เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 1 มิ.ย. 66 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีโฆษกพรรคก้าวไกลระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไม่ได้แสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งว่า นายกฯ ได้กล่าวแสดงความยินดีกับพรรคการเมืองที่ได้รับความไว้วางใจกับพี่น้องประชาชนไปตั้งแต่สัปดาห์แรกหลังการเลือกตั้งในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกหลังการเลือกตั้ง นายกฯ ได้กล่าวแสดงความยินดีไปแล้ว อยากให้เข้าใจตรงกันและส่วนที่มีการพูดว่าในเรื่องสปิริตของนายกฯ หรือรัฐบาลชุดปัจจุบันทำไมถึงไม่ดำเนินการในลักษณะให้ความร่วมมือที่จะมีการเปลี่ยนผ่านหลังเลือกตั้ง  นั้น นายกฯ และรัฐบาลทราบว่าพรรคการเมืองใดกำลังจัดตั้งรัฐบาลอยู่ ซึ่งตรงนี้ตนได้เคยชี้แจงไปหลายรอบแล้ว


นายอนุชา กล่าวว่า สำหรับเรื่องไทม์ไลน์ต่างๆว่า หลังจากการเลือกตั้งจะมีกำหนดระยะเวลาอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมีการรับรองภายใน 60 วันหลังการเลือกตั้ง โดยรับรองส.ส.ได้ครบ 95 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 475 คน และจากนั้นจะมีการเปิดสมัยประชุมสภาฯ เพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และเมื่อได้ประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้วก็จะมีการเลือกนายกฯ ถือเป็นครรลองที่รัฐบาลชุดนี้ได้ประกาศมาตลอดระยะเวลา จึงอยากให้พรรคการเมืองที่กำลังจัดตั้งรัฐบาลและพี่น้องประชาชนเข้าใจตรงกันในเรื่องของไทม์ไลน์ และการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลในชุดปัจจุบันด้วย


นายอนุชา กล่าวว่า เมื่อนายกฯ มีการจัดตั้งครม. และถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว รัฐบาลชุดนี้ก็จะหยุดปฏิบัติหน้าที่ และพร้อมให้รัฐบาลใหม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ต่อ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นประมาณต้นเดือนส.ค. ตรงนี้อยากชี้แจงทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนว่าไทม์ไลน์ต่างๆยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างยังเป็นลักษณะนี้อยู่ ส่วนพรรคการเมืองที่กำลังรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล รัฐบาลก็ไม่ได้ห้ามปรามหากจะเดินสายไปพบกับหน่วยงานภาคเอกชนต่างๆ ซึ่งเราก็เห็นอยู่ ทั้งสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าไทยต่างๆ


นายอนุชา กล่าวว่า ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภาคราชการได้มีเสียงสะท้อน พูดคุยกลับมาทางรัฐบาล ว่า ในลักษณะเช่นนี้อาจจะเหมาะสมหรือไม่ เพราะรัฐบาลปัจจุบันกำลังดำเนินงานและทำหน้าที่อยู่แล้ว โดยมีการประชุมกับหน่วยงานราชการและครม.ต่าง ๆ จึงอยากให้ประชาชนและพรรคการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคการเมืองที่กำลังฟอร์มจัดตั้งรัฐบาลเข้าใจบทบาทหน้าที่ของนายกฯ และรัฐบาลในปัจจุบันด้วย


ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าสมมุติยังตั้งรัฐบาลไม่ได้ ไทม์ไลน์จะเลยเดือนส.ค.มีความเป็นไปได้ใช่หรือไม่  นายอนุชา กล่าวว่า การรับรองส.ส.ต้องอยู่ภายใน 60 วัน หลังจากนั้นจะมีการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกำหนดไว้หลังจากมีการเรียกประชุมแล้ว เมื่อมีการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว การที่จะเลือกนายกฯ ไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ ฉะนั้นตรงนี้รัฐบาลทำหน้าที่ต่อไปไม่ว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เราคงดำเนินการในลักษณะที่กกต.กำหนดไว้อยู่แล้วว่า 1.จะไม่ใช้ในงบประมาณที่ยังไม่ได้อนุมัติจากกกต. 2.การจะดำเนินนโยบายต่างๆ ต้องรอรัฐบาลชุดใหม่เข้ามา ซึ่งตลอดระยะเวลาเกือบ 3-4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการอย่างเคร่งครัดในเรื่องนี้ อย่างเช่นเรื่องการลดค่าไฟ เรื่องการโยกย้ายบุคลากรต่างๆ ก็ได้ส่งให้กกต.​ อนุมัติกลับมา


