นายเกรียงไกร พัฒนาภรณ์ รองอธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิตเปิดเผยว่า นโยบายสุราก้าวหน้าของพรรคก้าวไกลที่มีสาระสำคัญต้องการปลดล็อกเงื่อนไขให้มีผู้ผลิตรายย่อยเข้าถึงการผลิตสุรามากขึ้นนั้น ถือเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับนโยบายของกรมฯ ดังนั้นหากพรรคก้าวไกลสามารถจัดตั้งรัฐบาลและเดินหน้านโยบายดังกล่าว ทางกรมฯก็ไม่ได้มีข้อจำกัดในเรื่องดังกล่าว

ทั้งนี้ปัจจุบันผู้ผลิตสุราจะแบ่งเป็นผู้ผลิตในระดับชุมชน และรายใหญ่ แต่ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย.65 ครม.ได้อนุมัติปลดล็อกให้มีผู้ผลิตตั้งแต่รายกลางขึ้นไปได้ ดังนั้นปัจจุบันจึงมีผู้ผลิตในทุกขนาดคือ ตั้งแต่ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ โดยรายเล็กหรือในระดับชุมชนมีผู้ผลิตอยู่แล้วนับพันราย ส่วนผู้ผลิตรายกลางตั้งแต่เปิดเงื่อนไขยังไม่มีผู้ผลิตรายกลางยื่นจดทะเบียนเข้ามามากนัก ส่วนรายใหญ่ในปัจจุบันมีจำนวนไม่มากนักเช่นกัน

สำหรับผู้ผลิตสุรารายใหญ่นั้น แม้จะไม่มีข้อจำกัด แต่มองว่า ผู้ผลิตรายใหญ่อาจจะเกิดขึ้นได้ยาก เนื่องจากมูลค่าการตลาดสุราอยู่ในระดับที่คงที่มานานราว 4 แสนล้านบาทต่อปี ทำให้ไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน สาเหตุเพราะเราห้ามการโฆษณา เพื่อป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ อย่างไรก็ดีหากมีผู้ผลิตรายใหญ่เกิดขึ้นก็ถือว่าเป็นผลดีต่อการจัด เก็บรายได้ของกรมฯ ส่วนผู้ผลิตเบียร์ปัจจุบันมีเพียงผู้ผลิตรายใหญ่และผู้ผลิตเฉพาะสถานที่ ถือว่ายังมีข้อจำกัด เพราะการผลิตเบียร์นั้น วิธีการผลิตไม่เหมือนสุรา เพราะจะมีปัญหาเรื่องของน้ำเสีย และสิ่งแวดล้อม หากจะเปิดเสรีแบบทำเองกินเอง อาจต้องดูผลกระทบว่าเป็นอย่างไรบ้าง

ขณะที่การจัดเก็บรายได้สุราและเบียร์รอบ 7 เดือนของปีงบประมาณ 2566 สามารถจัดเก็บสุราได้ 4.03 หมื่นล้านบาท หรือ 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุที่เพิ่มขึ้นมากเนื่องจากในปีที่แล้วยังปิดประเทศ สถานบันเทิงยังไม่เปิด ทำให้ยอดขายสุราตก ส่วนการจัดเก็บรายได้ของเบียร์อยู่ที่ 5.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 3% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากฐานปีที่แล้วอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน เพราะเบียร์สามารถหาซื้อได้ในร้านค้าทั่วไป