ปากกาขนนก / สกุล บุณยทัต
“ในวิถีแห่งการเดินทางของชีวิต...เรามีเจตจำนงที่ยิ่งใหญ่แท้จริงของการเดินทางแค่เพียงครั้งเดียว..มันคืออุดมการณ์แห่งจุดมุ่งหมายของชีวิตที่ล้ำค่า เพื่อเลื่อนขยยายไปข้างหน้าด้วย ยานพาหนะแห่งจิตวิญญาณที่ทรงพลัง เราถือเอาสิ่งนี้เป็นแกนสำนึกของชีวิต เป็นปัจจัยหลักของความอุดมสมบูรณ์ ทางปัญญาญาณ..เสริมส่งให้ชีวิตขับเคลื่อน..ด้วยแรงขับของการหยั่งรู้ แล้วคนเราทุกคนจะได้พบกับสัจจะของการดำรงอยู่..ที่ชวนนบน้อมและชวนปฏิบัติตามเสมอ.."
ปฐมฐาน..ทางความคิดจากหนังสือที่เปี่ยมพลังอันมีค่าเล่มนี้..คือทางสว่างอันแยบยลของชีวิตอันพึงค้นหาและศึกษาเพื่อย่างก้าวอันแม่นตรง.. “รถบัสพลังชีวิต..” (The Energy Bus)
..หนังสือที่ให้แง่งามชีวิตแก่เราว่า.. “ชีวิตของเรานั้น เดินทางอย่างแท้จริงได้แค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น..เหตุนี้ เราจึงจำเป็นที่จะต้องใช้ทุกอย่างที่ได้มาให้เต็มที่”
ผลงานเขียนของ “จอน กอร์ดอน (Jon Gordon)” ...ในรูปลักษณ์ของนิยายครอบครัว ที่ไม่ค่อยลงตัวนักในสถานะแห่งการกระทำและการดำรงอยู่/...เรื่องราวของจอร์จ พนักงานของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งชีวิตของเขากำลังตกต่ำ อย่างไม่เคยสมหวัง ทำอะไรก็พลาดผิดไปหมด
รวมทั้งในวันนี้ ในฐานะหัวหน้างาน ในฐานะผู้บริหารเขาก็ช่างโชคไม่ดีเอาเสียเลย/..การติดต่องานสำคัญ กลับเจออุปสรรคที่รถยนต์ของเขาเสีย ทำให้วิถีชีวิตของเขาเหมือนว่าถูกรุมด้วยปัญหาทั้ง ส่วนตัว การงาน และจิตวิญญาณของครอบครัว..
แต่ปัญหา ก็ย่อมเป็นเพียงสิ่งที่เข้ามาเยี่ยมหาชีวิตเป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น ถ้าเราจะมองอุปสรรคของมัน ให้เป็นเพียง แบบทดสอบชั่วครั้งชั่วคราว..จากจุดเริ่มต้นของปัญหา..ย่อมนำไปสู่การคิดและสร้างวิธีคิดในการแก้ปัญหา กระทั่งได้มาซึ่งกลไกในการเอาชนะอุปสรรค..ในที่สุด..
หากจะเปรียบชีวิตของคนเราให้เป็นเหมือนรถบัสคันหนึ่ง การขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยเป้าหมายแห่งความมุ่งหวังแท้จริงนั้น จักต้องกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน..โดยเฉพาะเจตจำนงอันแท้จริงที่ว่า..รถบัสคันนี้จะขับไปทีไหน..ไปสู่จุดหมายใดกันแน่..
และใครจะเป็นผู้ร่วมทางไปกับเรา การสร้างสรรค์ทรรศนะเชิงบวก ให้กับการปฏิบัติการณ์ของชีวิตถือเป็นเรื่องจำเป็นในจังหวะและโอกาสของการก้าวย่าง...
หนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็น 38 บท ..และมี 10 ข้อคิดที่ถือเป็นกฎทองอันเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้หรือรับรู้ในเชิงปฏิบัติต่อชีวิต อย่างมีคุณค่า..ยิ่ง..ซึ่งก็ประกอบด้วย..
*ทุกคนต่างขับรถบัสแห่งชีวิตของตนเอง
*ต้องขับอย่างมีจุดมุ่งหมาย
*ต้องรักผู้โดยสารทุกคน
*อย่าเสียเวลาไปกับคนที่ไม่ยอมขึ้นรถบัสของคุณ
*สร้างสรรค์หนทางสู่เป้าหมายด้วยการคิดบวก
*มีเป้าหมายและหนทางที่จะไปที่ชัดเจน
*ติดป้ายบอกว่ารถคันนี้ไม่ต้องการคนคิดลบ
*มีความสุขและสนุกไปกับการทำงาน
*เชิญคนอื่นขึ้นรถของคุณและให้เขารู้เป้าหมายที่จะไป
*ความกระตือรือร้น ดึงดูดผู้โดยสารมากขึ้น และช่วยกระตุ้นพวกเขาในระหว่างทาง
นั่นคือข้อคิดที่แสดงให้เห็นภาวะเปรียบเทียบของการจัดการและใช้ชีวิตที่เห็นได้ชัด มันเป็นคุณประโยชน์ทั้งในเชิงความรู้สึกและในการปฏิบัติ..รถบัสคันสำคัญนี้จะนำเราสู่เป้าหมายที่มุ่งหวังด้วยวิสัยทัศน์ที่แม่นตรง มันคือพาหนะของความคิดหวัง ที่จะเกื้อกูลชีวิตอย่างเต็มความหวังได้..ขณะที่การแวะเติมน้ำมันในปั๊มแต่ละปั๊มของรถบัสคันนี้ ก็ถูกเปรียบให้เห็นถึงว่า..สิ่งที่เติมเข้าไปนั้น..มีทั้งสิ่งที่ดีหรือไม่ดี/มีคุณค่าและไม่มีคุณค่าแล้วแต่ จังหวะและโอกาส..
การมอบข้อคิดเหล่านี้ให้แก่กันระหว่างตัวละครเอก เปรียบเสมือนนัยสำคัญที่ผู้อ่านหนังสือเล่มนี้จะต้องประจักษ์ด้วยตัวเองว่า..ถ้าเราอยากขับเคลื่อนทีมงานและองค์กรให้ดีขึ้น..เราต้องคิดให้กว้าง ไกลและคิดออกมาอย่างรอบด้านเช่นนี้
" หลังจากรถของตัวเองเสีย จอร์จก็ได้ไปขอยืมรถภรรยา แต่ภรรยาเขาก็ไม่ให้..เขาจึงต้องเดินทางไปทำงานด้วยรถบัส..ซึ่งมีจอยเป็นผู้ดูแล..ทั้งสองเหมือนไม่ต้องชะตากันเอาเสียเลย แต่จอยนี่แหละคือคนที่ให้ข้อคิดอันเป็นหลักทอง 10 ประการแก่ชีวิตเขา
"จงจำไว้เสมอว่า...คุณคือคนขับรถบัสของคุณ..เพราะถ้าคุณไม่รับผิดชอบชีวิตของคุณ ชีวิตของตัวเอง ชีวิตคุณก็ต้องยอมไปตามแผนการเดินทางของคนอื่นตลอดเวลา..
นอกจากนี้... หนังสือเล่มนี้ยังให้คำถามสำคัญที่ทำให้คุณ ได้ทดลองถามตัวเองว่า...เราอยากให้ชีวิตเป็นไปใ นทิศทางใด...แน่นอนว่า!
คุณต้องตอบคำถามข้อนี้ให้ได้เสียก่อน..เพราะคุณคือคนที่กำหนดทิศทางชีวิตให้ตนเอง..ที่สำคัญ...ความกระตือรือร้นดึงดูด และเพิ่มพลังงานให้กับทุกคนระหว่างทาง..ซึ่งในเวลาที่เรารู้สึกดี คนรอบตัวเราก็จะรู้สึกดีไปด้วย..
และที่มันสำคัญยิ่งไปกว่านั้น..ก็คือการที่ต้องรักผู้โดยสารทุกคน เพราะในระหว่างทาง เราจะต้องเจอบททดสอบเสมอ แต่..ความรักในสิ่งที่ทำจะทำให้ได้ก้าวเดิน เพื่อที่จะต่อสู้กับอุปสรรค ต่อไปได้..
เหตุนี้ชีวิตจึงต้องเชื่อมั่นตนเอง ที่จะขับขี่พาหนะประจำตัวคันนี้ อย่างมีความหมายและมีจุดหมาย...การเดินทางที่เนิ่นนาน อาจจะก่อให้เกิดความเบื่อหน่ายขึ้นกับชีวิตอย่างแน่นอน..มันจึงจำเป็น..และถือเป็นความสำคัญที่จะต้องมีความศรัทธา และเชื่อมั่นในตนเอง..เพื่อที่จะมีชีวิตที่สนุกและมีความสุขกับการเดินทาง...โดยไม่เคร่งเครียดกับการกระทำของตัวเอง มากจนเกินไปนัก เพราะหลายๆเรื่องมันจำเป็นต้องอาศัยจังหวะเวลาที่มีรายละเอียด..และนั่นคือสาเหตุสำคัญ ที่ชีวิตของเราไม่มีทางทำอะไรได้หมด..ทุกอย่าง..!
..ผมถือว่าทัศนคติของคนเราที่มีต่อรูปรอยของชีวิต เป็นสิ่งที่ฝังแน่นอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ เราแทบจะจำไม่ได้ว่า เรารับอัตตาในมิตินี้มาจากไหน จนวันหนึ่งมันพอกพูนขึ้น กระทั่งเป็นสนิมแห่งอคติที่หน่วงรั้งชีวิต..
การมีทัศนคติที่คลี่คลาย เปิดกว้าง พร้อมทั้ง การยอมรับท่ี่จะรับรู้และเรียนรู้ชีวทัศน์ และ โลกทัศน์ใหม่จึงเป็นสิ่งที่สมควรกระทำ..
ความเปรียบเทียบข้อมูลความรู้ในทัศนะใหม่ กับภารกิจแห่งการบรรจุพลังชีวิต ที่ได้มาจากรถบัสคันหนึ่ง..รถที่เปรียบประหนึ่งเป็นพลังภายในของ ความเชี่ยวชาญในการขับขี่ ..ความชัดเจนและแม่นตรงในทิศทางของการเดินทาง..การเอาชนะอุปสรรคนานาแห่งการเดินทางที่จะขวางกั้น..ไม่ว่าจะเป็นเชื้อเพลิง หรือ แรงกำลังในการ ทำงาน
"เมื่อปัญหาเกิด ความคิดด้านลบก็ยิ่งจะเกิด" ... แต่หนังสือเล่มนี้จะหลอมรวมความคิคให้เราได้ผ่านแง่ร้ายด้านลบ ไปสู่อาณาจักรของการ "คิดบวก"
ซึ่งนั่นคือบทสรุปแห่งพลังชีวิต..ที่จะก่อให้เกิดความสุขแก่ตัวตนของตนอย่างถ่องแท้..และชัดเจน..ตลอดไป..
"ไอริสา ชั้นสิริ"ถอดความหนังสือแห่งความประทับใจนี้..ได้อย่างมีพลังชั้นเลิศ...มันคือการถอดความเรื่องเล่าสอนใจ ที่แปรและแปลภาษาสำนึก ออกมาเป็น...ตำนานใหม่แห่งการปลูกสร้างชีวิตของผู้คน..ในโลกที่สั่นไหว และถูกมัดตรึง ด้วย ความอ่อนล้าและไร้ความสุขใจ..อย่างทุกวันนี้..
"ยิ่งเรามีคนบนรถบัสของเรามากเท่าไหร่..พลังงานก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น..เป็นแรงสนับสนุนซึ่งกันและกัน ...เราต้องบอกวิสัยทัศน์ของเราให้ชัดเจน เช่น..ต้องช่วยกันสร้างประโยชน์ต่อสังคมร่วมกัน..โดยไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง..เพราะ ถ้าเราสื่อสารไม่ชัดเจน ก็จะไม่มีใคร ร่วมเดินทางไปกับเรา.."