คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CBS) ร่วมกับ World Economic Forum (WEF) จัดทำรายงานอาชีพในอนาคต (Future of Jobs Report) พบว่า ภายในปี 2570 อาจมีงานลดลงสุทธิ 14 ล้านตำแหน่ง หรือ 2% ของการจ้างงานในปัจจุบัน ขณะที่ความต้องการอาชีพด้าน AI และ Big Data พุ่งสูง แนะภาคธุรกิจ สถาบันการศึกษา และผู้มีอาชีพสุ่มเสี่ยงเร่งปรับตัวเสริมทักษะอาชีพ เสนอพัฒนา 10 ทักษะ ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดอาชีพในปัจจุบันและอนาคต
ศ.วิเลิศ ภูริวัชร คณบดี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CBS) กล่าวว่า CBS เป็นตัวแทนหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่ได้ร่วมกับ World Economic Forum (WEF) ทำการสำรวจทิศทางอาชีพในอนาคต (Future of Jobs Survey) โดยรวบรวมมุมมองจาก 803 บริษัท ซึ่งรวมการจ้างงานมากกว่า 11.3 ล้านคน ใน 27 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 45 ประเทศจากทุกภูมิภาคทั่วโลก คาดว่า งานประมาณ 23% จะมีการเปลี่ยนแปลงภายในปี 2570 โดยมีการสร้างงานใหม่ 69 ล้านตำแหน่ง และการยุบงาน 83 ล้านตำแหน่ง จากงานทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ 673 ล้านตำแหน่งในปัจจุบัน
โดยการศึกษาครั้งนี้ เป็นการศึกษาในระดับมหภาค พบว่าตัวขับเคลื่อนหลักของการเติบโตของงานภายใน 5 ปีนี้ (2566-2570) คือ การเปลี่ยนแปลงด้านความยั่งยืน (Green transition) มาตรฐาน ESG ห่วงโซ่อุปทานท้องถิ่น (Localization of supply chains) อย่างไรก็ดี ธุรกิจต่างๆ อาจต้องเผชิญความท้าทายหลายประการ เช่น ภาวะเงินเฟ้อ การชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก และการเข้าถึงเทคโนโลยี
ทั้งนี้ การพัฒนา 10 ทักษะที่สำคัญสำหรับประเทศไทย ในช่วงปี 66-70 ประกอบด้วย
1.ปัญญาประดิษฐ์ และข้อมูลมหัต
2.การคิดเชิงวิเคราะห์
3.การคิดเชิงสร้างสรรค์
4.ความเป็นผู้นำและอิทธิพลทางสังคม
5.การจัดการความสามารถ
6.ความยืดหยุ่นและความคล่องตัว
7. ความต้องการการเรียนรู้ และการเรียนรู้ตลอดชีวิต
8.ความรู้ทางเทคโนโลยี
9.การดูแลสิ่งแวดล้อม
10.แนวทางการให้บริการและการบริการลูกค้า
ศ.วิเลิศ กล่าวต่อว่า อาชีพที่มีความต้องการสูงในอนาคต เป็นอาชีพที่มีเทคโนโลยีและดิจิทัลเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะนักวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysts) ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลมหัต (Big Data Specialists) ผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI Machine Learning Specialists) และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity Professionals) ซึ่งคาดว่าจะเติบโตโดยเฉลี่ยประมาณ 30% ภายในปี 2570
ทั้งนี้ คาดว่างานทางด้านพาณิชย์ดิจิทัล (Digital Commerce) จะเพิ่มขึ้นประมาณ 2 ล้านตำแหน่ง เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce Specialists) ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation Specialists) และผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัลและกลยุทธ์ (Digital Marketing and Strategy Specialists) อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีและดิจิทัลอาจลดงานในบางบทบาทลง เช่น ธุรการ หรือเลขานุการ (Clerical or Secretarial Jobs) พนักงานธนาคาร (Bank Tellers) แคชเชียร์ (Cashiers) และพนักงานป้อนข้อมูล (Data Entry Clerks)
นอกจากนี้ คาดว่าในช่วงปี 2566-2570 อาชีพที่เติบโต และอาชีพที่ถูกทดแทนเร็วที่สุด 5 อันดับ ประกอบด้วย
- อาชีพที่เติบโต ได้แก่
1.ผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์
2.ผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืน
3.นักวิเคราะห์ธุรกิจอัจฉริยะ
4.นักวิเคราะห์ความปลอดภัยของข้อมูล
5.วิศวกรฟินเทค
-อาชีพที่ถูกทดแทน ได้แก่
1.พนักงานธนาคาร และตำแหน่งที่เกี่ยวข้อง
2.พนักงานให้บริการไปรษณีย์
3.พนักงานเก็บเงินและพนักงานขายตั๋ว
4.พนักงานบันทึกข้อมูล
5.เลขานุการฝ่ายบริหาร
สิ่งที่น่าสนใจ คือ การเพิ่มขึ้นของงานที่เกี่ยวกับความยั่งยืน การศึกษา และการเกษตร ในช่วงปี 2566-2570 ดังนี้
-ความยั่งยืน คาดว่าจะเติบโต 33% นำไปสู่งานเพิ่มขึ้น 1 ล้านตำแหน่ง
-การศึกษา คาดว่าจะเติบโต 10% นำไปสู่งานเพิ่มขึ้น 3 ล้านตำแหน่ง
-การเกษตร คาดว่าจะเติบโต 15-30% นำไปสู่งานเพิ่มขึ้น 4 ล้านตำแหน่ง
ขณะเดียวกันมองว่าจะต้องเร่งด่วนในการปรับเปลี่ยนองค์กร เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานโลกและประเทศไทย คือ องค์กรต่างๆ ควรกำหนดกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการสร้างทักษะใหม่ โดยให้ความสำคัญและลงทุนกับการฝึกอบรมพนักงานให้สามารถใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ (AI) และข้อมูลมหัต (Big Data) รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาทักษะในการคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical Thinking) และการคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative Thinking) นอกจากนี้ องค์กรต่างๆ ควรคำนึงถึงการเพิ่มความสามารถในการทำงานข้ามบทบาท การเพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน และการเพิ่มผลผลิตของพนักงาน
โดยสถาบันการศึกษา ควรเร่งปรับตัวรับมือการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการเสริมทักษะองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี การคิดเชิงวิเคราะห์ และการคิดเชิงสร้างสรรค์ ตลอดจนองค์ความรู้และประสบการณ์ เพื่อรองรับอาชีพใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ให้กับนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่สำคัญคือ บทบาทของมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาต่างๆ ต้องไม่จำกัดแค่สถาบันที่ให้ความรู้และประสบการณ์การเรียน แต่ต้องเป็นการบ่มเพาะความฉลาด และเสริมสร้างพรสวรรค์ (Wisdom and Talent incubator) โดยเพิ่มพูนทักษะรอบด้าน เพื่อพัฒนาทั้งคุณภาพชีวิตตนเองและสร้างคุณค่าให้กับโลกในภาพรวมด้วย
-------------
คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CBS) องค์กรหนึ่งเดียวของไทยที่ได้ร่วมกับ World Economic Forum (WEF) ในการจัดทำและเผยแพร่รายงานอาชีพในอนาคต (Future of Jobs Report) พบว่าภายในปี 2570 อาจมีงานลดลงสุทธิ 14 ล้านตำแหน่ง หรือ 2% ของการจ้างงานในปัจจุบัน ขณะที่ความต้องการอาชีพด้าน AI และ Big Data พุ่งสูง อาชีพที่มีเทคโนโลยีและดิจิทัลเข้ามาเกี่ยวข้อง คาดเติบโตเพิ่ม 30% อาชีพผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรมีความต้องการเพิ่มสูงถึง 4 ล้านตำแหน่ง แนะภาคธุรกิจ สถาบันการศึกษา และผู้มีอาชีพสุ่มเสี่ยงเร่งปรับตัวเสริมทักษะอาชีพ โดยเสนอพัฒนา 10 ทักษะซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดอาชีพในปัจจุบันและในอนาคต
ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร คณบดี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CBS) กล่าวว่า CBS เป็นตัวแทนหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่ได้ร่วมกับ World Economic Forum (WEF) ทำการสำรวจทิศทางอาชีพในอนาคต (Future of Jobs Survey) โดยรวบรวมมุมมองจาก 803 บริษัท ซึ่งรวมการจ้างงานมากกว่า 11.3 ล้านคน ใน 27 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 45 ประเทศจากทุกภูมิภาคทั่วโลก คาดว่างานประมาณ 23% จะเปลี่ยนแปลงภายในปี 2570 โดยมีการสร้างงานใหม่ 69 ล้านตําแหน่ง และการยุบงาน 83 ล้านตําแหน่ง จากงานทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ 673 ล้านตำแหน่งในปัจจุบัน
การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาในระดับมหภาคพบว่าตัวขับเคลื่อนหลักของการเติบโตของงานภายใน 5 ปีนี้ (2566-2570) คือ การเปลี่ยนแปลงด้านความยั่งยืน (Green transition) มาตรฐาน ESG ห่วงโซ่อุปทานท้องถิ่น (Localization of supply chains) อย่างไรก็ดี ธุรกิจต่างๆ อาจต้องเผชิญความท้าทายหลายประการ เช่น ภาวะเงินเฟ้อ การชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก และการเข้าถึงเทคโนโลยี
การพัฒนา 10 ทักษะที่สำคัญสำหรับประเทศไทยในช่วงปี 2566–2570 ประกอบด้วย
ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ กล่าวต่อไปว่า อาชีพที่มีความต้องการสูงในอนาคต เป็นอาชีพที่มีเทคโนโลยีและดิจิทัลเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะนักวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysts) ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลมหัต (Big Data Specialists) ผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI Machine Learning Specialists) และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity Professionals) ซึ่งคาดว่าจะเติบโตโดยเฉลี่ยประมาณ 30% ภายในปี 2570 นอกจากนี้ คาดว่างานทางด้านพาณิชย์ดิจิทัล (Digital Commerce) จะเพิ่มขึ้นประมาณ 2 ล้านตำแหน่ง เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce Specialists) ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation Specialists) และผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัลและกลยุทธ์ (Digital Marketing and Strategy Specialists) อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีและดิจิทัลอาจลดงานในบางบทบาทลง เช่น ธุรการหรือเลขานุการ (Clerical or Secretarial Jobs) พนักงานธนาคาร (Bank Tellers) แคชเชียร์ (Cashiers) และพนักงานป้อนข้อมูล (Data Entry Clerks)
นอกจากนี้ คาดว่าในช่วงปี 2566–2570 อาชีพที่เติบโตและอาชีพที่ถูกทดแทนเร็วที่สุด 5 อันดับ ประกอบด้วย
และสิ่งที่น่าสนใจ คือ การเพิ่มขึ้นของงานที่เกี่ยวกับความยั่งยืน การศึกษา และการเกษตร ในช่วงปี 2566–2570 ดังนี้
และต้องเร่งด่วนในการปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานโลกและประเทศไทย คือ องค์กรต่างๆ ควรกำหนดกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการสร้างทักษะใหม่ โดยให้ความสำคัญและลงทุนกับการฝึกอบรมพนักงานให้สามารถใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ (AI) และข้อมูลมหัต (Big Data) รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาทักษะในการคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical Thinking) และการคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative Thinking) นอกจากนี้ องค์กรต่างๆควรคำนึงถึงการเพิ่มความสามารถในการทำงานข้ามบทบาท การเพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน และการเพิ่มผลผลิตของพนักงาน
ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ กล่าวปิดท้ายว่า สถาบันการศึกษาควรเร่งปรับตัวรับมือการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการเสริมทักษะองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี การคิดเชิงวิเคราะห์ และการคิดเชิงสร้างสรรค์ ตลอดจนองค์ความรู้และประสบการณ์เพื่อรองรับอาชีพใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ให้กับนักเรียน นิสิต นักศึกษา
ที่สำคัญคือ บทบาทของมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาต่างๆ ต้องไม่จำกัดแค่สถาบันที่ให้ความรู้และประสบการณ์การเรียน แต่ต้องเป็นการบ่มเพาะความฉลาด และเสริมสร้างพรสวรรค์ (Wisdom and Talent incubator) โดยเพิ่มพูนทักษะรอบด้าน เพื่อพัฒนาทั้งคุณภาพชีวิตตนเองและสร้างคุณค่าให้กับโลกในภาพรวมด้วย