรายได้ 450 – 750 บาทต่องาน ไม่มีค่าใช้จ่ายในการสมัคร เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อติดต่อไปยังไลน์ของมิจฉาชีพ มิจฉาชีพจะให้ส่งรูปภาพ และคลิปวิดีโอของบุตรหลาน

รวมถึงการเข้ากลุ่ม Line Open Chat ทำกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อเข้าสู่รอบคัดเลือก ภายในกลุ่มดังกล่าวจะมีแอดมิน ติวเตอร์ และหน้าม้าผู้ปกครองต่างๆ โดยกิจกรรมที่ให้ผู้เสียหายทำ คือ การจำลองสั่งซื้อสินค้าเสมือนจริงผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ Central หรือให้เข้าไปกดถูกใจสินค้าผ่านลิงก์ที่มิจฉาชีพส่งมาให้ เมื่อทำเสร็จสิ้นจะได้รับคะแนน และค่าคอมมิชชันประมาณ 10-20% ของราคาสินค้า แต่ผู้เสียหายต้องสำรองโอนเงินค่าสินค้านั้นๆ เสียก่อน มีการอ้างว่าเพื่ออนาคตของลูก ต่อมาสินค้าก็จะมีราคาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งทำให้ผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ นอกจากนี้แล้วมิจฉาชีพยังได้ใช้วิธีการปลอมบัญชีผู้ใช้เป็นหน้าม้าเพื่อสร้างความน่าเชื่อถืออีกด้วย ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอกลวงและได้รับความเสียหาย จึงแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับมิจฉาชีพตามกฎหมายต่อไป

ซึ่งตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบงานในด้านการป้องกันปราบปราม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์  โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงประชาชนให้ทำภารกิจ หรือทำงานออนไลน์เพื่อหารายได้เสริม โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง เพราะถือเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน

โดยที่ผ่านมา บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบมาโดยตลอด มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ การหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงาน หรือทำกิจกรรมต่างๆ จะมีแผนประทุษกรรมในขั้นตอนสุดท้ายเหมือนกันคือ การโอนเงินไปยังบัญชีของมิจฉาชีพ ซึ่งมักอ้างว่าให้ทำการสำรองเงินก่อน เมื่อทำกิจกรรมเสร็จจะได้รับเงินทั้งหมด จะแตกต่างกันที่เนื้อเรื่องในการนำมาหลอกลวงผู้เสียหาย เช่น การหลอกลวงให้กดไลก์ (Like) กดแชร์ (Share) ดูคลิปวิดีโอจากยูทูบ (YouTube) กดรับออร์เดอร์สินค้า รีวิวสินค้า รีวิวที่พัก พับถุงกระดาษ ร้อยลูกปัด หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ตามแต่ที่มิจฉาชีพออกอุบาย โดยการประกาศเชิญชวนโฆษณาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ หรือการส่งความสั้น (SMS) ไปยังเหยื่อโดยตรง ให้กดลิงก์เพิ่มเพื่อน แล้วเข้ากลุ่มทำงานที่มิจฉาชีพสร้างขึ้นมา

ทั้งนี้ในช่วงแรกจะได้เงินคืนมาเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นมิจฉาชีพก็จะให้ทำภารกิจพิเศษ หลอกให้เหยื่อโอนเงินเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามระดับภารกิจ ทั้งนี้เหยื่อมักเสียดายเงินที่เคยโอนไปก่อนหน้านี้ อยากได้เงินทั้งหมดคืน ก็หลงเชื่อโอนเงินไปเพิ่มอีกหลายครั้ง มิจฉาชีพก็จะมีข้ออ้างต่างๆ รวมไปถึงการสร้างความน่าเชื่อถือโดยให้หน้าม้าในกลุ่มไลน์แสดงหลักฐานปลอมว่าได้รับเงินจริง กระทั่งเมื่อเหยื่อรู้ตัวว่าถูกหลอกลวงก็จะปิดการติดต่อหลบหนีไป เพราะฉะนั้นการทำกิจกรรม หรือธุรกรรมใดๆ บนโลกออนไลน์ต้องรู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพและมีสติอยู่เสมอ

ดังนั้นจึงฝากเตือนถึงแนวทางการป้องกันการถูกหลอกลวงหารายได้จากการทำกิจกรรมผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ดังนี้ 1.ระวังการเข้าสู่เพจเฟซบุ๊กปลอม ควรตรวจสอบในเบื้องต้นว่ามีชื่อเพจในลักษณะเดียวกันหรือไม่ ตรวจสอบส่วนร่วมในการโพสต์เนื้อหา รูปภาพ หรือกิจกรรมต่างๆ มีการแสดงความคิดเห็นในทางไม่ดีหรือไม่ อย่างไร รวมถึงความโปร่งใสของเพจ ว่ามีการเปลี่ยนชื่อใดมาก่อนหรือไม่ ผู้จัดการเพจอยู่ในประเทศใด 2.ระวังเพจเฟซบุ๊กที่ไม่ใช่เพจทางการ เพจที่มีผู้ติดตามจำนวนน้อย หรือเพจที่สร้างขึ้นได้ไม่นาน 3.เมื่อพบคำเชิญชวนให้ทำงานออนไลน์ ผ่านทางข้อความสั้น (SMS) หรือประกาศ โฆษณาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Facebook, Instagram, Tiktok อย่าเข้าไปติดต่อสมัครทำงานเป็นอันขาด มักจะมีการแอบอ้างสัญลักษณ์ของหน่วยงาน หรือบริษัทที่เกี่ยวข้องมาเพิ่มความน่าเชื่อถือ

ส่วน 4.หลีกเลี่ยงข้อเสนอที่ฟังดูดี หรือมีผลตอบแทนสูง ทำง่าย มีขั้นตอนไม่ซับซ้อน 5.หากต้องการจะทำงานเพื่อหารายได้ให้ปรึกษาสายด่วนของตำรวจไซเบอร์ ที่หมายเลข 1441 หรือ 08-1866-3000 เพื่อปรึกษา สอบถามว่างานดังกล่าวเข้าข่ายหลอกลวงเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ 6.หากมีการให้โอนเงินมัดจำ หรือเงินลงทุน หรือสำรองเงินใดๆ ก่อน สันนิษฐานได้ทันทีว่ากำลังโดนมิจฉาชีพหลอกลวง อย่าโอนเงินไปเด็ดขาด 7.ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว และข้อมูลทางการเงินใดๆ มิจฉาชีพมักให้เหยื่อส่งหลักฐาน ข้อมูลส่วนบุคคล อ้างว่าใช้ในการสมัครเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ​8.ไม่หลงเชื่อเพียงเพราะว่ามีการส่งสิ่งของ หรือได้รับผลตอบแทนในจำนวนเล็กน้อยก่อนจริง
​9.ระมัดระวังการโอนผ่านบัญชีของบุคคลธรรมดา โดยควรตรวจสอบหมายเลขบัญชีธนาคาร หรือชื่อนามสกุลเจ้าของบัญชี ก่อนโอนเงินทุกครั้งว่ามีประวัติไม่ดีหรือไม่ ผ่าน https://www.blacklistseller.com หรือ https://www.chaladohn.com เป็นต้น