วันนี้ (31 พ.ค.2566) นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการติดสินบนเจ้าหน้าที่โดยการติดสติกเกอร์บนรถบรรทุก ครั้งที่ 1 โดยมี นายมนตรี เดชาสกุลสม ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม นายชาครีย์ บำรุงวงศ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการขนส่งทางบก คณะกรรมการ ผู้แทนจากกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และกรมการขนส่งทางบก เข้าร่วมประชุม 

นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน เปิดเผยว่า นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการติดสินบนเจ้าหน้าที่โดยการติดสติกเกอร์บนรถบรรทุก เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีกระแสข่าว การจ่ายเงินของผู้ประกอบการรถบรรทุกเพื่อซื้อสติกเกอร์ที่มีลักษณะพิเศษจากนายหน้า สำหรับใช้เป็นสัญลักษณ์แสดงว่ารถบรรทุกดังกล่าวมีการจ่ายเงินเพื่อติดสินบนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตลอดเส้นทางของการขนส่งแล้ว ทำให้รถบรรทุกที่ติดสติกเกอร์ข้างต้นสามารถเดินทางและประกอบกิจการขนส่งของตน โดยไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมได้หารือประเด็นต่าง ๆ ดังนี้

1. ด่านที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงฯ คือ ด่านชั่งน้ำหนักกรมทางหลวง (ทล.) โดยประเด็นที่คณะกรรมการฯ ต้องตรวจสอบคือ ด่านดังกล่าวสามารถผ่านฉลุยได้ตามที่มีผู้ให้ข้อมูลในข่าวหรือไม่ โดย ทล.  ชี้แจงว่า ด่านชั่งน้ำหนักฯ ตามแผนงานจะมีจำนวนทั้งสิ้น 128 ด่าน ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ 97 ด่าน ซึ่งด่านใช้ระบบการคัดกรองรถบรรทุกที่มีแนวโน้มน้ำหนักเกิน (Weight in Motion: WIM) เพื่อเรียกเข้ามาชั่งน้ำหนักที่ด่านอีกครั้ง หากพบว่าน้ำหนักเกินจะจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยระบบ WIM จะส่งข้อมูลการชั่งน้ำหนักไปที่ส่วนกลางด้วย ทั้งนี้ ทล. จะจัดทำคลิปวีดีโอของระบบที่ใช้ในด่านชั่งน้ำหนักฯ และเชิญสื่อมวลชนลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อความโปร่งใสต่อไป

2. ที่ประชุมมีมติให้แต่งตั้งคณะทำงานในการพิจารณาข้อมูลรายละเอียด และประเด็นเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถตรวจสอบ ชี้แจง ได้อย่างชัดเจน ครอบคลุม และรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยมี นายมนตรี เดชาสกุลสม ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน ทั้งนี้ ได้กำหนดให้คณะทำงานตรวจสอบและรายงานผลให้คณะกรรมการฯ ทราบ ภายในวันที่ 9 มิถุนายน 2566

ทั้งนี้กระทรวงฯ ขอยืนยันว่าจะดำเนินการทุกขั้นตอนและตรวจสอบทุกประเด็นด้วยความโปร่งใส ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อเท็จจริงและเชื่อมั่นในการดำเนินการของกระทรวงฯ และหากรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวพบว่าหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้อง กระทรวงฯ จะดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้นต่อไป