ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ / ทหารประชาธิปไตย

ประวัติศาสตร์เป็นบทเรียนที่สำคัญอันจะทำให้เราใช้เป็นแนวทางในการศึกษาการล่มสลายของมหาอำนาจโลก หรือจักรวรรดินิยมในอดีต

ดังนั้นจึงขอนำบทสรุปจากการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน (ตะวันตก) ในอดีตมาเป็นแนวทางในการพิจารณา

สาเหตุใหญ่ของการล่มสลายของอาณาจักรโรมัน คือการทุจริตคอร์รัปชันที่แพร่ระบาดอย่างเข้ากระดูกดำ ที่เกาะกินไปทุกองคาพยพของระบบการปกครองในช่วงปลายของอาณาจักร

ประการต่อมาอันสืบเนื่องจากการคอร์รัปชัน ก็คือระบบความยุติธรรมพังทลายลงโดยสิ้นเชิง คนมีเงินมีทอง คนร่ำรวยสามารถรอดพ้นคุกตะรางได้อย่างหน้าตาเฉย ถ้ามีเงินจ่ายสินบน คุกจึงมีไว้สำหรับคนจนและบางคดีแม้มีโทษสถานเบาก็อาจถูกโทษประหารได้ ยกเว้นแต่คนร่ำรวยหรือคนเคยมีอำนาจที่ถูกล้มล้างจากการต่อสู้กันทางการเมือง หรือทำให้จักรพรรดิไม่พอพระทัย

รัฐบาลหรือคณะผู้ปกครองที่ทำงานภายใต้องค์จักรพรรดิจึงเต็มไปด้วยการฉ้อฉล และแก่งแย่งชิงอำนาจกัน

ด้วยการบริหารที่ล้มเหลวทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อในระดับที่สูง ทำให้ประชาชนชาวโรมอดยากขาดแคลน สภาวะสังคมเสื่อมโทรม สิ้นศรัทธาต่อรัฐบาล   

ส่วนประชาชนที่อยู่ภายนอกก็เริ่มตีตัวออกห่าง และพยายามหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีเท่าที่จะทำได้ แม้จะมีโทษหนักก็ตาม

นอกจากนี้รัฐบาลต้องการเก็บภาษีเพื่อความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยของตน และเพื่อรักษาอำนาจในการจ้างทหารรับจ้างมาคุ้มครองจักรวรรดิ ก็ต้องเพิ่มภาษีสูงจนรับกันไม่ไหว

ที่สำคัญคือผู้นำหรือองค์จักรพรรดิในยุคหลัง เช่น Elagabalus อ่อนแอและฉ้อฉล

จนต่อมาเกิดสงครามกลางเมืองหลายครั้งทำให้จักรวรรดิอ่อนแอ ไม่อาจจะรักษาต่อไปได้

สหรัฐอเมริกาในยามนี้ก็อาจจะพิจารณาโดยนัยเดียวกันว่ากำลังก้าวเข้าสู่ช่วงปลายก่อนการล่มสลาย แม้อาจไม่ถึงกับสูญหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ แต่ก็จะอ่อนแอจนไม่อาจเป็นผู้นำเดี่ยวของโลกที่ทรงอิทธิพลอีกต่อไปในอีกไม่นานนี้

มาพิจารณาถึงบางกรณีบางประเด็นที่จะกล่าวถึงเพื่อเป็นแนวคิด

เริ่มจากระบบการเงินของสหรัฐฯที่ใช้อำนาจทุน อำนาจเงินดอลลาร์ หนุนด้วยอำนาจทางทหารและการเมืองจนเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลกได้ถึงจุดอ่อนแออย่างถึงที่สุด จนยากจะกู้กลับคืน เกิดปัญหาเงินเฟ้อและเศรษฐกิจทรุดโทรม

ที่สำคัญระบบการเมืองการปกครองของสหรัฐฯมาถึงจุดเสื่อมอย่างถึงที่สุด โดยเฉพาะวิกฤติผู้นำ และวิกฤติระบบยุติธรรมที่ขาดการตรวจสอบ ถ่วงดุลอย่างมีประสิทธิภาพ

ลองมาพิจารณาถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดี วุฒิสมาชิกและผู้แทนอีกครึ่งหนึ่งที่จะมีการเลือกตั้งต้นปีหน้า

เอาแค่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีก็ไม่มีให้เลือกมาก และยังไม่เห็นความโดดเด่นที่จะมานำความเปลี่ยนแปลง เพราะมันถูกครอบงำโดยระบบ และการใช้เงินทุนมหาศาล

ผู้ที่อาจเป็นตัวแทนของฝั่งฟากรีพับลิกันที่ปรากฏขณะนี้คือนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดี ก็กำลังต้องเผชิญกับคดีความจำนวนมาก ทั้งจากการกระทำตั้งแต่การแคมเปญในการเลือกตั้งเมื่อปี ค.ศ.2016 จนถึงปัจจุบัน

เริ่มแต่คดีจารกรรม ที่ถูกกล่าวหาว่าได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียและทรัมป์ก็รู้เห็นเป็นใจ การเก็บเอกสารลับทางราชการไว้ที่บ้าน การหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี การปลุกระดมกลุ่มขวาจัดบุกรัฐสภาเพื่อขัดขวางการรับรองผลการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีของโจ ไบเดน การกระทำความผิดทางเพศ ทั้งการล่วงละเมิด การทำร้ายจนถึงข่มขืน

