กรมโรงงานอุตสาหกรรมยกระดับคุมเข้มไซยาไนด์ ดีเดย์ 15 มิ.ย.นี้ ผู้นำเข้า-ผู้จำหน่าย-ผู้ใช้ในทุกกิจการต้องอัพเดทปริมาณการครอบครองแบบเรียลไทม์ ยกเว้นในกิจการชุบโลหะขนาดเล็ก ต้องรายงานทุก 3 เดือน ห้ามโฆษณา-ขายออนไลน์
นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า กรมโรงงานฯ เป็นหนึ่งใน6 หน่วยงานที่รับผิดชอบกำกับดูแลวัตถุอันตราย ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535และที่แก้ไขเพิ่มเติม ขณะที่โพแทสเซียมไซยาไนด์ เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่3 ซึ่งผู้ประกอบการที่ประสงค์จะนำเข้า ผลิต จะต้องขอขึ้นทะเบียนพร้อมแจ้งวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้ที่ชัดเจนต่อเจ้าหน้าที่ และต้องได้รับอนุญาตก่อนการดำเนินการ โดยการนำไปใช้ต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ขึ้นทะเบียนเท่านั้น แต่ภายหลังปรากฏข่าว ว่า ผู้นำสารโพแทสเซียมไซยาไนด์ไปใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ เช่น นำไปกำจัดสัตว์ หรือต้องสงสัยนำไปใช้ก่อเหตุฆาตกรรม กรมโรงงานฯจึงได้ออกมาตรการเร่งด่วน แนบท้ายใบอนุญาต เพื่อยกระดับกำกับดูแลโพแทสเซียมไซยาไนด์ให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
โดยเมื่อวันที่ 31 พ.ค.66 ได้เชิญผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตฯ เกี่ยวกับสารโพแทสเซียมไซยาไนด์ เข้าให้ข้อเท็จจริง และชี้แจงแนวทางการกำกับดูแลสารโพแทสเซียมไซยาไนด์ รวมถึงรับทราบมาตรการพิเศษที่ออกแนบท้ายใบอนุญาต ซึ่งเงื่อนไขพิเศษนี้จะใช้ไปจนกว่าคดี น.ส.แอมจะถึงที่สุด เพื่อนำเป็นหลักพิจารณาถึงความจำเป็นในการแก้ประกาศในกฎหมายฉบับใหญ่ ซึ่งจะต้องนำเข้า ครม.เพื่อพิจารณา
สำหรับเงื่อนไขพิเศษที่กำหนด ได้จัดกลุ่มผู้ประกอบการนำเข้าโพแทสเซียมไซยาไนด์เป็น 3 กลุ่ม ตามวัตถุประสงค์การนำไปใช้ ประกอบด้วย กลุ่มผู้นำเข้า สำหรับกิจการโรงงาน และกลุ่มผู้นำเข้าสำหรับห้องปฏิบัติการ ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย ต้องยื่นข้อมูลผู้ใช้ (End User) พร้อมระบุวัตถุประสงค์การใช้ ประกอบการแจ้งนำเข้าก่อนนำของออกจากด่านศุลกากร ในรูปแบบเอกสารที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมเท่านั้น และต้องรายงานทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงปริมาณการครอบครองแบบเรียลไทม์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม กลุ่มผู้นำเข้าสำหรับกิจการชุบล้างโลหะขนาดเล็ก ต้องยื่นข้อมูลผู้ใช้ (End User) พร้อมระบุวัตถุประสงค์การใช้ ประกอบการแจ้งนำเข้าก่อนนำของออกจากด่านศุลกากร และต้องรายงานปริมาณการครอบครองทุก 3 เดือน ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม
ขณะเดียวกันได้กำหนดให้ใบอนุญาตฉบับใหม่มีอายุไม่เกิน 1 ปี จากเดิมไม่เกิน 3 ปี และต้องมีข้อมูลผู้จำหน่าย (Trader) และผู้ใช้ (End User) ประกอบการพิจารณาอนุญาต หากพบว่าผู้รับใบอนุญาตที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข พนักงานเจ้าหน้าที่จะพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตฯ และต้องแจ้งต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกกรณี ทั้งนี้ หากตรวจพบว่า ผู้นำเข้า ผู้จำหน่าย หรือผู้ใช้มีการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกทั้งกรมโรงงานฯยังได้ขอความร่วมมือ สคบ.ห้ามโฆษณาและจำหน่าย โพแทสเซียมไซยาไนด์ ในแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ และอยู่ระหว่างการยกร่างประกาศกรมโรงงานฯเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการเงื่อนไขการโฆษณา และนำเสนอคณะกรรมการวัตถุอันตรายต่อไป
สำหรับภาพรวมการใช้โพแทสเซียมไซยาไนด์ ปัจจุบันในประเทศไทยมีผู้นำเข้า 6 ราย ร้านค้าปลีกที่ขออนุญาตครอบครอง เกิน 1 พันกิโลกรัม มี 2 แห่ง ส่วนการใช้งานพบว่า มีการใช้ในโรงงาน 300 แห่ง ร้านทอง 2,000 แห่ง และใช้ในห้องแลป 100 แห่ง จากสถิติ พบว่า ปี 2563 มีการนำเข้าโพแทสเซียมไซยาไนด์ 87 ตัน ปี 2564 นำเข้าปริมาณ 100 ตัน 2565 นำเข้า 77 ตัน และปี 2566 นำเข้ามาแล้ว 17 ตัน
โดยหลัง 15 มิ.ย.66 หากตรวจพบว่าไซยาไนด์ในสต๊อกของรายใดหายไปแล้วไม่แจ้งว่าหายไปไหน กรมโรงงานจะยกเลิกใบอนุญาตทันที อย่างไรก็ตามขณะนี้เรารู้แล้วว่า ไซยาไนด์ที่ผู้ต้องหานำไปใช้มาจากการผู้นำเข้ารายใด แต่ยังไม่สามารถบอกแหล่งที่ขายไซยาไนด์เป็นโรงงานหรือแล็บใด เพราะการครอบครองไม่ถึง 100 กิโลกรัมไม่ต้องรายงานการครอบครอง