ปลัดกระทรวงพลังงานเผยข่าวดี ลดแน่นอนค่าไฟฟ้าอัตโนมัติงวด 3/66 (ก.ย.-ธ.ค.) ลดสูงสุด 70 สต.ต่อหน่วย

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาพลังงานตลาดโลกว่า ขณะนี้สถานการณ์ราคาเริ่มคลี่คลายลง ทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG โดยราคาตลาดจร หรือ SPOT LNG ณ วันนี้ อยู่ที่ประมาณ 10.5 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้า เมื่อต้นทุนต่ำลงก็สามารถลดค่าไฟฟ้าได้ โดยค่าไฟฟ้างวดที่ 3 ของปีนี้ (เดือนกันยายน-ธันวาคม) สามารถลดลงได้แน่ๆ 40-50 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4 บาทต้นๆ แต่ถ้าหากในระยะต่อไป ราคา SPOT LNG ลดลงอีก เหลือประมาณ 9 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู และ ปตท. สามารถซื้อได้ในราคาดังกล่าว จะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าลดลงได้ 70 สตางค์ต่อหน่วย จากราคาค่าไฟฟ้างวดปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย 

ขณะที่แนวโน้มการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. รายงานว่าอยู่ระหว่างเพิ่มกำลังผลิตแหล่ง G1/61 หรือเอราวัณเดิม จะเพิ่มกำเป็น 500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เดือนกันยายนนี้ และต้นปี 67 จะเพิ่มกำลังผลิตให้ได้เป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ดังนั้น การนำเข้า LNG คาดว่าจะลดลงจากที่ ปตท. คาดการณ์ไว้ว่าจะขอนำเข้า 99 ลำ เหลือประมาณ 70 ลำ (ลำละ 60,000 ตัน) และการที่ราคาก๊าซฯ จากอ่าวไทย มีราคาถูกกว่า LNG โดยมีราคาที่ประมาณ 5-6 เหรียญต่อล้านบีทียู จะช่วยให้ค่าไฟฟ้าลดลงได้อีก ดังนั้น ที่พรรคการเมืองหาเสียงไว้ว่าจะลดค่าไฟฟ้านั้น หากดูตัวเลขสามารถทำได้แน่นอน ลดได้อย่างน้อย 50 สตางค์ต่อหน่วย เพราะต้นทุนก๊าซฯ โดยรวมถูกลง 

ส่วนการเซ็น MOU ของ 8 พรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวานนี้ (22 พ.ค. ) หนึ่งในนั้นมีเรื่องการปรับปรุงโครงสร้างการผลิตไฟฟ้า การคำนวณราคา และกำลังผลิตที่เหมาะสม เพื่อลดค่าครองชีพประชาชนนั้น นายกุลิศ กล่าวว่า ยังไม่ทราบทราบละเอียด ซึ่งทางกระทรวงฯ จะติดตามและเตรียมทำข้อมูลว่าจะมีการปรับเปลี่ยน แก้ไขได้อย่างไรบ้าง รวมถึงการปรับแผนพัฒนาไฟฟ้า หรือ PDP จะสามารถทำได้ขนาดไหน

ทั้งนี้ทิศทางพลังงานโลกกำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด จึงควรให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างการตลาดพลังงานให้สมดุล และสอดรับกัน หรือพัฒนาเพื่อตอบรับความต้องการต่างๆ กระทรวงพลังงานจึงต้องเตรียมแผนรองรับนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลใหม่ นอกจากเรื่องค่าไฟฟ้า ยังมีเรื่องของพลังงานหมุนเวียนต่างๆ รัฐจะเดินหน้าส่งเสริมต่อหรือไม่ เช่น Net metering ของโซลาร์รูฟท็อป จะเป็นอย่างไร โรงไฟฟ้าชุมชนจะส่งเสริมต่อหรือไม่ ต้องจึงรอฟังนโยบายจากรัฐบาลใหม่ และมีการวางแผนร่วมกัน เพื่อนำไปแถลงในรัฐสภา

“ประเด็นที่พรรคการเมืองเสนอให้เจรจากับภาคเอกชนเรื่องการปรับลดค่าความพร้อมจ่าย (AP) เป็นสิ่งที่สามารถเจรจาได้ แต่ต้องใช้เวลาและความพยายามพอสมควร ซึ่งต้นทุนค่า AP อยู่ในส่วนของต้นทุนค่าไฟฐาน มีการใช้มาตั้งแต่ปี 2537 แล้ว คิดเป็นสัดส่วนเพียง 10 สตางค์ต่อหน่วยเท่านั้น ไม่มากเท่ากับต้นทุน LNG ดังนั้น หากบริหารจัดการ LNG ดี จะสามารถลดลงได้ 50-60 สตางค์อยู่แล้ว”นายกุลิศกล่าว

ส่วนเรื่องการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน 5 บาทต่อลิตร จะสิ้นสุดในวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 ดังนั้นต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร หากขึ้นในอัตรานี้ ราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นเป็น 37 บาทต่อลิตรทันที จากราคาปัจจุบัน 32 บาทต่อลิตร และต้องมาพิจารณาว่ากองทุนน้ำมันฯจะเข้ามาช่วยอย่างไรได้บ้าง ค่าการตลาดควรเป็นเท่าไร ทั้งนี้ ปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีสถานะที่ดีขึ้น จากเดิมติดลบสูงสุดเกือบ 1.4 แสนล้าน แต่ขณะนี้เหลือเพียงลบ 72,000 ล้านบาท