เมื่อถามว่า แสดงว่าการที่ออกมาพูดว่านายกฯ ไม่เก็บข้าวเก็บของตรงนี้ ถือว่าเกินเลยไปหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า การที่ออกมาพูดว่ารัฐบาลไม่โชว์สปิริต และไม่มีการมอบหมาย หรือไม่ดำเนินการในลักษณะเหมือนเตรียมเก็บของเพื่อที่จะออกจากทำเนียบรัฐบาล คิดว่าเป็นการพูดที่เกินกว่าเหตุ ตอนนี้ในส่วนของการจัดตั้งรัฐบาล ทุกคนก็กำลังให้กำลังใจอยู่ อยากให้พรรคการเมืองที่รวบรวมเสียงของผู้ที่ประชาชนเลือกตั้งมา ดำเนินการให้เสร็จเรียบร้อย ซึ่งนายกฯ กล่าวอยู่เสมอว่า ตอนนี้ท่านจะไม่ไปก้าวล่วง และจะให้พรรคการเมืองที่ได้รับเสียงจากประชาชนได้เดินหน้าอย่างเต็มที่ เพียงแต่ให้ระมัดระวังเรื่องระเบียบต่างๆ เท่านั้นเอง ซึ่งท่านได้ให้ข้อสังเกตเช่นการเรียกข้าราชการหรืออะไรต่างๆ เท่านั้นเอง


เมื่อย้ำถามว่า ยังไม่มีการเก็บของจนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่ใช้หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ จะทำหน้าที่จนกว่าจะมีครม.ชุดใหม่ และอยากให้เข้าใจไทม์ไลน์ตรงกัน ไม่ใช่วันที่มีการเลือกนายกฯ แล้ว จะสิ้นนสุดรัฐบาลชุดปัจจุบัน เพราะยังไม่เสร็จสิ้นจะต้องให้มีการฟอร์ม ครม.เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อน จึงจะเรียกว่าเป็นการยุติของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ฉะนั้นไม่มีเหตุผลอะไร ที่เราจะต้องเก็บข้าว เก็บของโชว์สปิริตในการที่จะไม่มาทำงาน เวลานี้เราต้องเข้ามาทำหน้าที่ แม้กระทั่งตามกระทรวงต่างๆรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรียังต้องเข้ามาทำงานทำเนียบฯ ตามปกติ


เมื่อถามว่า กรณีที่ไม่มีไทม์ไลน์เรื่องการเลือกนายกฯ เขาจะว่าเราไม่ได้ เพราะเลือกกันไม่ได้เอง ใช่หรือไม่ ตรงนี้จะทำความเข้าใจอย่างไร นายอนุชากล่าวว่า ในเรื่องการที่มีการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร เลือกรองประธานสภาฯ คนที่ 1 คนที่ 2 แล้ว หลังจากนั้นจะเป็นหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่จะรวบรวมเสียงหรือมีการพูดคุยกันอาจจะผ่านพรรคร่วมที่แสดงเจตจำนงจัดตั้งรัฐบาลเพื่อที่จะเสนอชื่อ ซึ่งหากตรงนั้นไม่สามารถดำเนินการได้ รัฐบาลชุดนี้ก็ยังทำหน้าที่ต่อไป โดยไม่มีกำหนดเวลาว่าจะต้องเสร็จสิ้นภายในเวลาเมื่อไหร่  หากยังหาไม่ได้ รัฐบาลชุดนี้ก็คงต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปเรื่อยๆ อันนี้เป็นเรื่องของระเบียบกฎหมายที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว