วันที่ 28 พ.ค.66 นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวว่า จังหวัดตราดเป็นจังหวัดสุดท้ายของภาคตะวันออกและเป็นจังหวัดเล็กๆ แต่เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงทางด้านภูมิศาสตร์ เพราะมีพื้นที่ติดชายแดนไทยกัมพูชาทั้ง 3 จังหวัดสำคัญของกัมพูชา คือด้านอำเภอบ่อไร่ติดกับอำเภอสำรูด จ.พระตะบองที่ปัจจุบันมีจุดผ่อนปรนการค้าเพื่อไปมาหาสู่และค้าขายสินค้าระหว่างกัน,ด้านอำเภอเมืองติดกับอ.เวียงเวล จ.โพธิสัต ที่ยังเป็นช่องทางธรรมชาติ แต่กำลังมีความพยายามยกระดับให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร และอำเภอคลองใหญ่ จ.ตราดติดกับอำเภอมณฑลเสมา จ.เกาะกง ที่ปัจจุบันเป็นจุดผ่านแดนถาวร ซึ่งมีการค้าขายระหว่างกันมีมูลค่ากว่า 3.8 หมื่นล้าน/ปี และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆในทุกปี
ในขณะเดียวกันจังหวัดตราดยังมีแหล่งท่องเที่ยวทั้งชายทะเล และมีเกาะแก่บกว่า 52 เกาะ ซึ่งปัจจุบันมี 3-4 เกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับนานาชาติ(ที่ยักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวมากกว่า 2 ล้านคนและมีรายได้จากธุรกิจท่องเที่ยวเกิน 2 หมื่นล้านบาท/ปี นอกจากนี้ จังหวัดตราดยังเป็นแหล่งผลิตทางการเกษตรกรรมทั้งผลไม้ เช่น ทุเรียน มังคุด เงาะ หรือสัปรด และผลิตการเกษตรอย่าง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ซึ่งมีมูลค่าทั้งส่งออกและจำหน่ายในประเทศเกิน 1 หมื่นล้านบาท/ปี ทำให้เศรษฐกิจของจังหสัดตราดเติบโตอย่างต่อเนื่อง และทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัดตราดติดอยู่ในระดับที่ 15 ของประเทศทีเดียว
ซึ่งทางจังหวัดตราดพยายามดันให้บ้านท่าเส้นยกระดับเป็นจุดผ่านแดนถาวรให้ได้ ซึ่งยังติดอยู่กับเรื่องความมั่นคง และเรื่องMOU 43 ข้อที่ 5 ที่ 2 ประเทศยังมีปัญหาเรื่องเขตแดนกันในบ้านท่าเส้นซึ่งทางจังหวัดตราดได้เสนอข้อคิดเห็นไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้แต่ติดอยู่ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งหากเราจะเปิดก็อาจจะค่อยๆยกระดับลงมาเป็นแค่จุดผ่อนปรนก่อน อย่างไรก็ตามล่าสุดทางกระทรวงมหาดไทยได้มีคำสั่งออกมาให้ชะลอเรื่องนี้ไปก่อนรวมทั้งการเปิดตลาดการค้าชายแดนและคาราวานสินค้าเข้าไปในกัมพูชา หากเปิดได้จะเกิดผลดีทั้งในเรื่องการค้าชายแดน และการค้าทั่วไป เพราะชาวจีนที่เข้ามาลงทุนในพื้นที่นี้จะมีกำลังซื้อมาก และจะเกิดการค้าขายจำนวนมหาศาลเช่นกันอาจจะถึงแสนล้าน/ปี เพราะประชากรในโพธิสัตว์และใกล้เคียงมีจำนวนมากรวมทั้งการท่องเที่ยวที่ช่องบ้านท่าเส้นจะสามารถเดินทางไปยังเมืองอื่นๆอีกหลายแห่งทั้งเกาะกง โพธิสัตว์ หรือจังหวัดอื่นๆ
สำหรับบ้านท่าเส้นจะเป็นศูนย์กลางในการเข้าออกที่สะดวกกว่าช่องทางอื่นๆ” และอีกประการหนึ่งการยกระดับจุดผ่อนปรนบ้านมะม่วงให้เป็นจุดเข้าออกโดยสมบูรณ์จะทำให้เกิดการเดินทางจากทั้ง 3 ช่องทางเข้ามายังจังหวัดตราดและเข้าไปเที่ยวทะเลที่เกาะช้างและเกาะอื่นๆได้สะดวกมากขึ้น นักท่องเที่ยวกัมพูชามหรือเวียตนามรวมทั้งจากต่างประเทศก็เข้ามาตราดได้มากขึ้น
ผู้ว่าราชการจ.ตราดยังกล่าวอีกว่า ในส่วนการเดินทางเข้ามาจังหวัดตราดอีกช่องทางหนึ่งคือ การเดินทางทางอากาศผ่านสนามบินท่าโสมหรือสนามบินตราดที่บริษัท บางกอกแอร์เวย์ จำกัดได้ขอขยายสนามบินและต้องตัดภูเขาด้านข้างรัยเวย์เพื่อให้เครื่องบินขนาดใหญ่เข้ามาจอดได้นั้น ทางจังหวัดก็ได้อนุมัติให้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการปรับอยู่และได้ไลเซ่นต์จากบริษัทการบินแล้ว เหลืออยู่ที่ไลเซ่นต์ของแผนการบินว่าจะเดินทางมารูปแบบไหน จะบินภายในประเทศ บินต่างประเทศหรือแบบชาร์ตเตอร์ไพท์จะยิ่งทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น จากเดิมวันละ 70 ที่นั่ง ไปกับ 140 ที่นั่ง/วัน เพิ่มมาใช้เครื่องใหญ่ขึ้นวันละ 160 คน/เที่ยว วันละ 3-4 เที่ยวจะทให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาตราดมาถึงเดือนละ 3-4 หมื่นคนเป็นอย่างน้อย
ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่ทางจังหวัดเร่งดำเนินการก็คือ ท่าเรือเอนกประสงค์คลองใหญ่ที่สร้างด้วยงบประมาณกว่า 1 พันล้านแต่กลับไม่ได้ใช้ประโยชน์นั้น ผมได้หารือกับทางธนารักษ์จังหวัดเพื่อเร่งดำเนินการหลังทราบว่าทางการท่าเรือแห่งประเทศไทยได้เข้ามาดำเนินการและขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างท่าเรือใหม่ และทางธนารักษ์จังหวัดได้เร่งรัดไปยังกรมการขนส่งทางน้ำเพื่อหาข้อสรุปซึ่งหากดำเนินการได้เร็วยิ่งจะส่งผลดีเพราะท่าเรือแห่งนี้สามารถรองรับได้ทั้งการท่องเที่ยวและการค้าทางทะเลไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อันจะส่งผลดีต่อการพัฒนาของจังหวัดตราดและการเดินทางเข้าออก ซึ่งเมื่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวมีจำนวนมากขึ้น จะส่งผลดีต่อการผลักดันเส้นทางถนนที่จะมีทั้งการดึงเส้นทางมามอเตอร์เวย์มาที่ตราดหรือดึงรถไฟความเร็วสูงมาที่ตราดอีก นั่นจะทำให้จังหวัดตราดเป็นศูนย์กลางทั้งเรื่องการค้า การท่องเที่ยวของ 3 ประเทศ คือ ไทยกัมพูชา และเวียตนาม ซึ่งจะทำให้เกิดรายได้สูงเป็นแสนล้าน/ปีทีเดียว