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ศาลของนิวยอร์กตัดสินว่าทรัมป์มีความผิดฐานล่วงละเมิดทางเพศ คุณ Jean Carrol ในปี 1996 และทำลายชื่อเสียงของเธอ ซึ่งอย่างน้อยทรัมป์ต้องจ่ายค่าสินไหมให้เธอ 5 ล้านดอลลาร์ ขณะนี้กำลังดำเนินการอุทธรณ์ เพราะทรัมป์ให้การปฏิเสธว่าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอคือใคร หลายคนมองว่าคดีของทรัมป์มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ที่ฝ่ายตรงข้ามต้องการทำลายทรัมป์ โดยมิได้ยึดถึงหลักยุติธรรมเป็นบรรทัดฐาน โดยเชื่อว่าเป็นดั่งประวัติศาสตร์การล่าแม่มด เพราะถึงพ้นโทษชนะคดี ก็ยังด่างพร้อยอยู่ดี และถูกนำมาใช้โจมตีทางการเมืองได้

ก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายนปีเดียวกัน ศาลแมนฮัตตัน ยังดำเนินคดีกับทรัมป์ถึง 34 ข้อกล่าวหา ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการจัดทำเอกสารอันเป็นเท็จ เพื่อปกปิดหลักฐานในการให้สินบนแก่บุคคล 3 คน ที่อาจทำลายแคมเปญของทรัมป์ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา คือปีค.ศ.2016

นี่ก็เป็นภาพอันขรุขระของนักธุรกิจและนักการเมืองที่จะกลายเป็นผู้สมัครแข่งขันประธานาธิบดีในสมัยหน้า ทั้งๆที่อายุก็ย่าง 76 ปีแล้ว แต่ก็ยังหวังที่จะกลับมายังทำเนียบขาวอีก และที่สำคัญมีประสบการณ์มากกมายในการต่อสู้คดีทางศาล จนถึงศาลสูงของสหรัฐฯ

และแม้ว่าเขาจะมีประวัติที่มีรอยแผลเป็นมากมาย แต่การจัดแคมเปญของเขา โดยอาศัยทุนและ IT ก็ทำให้คะแนนของเขานำ โจ ไบเดน อยู่

กลับมาพิจารณาโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน และผู้ประกาศตนจะลงแข่งขันป้องกันแชมป์อีกสมัย

เรื่องนี้สร้างความกระอักกระอ่วนใจให้แก่คนในพรรคเดโมแครตไม่น้อย มันไม่ใช่แค่อายุที่ย่าง 80 ปีแล้ว หรือสภาพความหลงลืม แต่มันยังมีรอยมลทินจากอดีตถึงปัจจุบันที่เกี่ยวกับการฉ้อฉล การคอร์รัปชัน การแทรกแซงระบบยุติธรรมเพื่อให้พ้นมลทิน โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับลูกชายของเขานายฮันเตอร์ กับข้อมูล “แล็ปท็อปจากนรก” ที่บรรจุข้อมูลจำนวนมากถึงการคอร์รัปชัน การฉ้อฉล โดยเฉพาะการเกี่ยวกันกับธุรกิจผิดกฎหมายในยูเครน

ทั้งนี้ข้อมูลเหล่านั้นยังเชื่อมโยงถึง โจ ไบเดน ผู้เป็นพ่อและยังมีคดีย้อนหลังไปตั้งแต่ครั้งยังเป็นรองประธานาธิบดีอีกด้วย

อนึ่งบรรดาสมาชิกหน้าใหม่ในสภาผู้แทนฯ ตลอดจนสมาชิกเก่าต่างก็มีความเห็นว่าหลักฐานมีความน่าเชื่อสูง

นอกจากนี้ยังมีความเกี่ยวพันไปถึงการกระทำอันจะถือได้ว่าเป็นความผิดของนายบลิงเคน รมต.ต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่เมื่อได้พิจารณาจากการให้ปากคำภายใต้คำสาบานของนาย Michael Morell ผอ.CIA ที่ให้การต่อกรรมาธิการกฎหมายและการสืบราชการลับ สภาคองเกรส เมื่อเดือนตุลาคม 2020

จากคำให้การพบว่านายแอนโทนี บลิงเคน ได้เรียกพบ ผอ.CIA และขอให้ดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ CIA ลงนามหลักฐานจาก “Laptop From Hell” นั้นเกิดจากการสร้างหลักฐานของฝ่ายรัสเซีย ซึ่ง Morell ที่สนับสนุนไบเดน ก็ได้รวบรวมลายเซ็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ CIA ได้ 51 ชื่อ ซึ่งรวมถึง John Brennan James Clapper และ Leon Panetta

ต่อมาเมื่อไบเดนได้เป็นประธานาธิบดี ผลจากการสอบสวนพบว่ารัสเซียมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้นกับข้อมูลใน Laptop From Hell เลย

แค่นี้บลิงเคนก็จะต้องถูกถอดถอนและมีความผิดทางอาญาด้วย และหลักฐานจากแล็ปท็อปก็เพียงพอที่จะดำเนินคดีกับไบเดนได้ เพียงแต่ว่าระบบความยุติธรรมจะสามารถดำเนินการไปถึงจุดนั้นหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาผลก็คือออมชอมและกลายเป็นคลื่นกระทบฝั่ง โดยเฉพาะจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้ง

นี่คือสัญญาณของการเสื่อมโทรมของจักรวรรดิที่เกิดจากภายใน และมันเกิดมาพร้อมกับปัจจัยภายนอกอันเกิดจากการฉ้อฉลภายในจนเกิดการต่อต้านและขบถจากภายนอก เพื่อให้โลกเปลี่ยนไปสู่ระบบหลายขั้ว หรือมันเป็นแค่มายาคติ โดยเฉพาะกับคนที่ยังไม่เปลี่ยนกระบวนทัศน์