วันที่ 25 พ.ค. 2566 เวลา 14.00 น. ที่บริเวณด้านหน้าที่ที่ทำการสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อย อ.เปือยน้อย จ.ขอนแก่น ได้มีชาวบ้านจำนวนมากมารวมตัว ขอพบนายสมศักดิ์ แก้วอาษา ผู้จัดการ สหกรณ์การเกษตรเปือยน้อย พร้อมทั้งขับไล่ด้วยนาย ไสล กองเกิด ประธานบริหารสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อย และขอเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ที่ส่งให้สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์เปือยน้อยมาหลายปีคืน เนื่องจากชาวบ้านไม่มั่นใจในความมั่นคงของทางสมาคมว่าจะบริหารจัดการเงินให้ได้

นายสมศักดิ์ แก้วอาษา ผู้จัดการ สหกรณ์การเกษตรเปือยน้อย กล่าวว่าหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่การเงินของสหกรณ์ ทำการทุจริต เอาเงินของสมาชิกสหกรณ์ไป ซึ่งสหกรณ์ ได้ดำเนินการรวบรวมหลักฐานพร้อมเอกสารคำรับสารภาพของเจ้าหน้าที่การเงินรายดังกล่าว  (น.ส.พัชรินทร์ ชินสี อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่184 ม.2 ต.สระแก้ว อ.เปือยน้อย จ.ขอนแก่น) พร้อมบัญชีของประชาชนที่ถูกถอนเงินไป 16 ราย พร้อมใบถอนเงินที่ถูกปลอมแปลงลายมือ 33 ครั้ง เข้าแจ้งความกับตำรวจให้จับกุมเจ้าหน้าที่การเงินรายดังกล่าว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะที่แนวทางการดำเนินการแก้ไขอยู่ระหว่างการดำเนินการใน 4 แนวทางที่จะหาเงินมาคืนประชาชนทุกคนทุกบาท ด้วยการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน และสหกรณ์อื่นๆที่เป็นคู่ค้ากัน รวมทั้งขายทรัพย์สินที่เป็นที่ดินของสหกรณ์จำนวน 3 แปลง หากการดำเนินการทั้งหมดสำเร็จก็จะได้เงินมาคืนให้ชาวบ้านทุกคน  แต่ทุกแนวทาง มีขั้นตอนและระยะเวลาของการดำเนินการ ประมาณ 1-2 เดือนน่าจะแล้วเสร็จ


" ตนไม่ใช่ประธานสมาคมฯจึงไม่สามารถให้คำตอบในจุดนี้ได้  แต่เท่าที่ทราบมา สมาคมฯดำเนินการมาหลายปี ไม่มีปัญหา เพิ่งมาพบปัญหาช่วงนี้ ซึ่งทราบว่า สมาคมฯมีสมาชิกอยู่ประมาณ 3,800 กว่าราย และในการเก็บเงินแต่ละครั้ง สมาคมฯจะส่งหนังสือแจ้งถึงสมาชิก เพื่อจ่ายเงิน แต่ในปี 2565 ที่ผ่านมา สมาคมฯแจ้งให้สมาชิกทั้งหมดจ่ายเงิน รายละ 1,030 บาทแต่สมาชิกจ่ายมาเพียง 1,000 รายเท่านั้น อีก 2,800 กว่ารายไม่นำส่ง จึงทำให้สมาคมฯขาดสภาพคล่อง และค้างจ่ายเงินให้คนตาย 58 ศพ ซึ่งเท่าที่ทราบสมาคมฯยังไม่หยุดจ่าย เพียงแค่ต้องรอการเก็บเงินจากสมาชิกให้ได้ก่อน จึงจะนำมาจ่ายให้ ส่วนสมาชิกที่จ่ายเงินแล้ว แต่ยังไม่มีการเสียชีวิต และไม่มั่นใจในความมั่นคงของสมาคมฯจึงมาเงินคืนนั้น ไม่สามารถให้คำตอบยืนยันได้ ต้องรอให้ประธานสมาคม มาชี้แจงรายละเอียดเอง"

ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อย  กล่าวต่ออีกว่า การดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่การเงินรายดังกล่าว หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้น สหกรณ์ไม่ได้หยุดทำเพียงเท่านั้น  แต่สหกรณ์ยังหาหลักฐานมาเพิ่มเติมส่งให้ตำรวจ ทำการจับกุมดำเนินคดีกับคนที่ร่วมลงมือหรือแจ้งข้อหากับเจ้าหน้าที่การเงินรายดังกล่าวเพิ่มอีก ซึ่งขณะนี้มีหลักฐานเพิ่มเติมอีก 58 ราย   รวมกับ 16  รายที่นำมอบให้ครั้งแรกเป็น 74 ราย เป็นเงิน 18 ล้านกว่าบาท ซึ่งในเบื้องต้นพบว่ามีการกระทำความผิดเพียงเจ้าหน้าที่การเงินเพียงคนเดียว
 
ขณะที่  พ.ต.อ.เดชาธร ดีมี ผกก.สภ.เปือยน้อย กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่การเงินของสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อย ที่ถูกสหกรณ์แจ้งความจับนั้น ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และการสอบสวนในกรณีที่สหกรณ์นำหลักฐานเข้าแจ้งความ 16 คนแรก ก็เสร็จสิ้นแล้ว จึงแจ้งข้อหาลักทรัพย์นายจ้าง และควบคุมตัวฝากขังที่ศาลจังหวัดพลเป็นการฝากขังผลัดแรก 12 วัน เรียบร้อยแล้ว  โดยคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากมีผู้เสียหายหลายราย และมีมูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท  รวมถึงต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมในกรณีที่มีการแจ้งความเพิ่ม ก็ต้องสอบสวนเพิ่มและแจ้งข้อหาเดียวกันให้ผู้ต้องหาทราบ หากให้ประกันตัวออกมา เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี และก่อกวน ทำลาย พยานหลักฐานในคดี

ทั้งนี้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนกรณีที่เกี่ยวข้องกับสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อยนั้น ขอให้เดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกราย ทุกกรณี  รวมถึงสมาชิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ที่ญาติพี่น้องเสียชีวิตแล้วยังไม่ได้เงิน ให้เข้าแจ้งความกับตำรวจทันที ส่วนคนที่เป็นสมาชิกสมาคมฯแต่ไม่มีความเชื่อมั่นในสมาคมฯและต้องการเงินคืน ให้ไปลงชื่อที่เทศบาลตำบลเปือยน้อย  จากนั้นคณะทำงานจะรวบรวมเอกสารหลักฐาน มาพิจารณาถึงส่าเหตุที่เกิดขึ้น หากพบการทุจริต หรือคนที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนจับกุมมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินดังกล่าวไปซึ่งให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ บอกกับผู้สื่อข่าวว่าตนเองเป็นญาติกับผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อยและได้เข้าไปทำงานในหน้าที่เจ้าหน้าที่การเงินซึ่งก็จะเห็นเงินหมุนเวียนในแต่ละวันของสหกรณ์เป็นจำนวนมากและทำงานมาตั้งแต่ปี 61 เรียนรู้งานทุกอย่างจากทางผู้จัดการส่วนในกรณีที่เกิดขึ้นนั้นยอมรับว่าเป็นคนเอาเงินไปจริงและทำคนเดียวจำนวนเงินที่เอาไปนั้น 10 ล้านบาทซึ่งทยอยเอาไปในช่วงก่อนถูกพักงานและสาเหตุที่ต้องเอาเงินออกไปใช้ เนื่องจากตนเองติดการพนันเล่นบาคาร่าก็นำเงินมาเล่นจนหมดนำมาใช้เที่ยวใช้กินอีกครั้งมีปัญหาครอบครัวก่อนจะมีการตรวจสอบจากทางเจ้าหน้าที่สหกรณ์พร้อมทั้งสั่งพักงานตนเองและเปลี่ยนให้คนอื่นมาทำหน้าที่การเงินแทน ในส่วนนี้ก็ต้องยอมรับผิดและว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมาย