ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ สานต่อการขับเคลื่อนแนวคิด Lalin Smart Eco Living ในทุกกลุ่มแบรนด์บ้านคุณภาพ “แลนซีโอ, ไลโอ, บ้านลลิล และลลิล กรีนวิลล์” ผสานการออกแบบที่มุ่งเน้นด้านการอยู่ร่วมกับธรรมชาติและลดการใช้พลังงาน เข้ากับความพิถีพิถันในการคัดสรรวัสดุก่อสร้างและวัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างสังคมการอยู่อาศัยที่มากคุณภาพให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ (LALIN) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี’ เปิดเผยว่า ภาวะโลกร้อนที่ส่งผลกระทบต่อโลกกำลังทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น อุณหภูมิในช่วงฤดูร้อนสูงขึ้นเป็นประวัติกาลและคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในทุกๆ ปี ในฐานะผู้ประกอบการด้านธุรกิจที่อยู่อาศัยจึงต้องเตรียมพร้อมรับมือต่อผลกระทบดังกล่าวเช่นกัน ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จึงได้ระดมความคิดของทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Product Development) เพื่อหาโซลูชันในการรับมือกับปัญหาเหล่านี้ ให้คิดแบบล้ำหน้า แก้ปัญหาด้วยไอเดียการออกแบบ โดยได้นำ Innovation ต่างๆ เข้ามาช่วยเพื่อความยั่งยืนในอนาคต ภายใต้แนวคิด Lalin Smart Eco Living
ทั้งนี้ แนวคิด Lalin Smart Eco Living ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป้าหมายในการส่งมอบโซลูชันที่สมบูรณ์แบบสู่การอยู่อาศัยที่ยั่งยืน โดยครอบคลุม 4 แนวคิดหลัก ประกอบด้วย
แนวคิดที่ 1 Sustainable Living - การสร้างบ้านให้เหมาะสมกับพื้นที่และสิ่งแวดล้อมรอบตัว เพื่อให้สอดรับกับทิศทางลม หรือช่องแสงจากธรรมชาติ โดยคำนึงถึงตำแหน่งของประตูและหน้าต่างได้อย่างเหมาะสม เพื่อช่วยส่งเสริมในเรื่องระบบหมุนเวียนและการถ่ายเทอากาศ นอกจากนี้ยังคำนึงในเรื่องแสงสว่างภายในบ้าน เพื่อช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าอีกด้วย
แนวคิดที่ 2 Healthy Living – การออกแบบบ้านเพื่อช่วยให้ผู้อยู่อาศัยมีสุขภาพที่ดี ด้วยการนำนวัตกรรมที่ช่วยระบายอากาศเข้ามาใช้ให้ได้อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัยอีกทั้งยังช่วยลดโอกาสการเกิดโรคอุบัติใหม่ต่างๆ ได้ รวมทั้งยังเลือกใช้วัสดุตกแต่งที่ได้รับการรับรองมาตรฐานด้านสุขภาพต่างๆ เข้ามาใช้ในโครงการ อาทิ สุขภัณฑ์ที่มีฉลากเขียว (Green Label) เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยช่วยป้องกันไวรัสและแบคทีเรียก็ถูกนำมาใช้ในโครงการของลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เช่นกัน
แนวคิดที่ 3 Multifunctional Living – การออกแบบบ้านที่เน้นความยืดหยุ่นในการใช้งาน สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันให้เป็นห้องอเนกประสงค์ เพื่อรองรับกับชีวิตวิถีใหม่ New Normal ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เช่น ห้อง Work From Home, ห้อง Study Online, ห้องสำหรับกลุ่มอาชีพอิสระ ขายออนไลน์, ห้องผู้สูงอายุรองรับสังคมสูงวัยในอนาคต หรือแม้กระทั่งห้อง Game Room เป็นต้น ซึ่งจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ในบ้านให้มีความยืดหยุ่นยิ่งขึ้นด้วยการออกแบบที่เรียกว่า One Space ให้พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเชื่อมโยงกันอย่างลงตัว ร่วมกับการออกแบบบ้านที่เน้นการใช้งานได้อย่างหลากหลายในพื้นที่เดียว หรือที่เรียกว่า Multifunction Space ซึ่งบริษัทฯ ได้เริ่มนำแนวคิดนี้มาปรับใช้และได้รับผลตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากกลุ่มลูกค้าในปัจจุบัน
แนวคิดที่ 4 Smart Living – การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการออกแบบบ้านเพื่อรองรับนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้แก่ผู้พักอยู่อาศัย ไปจนถึงระบบรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ พร้อมรองรับไลฟ์สไตล์เทรนด์ประหยัดพลังงานของกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าประเภท EV ซึ่งบริษัทฯ ได้เตรียมจุดเชื่อมต่ออุปกรณ์ EV Charger สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตไว้เช่นกัน
“นอกจากจะให้ความสำคัญต่อการออกแบบพื้นที่ทุกจุดภายในบ้านแล้ว พื้นที่ส่วนกลางของแต่ละโครงการก็เป็นอีกจุดที่บริษัทฯ พยายามลดการใช้พลังงาน โดยนำระบบบำบัดและหมุนเวียนน้ำเข้ามาใช้ในพื้นที่ส่วนกลาง พร้อมติดตั้งระบบไฟแสงสว่างในพื้นที่ส่วนกลางแบบ LED และแบบโซล่าร์เซลล์ นอกจากนี้ยังคำนึงถึงพื้นที่สีเขียวในโครงการโดยปรับให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เพื่อให้เกิดสังคมการอยู่อาศัยที่ยั่งยืน ทุกสิ่งที่ถูกนำเสนอสู่มือผู้บริโภคนั้น เป็นสิ่งที่เรามั่นใจว่าจะเป็นประโยชน์และเพิ่มความคุ้มค่าในการมองหาที่อยู่อาศัยโดยเราพร้อมที่จะส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดอยู่เสมอ เพราะการซื้อบ้านหนึ่งหลังคือการเลือกสรรที่สิ่งคุ้มค่าและสามารถอยู่อาศัยได้อย่างมีความสุข สามารถส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างแท้จริง” นายชูรัชฏ์กล่าวสรุป