วันที่ 29 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้รับแจ้งมีเด็กชายอายุ 9 ขวบ ถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต คนร้ายนำศพไปทิ้งอำพรางไว้ที่บ่อส้วม (บ่อเกรอะ) ที่บ้านโนนป่าหว้าน ต.กุดผึ้ง อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู  

จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ  พบนายถาวร บิดาของเด็กชายเอ อายุ 9 ปี ( นามสมมุติ) เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าตนเองมีบุตรชายคนเดียว ส่วนแม่ของเด็กชายเอ ได้เลิกลากันตั้งแต่เด็กชายเอฯยังเล็กๆ ส่วนคนร้ายที่ลงมือทำร้ายร่างกายบุตรชายตนเองจนเสียชีวิต คือนายสมโฮง  อายุ 54 ปี ลุงแท้ๆของเด็กชายเอ และเป็นพี่ชายของตนเอง โดยก่อนเกิดเหตุวันที่ 27 พฤษภาคม 2565 ตนเองได้ซื้อข้าวมาให้แม่และบุตรชาย และนายสมโฮง ต้องหา ซึ่งเป็นพี่ชายรับประทาน ตนเองมีอาชีพขายไอติมโดยในช่วงเช้าของทุกๆวันจะซื้อกับข้าวมาไว้ให้รับประทานกัน และในช่วงเช้าวันเกิดเหตุหลังจากที่รับประทานอาหารกันเสร็จแต่พี่ชายนายสมโฮงฯ ไม่ออกมารับประทานด้วยโดยยังนอนไม่ตื่น  

หลังจากนั้นตนเองกินข้าวเสร็จจึงได้ออกไปขายไอติมตามปกติ พอมาช่วงบ่ายตัวเองเลยกลับเข้ามาที่บ้านคุณแม่ คือนางพิมพา อายุ 83 ปี เพื่อจะเอาไอติมที่ขายไม่หมดมาใส่ตู้เย็นฝากคุณแม่ไว้ เพื่อจะได้นำไปขายในวันต่อไป แต่นายสมโฮง พี่ชายได้ปิดล็อคประตูบ้าน ไม่ให้ตนเองเข้าไป ตนเองจึงเดินอ้อมไปที่หน้าต่าง แต่นายสมโฮงฯพี่ชาย มีอาการคลุ้มคลั่งเอะอะโวยวายถือมีดจะเข้ามาฟันตนเอง ตนเองจึงได้ถอยกลับออกไป  

ทั้งนี้ นายถาวร  ยังกล่าวต่ออีกว่า พอตกตอนเย็นตนเองได้ออกไปนอนที่กระท่อมนา โดยปกติถ้าวันไหนเด็กชายเอ ไม่ได้ไปนอนกับตนเองที่กระท่อมนา ก็จะนอนอยู่บ้านหลังเกิดเหตุ กับยายพิมพาฯ หรือบางทีก็จะนอนอยู่บ้านพี่สาวตัวเองซึ่งอยู่ละแวกเดียวกัน  แต่พอมาในช่วงเช้าของวันนี้ตนผิดสังเกต ปกติเด็กชายเอ ฯบุตรชายจะวิ่งมารับตนเองที่หน้าบ้าน แล้วจะขอไอติมกินบ้างขอเงินบ้าง แต่วันนี้ไม่เห็นตนเองจึงได้ออกตามหา ในหมู่บ้านบริเวณข้างบ้าน และตามบ้านเพื่อนที่คิดว่าบุตรชายของตนเองจะไปเล่นด้วย แต่ก็ไม่พบ

จากนั้นจึงย้อนกลับเข้าไปในบ้านหลังที่เกิดเหตุอีกครั้ง พบนายสมโฮง พี่ชายของตนเองก็ นั่งเฉยไม่พูดไม่จา และไม่ได้คลุ้มคลั่ง ตนเองจึงเดินไปดูที่หลังบ้านพบว่าฝาบ่อส้วม (บ่อเกรอะ) ผิดสังเกต ตนเองจึงได้เลื่อนฝาคอนกรีตของบ่อส้วมเปิดออกดูจึงพบว่าเด็กชายเอ  บุตรชายของตนเอง  นอนเสียชีวิตในลักษณะคว่ำหน้าอยู่ในบ่อส้วม จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่เกิดเหตุ ซึ่งตนเองไม่คิดว่าฆาตกรที่ลงมือฆ่าบุตรชายตนเอง จะเป็นพี่ชายแท้ๆ เพราะที่ผ่านมาพี่ชายได้ลงไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ แล้วเกิดป่วย จึงกลับลงมารักษาตัวอยู่ที่บ้านได้ประมาณ 3 เดือน ตนเองก็ดูแลรักษาจนอาการดีขึ้น ข้าวปลาอาหารก็หามาให้กิน ตนเองจะไม่ขออโหสิกรรมให้กับการกระทำของพี่ชาย ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ด้านนายส้มโฮง  อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนเองสุขภาพไม่ค่อยดี ขณะนั้นนอนอยู่ในห้อง เด็กชายเอ  ก็วิ่งเล่นเสียงดังทำให้ตัวเองรำคาญ พอตื่นขึ้นมาจะไปกินข้าว แต่พบว่าเด็กชายเอ  ได้กินกับข้าวหมดแล้ว  ตนเองจึงเกิดอาการโมโหหิว จึงได้ลงมือทำร้ายร่างกายหลานโดยได้ ใช้เท้า กับมือ เตะต่อยทุบตีไปตามลำตัว จนเด็กชายเอ  เขียวช้ำไปทั้งตัวนอนแน่นิ่งเสียชีวิต จึงได้นำร่างของหลานชายใส่กล่องโฟมขนาดใหญ่ และลากไปหลังบ้าน ทิ้งอำพรางศพลงไปในบ่อส้วม แล้วกลับเข้ามาในบ้าน โดยทำหน้าตาเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำร่างของเด็กชายเอฯ ส่งผ่าพิสูจน์ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหานายสมโฮงฯว่าทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย และลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการเกิดการตาย หรือเหตุแห่งการตาย นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป