75% Gen Z กำลังท้าทายมาตรฐานการเดท และความสัมพันธ์แบบเดิมๆ 3ด้าน พอล บรูนสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระดับโลกระบุ Gen Z จะประสบความสำเร็จในการแต่งงานมากที่สุด เพราะมีสุขภาพทางอารมณ์ที่ดี และมีการสื่อสารที่ชัดเจน
Tinder แอพหาคู่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เผยรายงานอนาคตของการเดทปี 2023 พบว่าคน Gen Z กำลังเต็มที่กับการเดทในรูปแบบที่คนรุ่นก่อน ๆ ไม่เคยทำ 69%3 เชื่อว่าจะเปลี่ยนมาตรฐานของการเดทในอนาคตด้านมิลเลนเนียลมากกว่าครึ่ง เห็นด้วยว่าคนนิวเจน มีความสัมพันธ์ และการเดทที่ดีกว่าตอนที่มีอายุเท่ากัน2
เฟย์ ไอโอโซทาลูโน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Tinder เปิดเผยว่า “ในปี 2566 สมาชิกส่วนใหญ่เป็นคนในกลุ่ม Gen Z ที่มีอิทธิพลต่อสังคม และฉีกกฎเกณฑ์เดิม ๆ ในรูปแบบที่ไม่มีคนรุ่นใดทำได้ ซึ่งเราเชื่อว่าคน Gen Z กำลังทำให้วิธีการเดท หรือการเลือกคนไปเดทด้วย และการตีความหมายที่แท้จริงของการออกเดทเปลี่ยนแปลงไปจากแต่ก่อนมากที่สุดเท่าที่เคยพบมา”
รายงานอนาคตของการเดท 2023 (Future of Dating Report 2023) ในหัวข้อ “ยุคทองของการออกเดท เน้นความเป็นตัวตนที่แท้จริง” เป็นรายงานที่จัดทำขึ้นครั้งที่ 2 โดยฉบับแรกเปิดตัวในปี 2564 เป็นการเผยถึงเทรนด์ใหม่ในการเดท
ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และหลังจากทุกอย่างกลับมาสู่ภาวะปกติในช่วงปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ รายงานสรุปได้ 3 หัวข้อหลักดังนี้
การเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง
คนนิวเจนเชื่อว่าการเป็นตัวของตัวเองเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเมื่อออกเดท หัวใจหลักในการเดทรูปแบบใหม่คือ การเปิดใจ
มีสุขภาพจิตที่ดี ซื่อสัตย์ และให้เกียรติกัน คน Gen Z กว่า 80% ยอมรับว่าการดูแลตัวเองสำคัญที่สุดเมื่อต้องออกเดท 79% ต้องการให้คู่เดทให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองเช่นเดียวกัน1 และเกือบ 75% ของคนนิวเจนบอกว่าคู่ Match จะยิ่งดูมีเสน่ห์ดึงดูดใจมากขึ้น หากมีสุขภาพจิตที่ดี3
นอกจากนี้ Gen Z ให้ความสำคัญกับเรื่องความซื่อสัตย์ต่อตัวเอง 79% การให้เกียรติกัน 78% และการเปิดใจ 61% มากกว่าจะมองแค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกที่มีเพียง 56% เท่านั้น4 ด้วยทัศนคติที่ว่า ชอบก็ดี ไม่ชอบก็ไป ซึ่งหมายความว่าพร้อมที่จะเดินจากไปหากนั่นคือการแสดงออกถึงความซื่อสัตย์ต่อตัวเอง
พอล บรูนสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์เชิงลึกของ Tinder นิยามลักษณะแบบนี้ว่า “ถ้าไม่จริงจังก็อย่าเดทเลยดีกว่า” คน Gen Z ให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์กันอย่างแท้จริง และการแสดงออกถึง “ตัวตนที่แท้จริง” เป็นอย่างมาก จึงมีความชัดเจนในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ รวมไปถึงเรื่องของการดื่มหรือไม่ดื่มแอลกอฮอล์ที่มีบทบาทที่สำคัญในการเดท โดย 72% ของ สมาชิก Tinder กล้าระบุอย่างมั่นใจบนโปรไฟล์ว่า ไม่ดื่ม หรือดื่มเป็นครั้งเป็นคราวเท่านั้น5
ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้ ‘เวลา’ เป็นสิ่งที่มีค่า ทั้งนี้ 51% ของคน Gen Z ยอมรับว่าเปิดรับการเดทรูปแบบใหม่ๆ อย่างเพิ่มการออกเดทในตารางชีวิตประจำวัน โดย 2 ใน 3 หรือ 68% ของผู้ใช้แอพ กล่าวว่า ได้ใช้แอพหาคู่ในเวลาทำงาน และยังมีการใช้ฟีเจอร์ Tinder’s Work Mode ในทุก ๆ 4 วินาที8
การเดทลองใจ หรือหยั่งเชิงในแบบเดิมๆไม่ใช่รูปแบบการเดทของ Gen Z อย่างแน่นอน เพราะจากรายงานฉบับใหม่นี้พบว่า 32% ของ Gen Z มีแนวโน้มที่จะเทอีกฝ่ายน้อยกว่าคนที่มีอายุมากกว่า 33 ปีขึ้นไป7 และกว่า 77% ของผู้ใช้แอพฯ ตัดสินใจตอบกลับคนที่โดนใจภายใน 30 นาที 40% เลือกตอบกลับภายใน 5 นาที และกว่า 3 ใน 4 เลือกตอบกลับในทันที⁷ ซึ่งทำให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับการเดทเมื่อ 10 ปีที่แล้วของคนยุคมิลเลนเนียลที่ 3 ใน 4 หรือประมาณ 73% ยอมรับว่าในยุคที่ออกเดทนั้น การเล่นตัว แสดงออกแบบคลุมเครือ หรือการหว่านเสน่ห์นั้นเป็นเรื่องปกติ²
โดยในเรื่องแต่งงานไม่ได้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญในลำดับต้นๆ ของคน Gen Z แต่ พอล บรูนสัน เชื่อว่า “คน Gen Z จะประสบความสำเร็จในการแต่งงานมากที่สุดเพราะ Gen Z ให้ความสำคัญกับการมีสุขภาพจิตอารมณ์ที่ดี และมีการสื่อสารที่ชัดเจน”
การครอบคลุมคนทุกกลุ่มอย่างไร้ข้อจำกัด
Gen Z เปลี่ยนแปลงมุมมองต่อเรื่องเพศวิถี เพศสภาพ เชื้อชาติ วัฒนธรรม และข้อจำกัดเรื่องระยะทางที่มีมานาน รวมถึงความสัมพันธ์แบบมีคู่หลายคน ความสัมพันธ์แบบมีคู่คนเดียว และความสัมพันธ์รูปแบบใหม่อย่าง “คนคุย” ที่ต่างมีความเป็นเหตุเป็นผลในตัวเอง นอกจากนั้นยังถือว่า บุคลิกของแต่ละคนนั้น คือสิ่งสำคัญที่สุด สมาชิกที่ตอบแบบสอบถามกว่า 80% ระบุว่าเคยออกเดทกับชาวต่างชาติมาแล้ว และกว่าครึ่งเปิดใจเดทกับคนที่มีความบกพร่องทางร่างกาย ออทิสติก หรือสมาธิสั้น ในขณะที่ 2 ใน 3 หรือ 66% ของเห็นด้วยว่า Tinder เปิดโอกาสให้ได้พบปะกับผู้คนนอกวงสังคมหรือคนที่ไม่มีโอกาสเจอในชีวิตประจำวัน3 ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญอย่างมากกับสมาชิกที่เป็นชาว LGBTQIA+ เนื่องจาก Tinder เป็นสถานที่แรกๆที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยในการเปิดตัว (coming out) ก่อนที่จะกล้าบอกกับเพื่อนฝูงและคนในครอบครัวด้วยซ้ำ
พอล บรูนสัน กล่าวว่า “สมาชิก LGBTQIA+ บน Tinder เป็นกลุ่มที่มีการเติบโตเร็วที่สุด และมีกลุ่มที่ไม่ระบุอัตลักษณ์ทางเพศ (non-binary) เพิ่มมากขึ้นบน Tinder ถึง 104% ในปีที่ผ่านมา9 การที่คน Gen Z ยอมรับความแตกต่าง และแนวทางที่ครอบคลุมคนทุกกลุ่มทั้งเรื่องเพศสภาพและเพศวิถีนี้ เป็นแรงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในยุคสมัยใหม่ คนนิวเจนกำลังปูทางให้กับคนรุ่นต่อไปในอนาคตให้กล้าที่จะยอมรับตัวตนที่แท้จริง และใช้ชีวิตของตัวเองให้ดีที่สุด”
เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างไร?
เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อวิธีการพบเจอกันในปัจจุบัน โดยคนส่วนใหญ่ที่อายุต่ำกว่า 30 ปี ใช้แอพหาคู่ในการพบปะคนใหม่ ๆ ทั้งนี้ 55% เคยมีความสัมพันธ์ที่จริงจังบน Tinder และ 37% รู้ว่าคนใกล้ตัวเคยมีความสัมพันธ์ในแบบดังกล่าวเช่นกัน Gen Z ที่โตมาในยุคดิจิทัลมีการคาดหวังว่าเทคโนโลยีจะต้องใช้งานง่ายและไม่ซับซ้อน ซึ่งหัวใจหลักของ Tinder คือการทำให้การเดทเป็นเรื่องง่าย สนุก และปลอดภัย ใช้แค่การคาดเดาว่าใครจะชอบหรือไม่เท่านั้นและสามารถควบคุมเองได้ทั้งหมด
คน Gen Z กล่าวว่าหากเทคโนโลยีไม่ตอบโจทย์ความต้องการก็คงกลายเป็นสิ่งเกินความจำเป็น ถึงแม้ว่าจะตื่นเต้นกับการนำ AI มาช่วยในการจับคู่ แต่ก็อาจใช้ไม่ได้ในความเป็นจริง 34% รู้สึกดีใจที่ AI เข้ามาช่วยสร้างโปรไฟล์หาคู่ แต่ในความเป็นจริงแล้วโปรไฟล์ที่ถูกกรอกแบบอัตโนมัตินั้นจะไม่มีความถูกต้องและน่าสนใจเท่าที่ควร ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก4 Gen Z เห็นด้วยว่าสามารถช่วยในขั้นตอนเริ่มต้นสร้างโปรไฟล์เป็นครั้งแรก หรือสร้างบทสนทนาเพื่อทำลายกำแพงความอึดอัดที่มีต่อกัน