อย่าใช้การเมืองกำหนดอนาคตกัญชา!! “ประสิทธิ์ชัย” ร่อนหนังสือถึง “พิธา” ยันไม่หยุดเคลื่อนไหวถ้ายังดึงดันเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด แต่จะไม่ประท้วงจนกว่าจะตั้งรมต.สธ. เสร็จ เสนอ 3 ขั้นตอนทบทวนรอบด้านจากหลักฐานข้อเท้จจริง ตามวิถีประชาธิปไตย
วันที่ 26 พ.ค.66 นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ฝากข้อความถึง นายพิธา ลิ้มเจริญรัรตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่นายกรัฐมนตรี โดยใช้หัวข้อว่า "หนังสือถึงพิธาและความในใจของผม"
โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่า ตนเคลื่อนไหวเรื่องกัญชามาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง และตนไม่เคยเขียนถึงพรรคก้าวไกลก่อนเลยสักครั้ง ยกเว้นว่าพรรคพูดเรื่องกัญชากลับสู่ยาเสพติด เราเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยจำเป็นต้องพูด
หลายคนบอกและเรียกร้องว่าให้หยุดก่อน ให้เขาทำเรื่องใหญ่ก่อน ประเด็นสำคัญคือ เรื่องกัญชาสำหรับตนมันใหญ่มาก ถ้ามันถูกเอาไปเป็นยาเสพติด มันคือการทำลายความมั่นคงทางยาที่ใช้กัญชารักษาเยียวยาความทุกข์ยากของผู้คน
ถ้าจะเรียกร้องตนให้หยุดพูดก่อนการจัดตั้งรัฐบาล ทำไมประชาชนต้องหยุดพูดด้วย แต่ตนยืนยันหลักการเดิมว่าตนไม่พูดก่อน ตนจะพูดก็ต่อเมื่อฝ่ายการเมืองเคลื่อนไหว แต่ถ้าเห็นว่าฝ่ายการเมืองจะทำอะไรก็ได้ จังหวะนี้เราต้องหยุดก่อน มันใช่หลักการที่ถูกต้องหรือเปล่า
นายประสิทธิ์ชัย กล่าวว่า ตนพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะชวนพรรคการเมืองกลับมากำหนดนโยบายที่ข้อเท็จจริง ตนไม่ใช่นักการเมืองที่จะตัดสินตามภาวะการเมือง ตนยืนยันหลักการ และ พรรคการเมืองไม่ควรหวั่นไหวต่อการตั้งคำถามเพื่อหาข้อเท็จจริง พวกตนไม่ชุมนุมประท้วง จนกว่าจะมีการแต่งตั้ง รมต.สาธารณสุข สิ่งที่พวกตนทำคือสิ่งที่ปรากฎในหนังสือที่ส่งถึงหัวหน้าพรรคก้าวไกล นั่นคือชวนทุกพรรคมาร่วมกันกำหนดนโยบายที่ข้อเท็จจริง
“ถ้าทำเท่านี้เพื่อนพี่น้องผมที่เคยคบกันมาแล้วหาว่านี่คือการทำลายพรรคก้าวไกล เราสามารถเลิกคบกันได้ครับ เพราะผมเป็นบุคคลเช่นนี้และผมก็เสียเพื่อนจากภาวะเช่นนี้ตลอดมา จะเสียเพื่อนอีกสักรอบก็ไม่เป็นไร ผมรับปากได้อย่างเดียวว่าจะพยายามอย่างสุดความสามารถในการหาข้อยุติร่วมกันให้ได้กับพรรคการเมือง ด้วยการใช้ข้อเท็จจริงมาร่วมกันพิจารณา ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่มีเบื้องหลัง จะอย่างไรคงคุยกันได้ แต่ถ้ามีประโยชน์เบื้องหลังก็ยากจะตกลงกัน” นายประสิทธิ์ชัย กล่าว
นายประสิทธิ์ชัย ยังได้เสนอแนวทาง สำหรับการกำหนดตำแหน่งแห่งที่ของกัญชาในประเทศไทยไว้ 3 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่1 คือหัวใจสำคัญสุดกลับมาพิจารณาที่ข้อเท็จจริงของกัญชาอย่างรอบด้าน ปัญหาสำคัญที่สุดของกัญชาตอนนี้คือ ข้อมูลที่สาธารณชนรับรู้ห่างไกลจากข้อเท็จจริง เหตุเพราะพรรคการเมืองนำกัญชามาปั่นกันจนเลยเถิด โดยเฉพาะสองพรรคใหญ่ ที่ได้รับความนิยมสูง คำพูดของสองพรรคนี้ยิ่งตอกย้ำว่ากัญชาเลวร้าย
หากเราไม่กลับมาสู่ข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน ไม่มีทางที่จะกำหนดกติกาที่มีประสิทธิภาพ และทุกเรื่องของประเทศนี้เวลาจะกำหนดนโยบายต้องกลับมาที่ข้อเท็จจริง ฉะนั้นขั้นตอนแรกทุกภาคส่วนต้องกลับมาที่จุดพื้นฐานสำคัญที่สุดคือข้อเท็จจริง
ขั้นตอนที่ 2 วิเคราะห์จากฐานข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านแล้วมากำหนดว่า เราจะใช้เครื่องมือใดในการกำหนดกลไกที่มีประสิทธิภาพที่สุด เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน เมื่อถึงขั้นนี้เราจะมองเห็นภาพร่วมกันว่า เครื่องมือแบบ พระราชบัญญัติ หรือ กฎหมายยาเสพติด ขั้นตอนที่3 ต้องสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการสร้างกลไกเรื่องกัญชา และออกแบบกลไกร่วมกัน จนกลายเป็นกฎหมายที่ใช้กำกับและบริหารกัญชาของประเทศ
“หากเริ่มจาก 3 ขั้นตอนนี้ จะสง่างาม เป็นประชาธิปไตย พรรคการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย ควรเลือกวิธีการของประชาธิปไตย ไม่ใช่รวบรัดตัดตอน เอาไปสู่กฎหมายยาเสพติด ซึ่งเป็นกฎหมายที่จำกัดการใช้ จำกัดเสรีภาพ จำกัดการออกแบบกลไก กลับมาสู่การแสวงหาข้อเท็จจริงเถอะครับ อย่าใช้วิถีการเมืองในการกำหนดนโยบายกัญชา เพราะมันจะผิดแล้วผิดอีก” เลขาธิการเขียนอนาคตกัญชาไทย กล่าว