จากการที่พรรคก้าวไกลมีการจัดทำ MOU กับพรรคร่วมรัฐบาลที่ประกอบด้วยพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคเป็นธรรม และ พรรคพลังสังคมใหม่ จัดตั้งรัฐบาล โดยประเด็นหนึ่งคือการทำงบประมาณแบบฐานศูนย์หรือ zero-based budgeting ถูกบรรจุไว้ในข้อ 13 คือจัดทำงบประมาณแบบใหม่ โดยเน้นใช้วิธีการจัดงบประมาณฐานศูนย์ (zerobased budgeting)
สำหรับการจัดทำงบประมาณแบบนี้ถือว่า เป็นเรื่องใหม่ที่ประเทศไทยไม่เคยทำมาก่อน โดยทุกหน่วยงานต้องชี้แจงความต้องการใช้งบประมาณในแต่ละปีโดยไม่อิงกับข้อมูลในอดีต แต่ต้องสอดคล้องกับความจำเป็นและภารกิจในอนาคต
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวถึงการจัดทำงบประมาณแบบฐานศูนย์ (zero-based budgeting) ซึ่งพรรคก้าวไกล ในฐานะพรรคที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะนำระบบการจัดทำงบประมาณแบบนี้มาใช้ในการจัดทำงบประมาณของประเทศว่าในเรื่องนี้ สศช.ได้หารือกับสำนักงบประมาณในหลักการเบื้องต้นว่าการจัดทำงบประมาณแบบนี้สามารถทำได้หรือไม่ เพราะถือเป็นเรื่องใหม่ที่ประเทศไทยไม่เคยใช้มาก่อน
ทั้งนี้การจัดทำงบประมาณแบบ zero-based budgeting จะเป็นการจัดทำงบประมาณที่ไม่ได้อิงกับข้อมูลในอดีตแต่หน่วยงานต้องมีการชี้แจงโดยคาดการณ์ไปข้างหน้าว่างบประมาณที่ใช้นั้นมีงบประมาณอะไรบ้าง มีความจำเป็นอย่างไร ซึ่งต่างจากการทำงบประมาณแบบเดิมที่หน่วยงานราชการจะได้รับการจัดสรรงบประมาณโดยอ้างอิงจากวงเงินงบประมาณแบบเดิมและปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปีงบประมาณที่ผ่านมาเป็นเปอร์เซ็นต์
โดยในเบื้องต้นคาดว่าหากมีการใช้งบประมาณแบบ zero-based budgeting นั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย โดยข้อดีคือการสะท้อนการใช้งบประมาณไปในอนาคต แต่ข้อเสียก็คือเป็นระบบการจัดทำงบประมาณแบบที่ต้องใช้ฐานข้อมูลจำนวนมาก ต้องมีการเตรียมความพร้อมกับทุกหน่วยงานราชการมาก เพราะระบบงบประมาณเป็นระบบใหญ่ผูกพันไปทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานราชการส่วนกลาง ระบบการเบิกจ่ายของส่วนท้องถิ่น รวมไปถึงสถานศึกษาและสถานพยาบาลด้วย คาดว่าจะไม่สามารถทำได้ในการจัดทำงบประมาณในปี 2567 คาดว่าจะเริ่มทำได้ในปีงบประมาณ 2568 หรือปี 2569
นอกจากนั้นจะต้องหารือกับพรรคการเมืองที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาล และ 4 หน่วยงานเศรษฐกิจได้แก่ สศช. สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ว่า แนวทางการจัดทำงบประมาณแบบ zero-based budgeting สำหรับประเทศไทยนั้นเหมาะสมที่จะทำทุกๆปีงบประมาณ หรือทำทุกๆ 5 ปี เพราะมีรายละเอียดและรูปแบบในการจัดทำที่แตกต่างกัน
สำหรับการจัดทำงบประมาณแบบฐานศูนย์ หรือ zero-based budgeting เป็นเรื่องใหม่ที่ต้องทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วน เพราะระบบงบประมาณเป็นระบบใหญ่ และเกี่ยวข้องผูกพันกับทุกภาคส่วนของประเทศ คาดว่าหากจะปรับเปลี่ยนระบบการจัดทำงบประมาณของประเทศมาใช้ในระบบนี้จริงต้องมีการทำความเข้าใจ ซักซ้อมกับทุกหน่วยงาน รวมทั้งทำฐานข้อมูลต่างๆให้มีความพร้อมด้วย
นายสมชัย ศรีสุทธิยา ประธานยุทธศาสตร์และนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย ฐานะนักวิชาการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค ว่า สนับสนุนร่างเอ็มโอยู ของพรรคร่วมรัฐบาล ในข้อระบบงบประมาณแบบใหม่หรือฐานศูนย์ หรือ ZBB. : Zero-Based Budgeting ซึ่งเป็นแนวคิดในการจัดทำงบประมาณซึ่งต่างจากวิธีการที่ทำในปัจจุบันที่ยอมรับอดีตและพิจารณาเฉพาะส่วนเพิ่มที่แตกต่างหรือแบบ Incremental
"Zero-Based Budgeting เป็นการพิจารณางบประมาณแบบฐานศูนย์ พิจารณาตั้งแต่บาทแรกของการตั้งงบประมาณของหน่วยงานรัฐทุกหน่วยงานคือ การรื้อระบบงบประมาณใหม่ โดยหน่วยราชการต้องชี้แจงความมีเหตุผลของงบประมาณที่เคยได้รับในอดีตว่า มีความจำเป็นอย่างไรจึงจะได้งบในอนาคต ไม่ใช่ว่าเคยได้ก็ต้องได้ต่อไป"
โดยระบบ Zero-Based Budgeting จึงเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ทั้งแนวคิดและการดำเนินการ ต้องทำความเข้าใจหน่วยราชการ การจัดเตรียมระบบ ฝึกอบรม และใช้เวลาในการดำเนินการอย่างน้อย 2 ปี จึงจะเปลี่ยนใหม่ได้ ปี 2567 เป็นไปไม่ได้ ปี 2568 น่าจะไม่ทัน อาจจะทำได้ในปี 2569 หากมีการเตรียมการอย่างเป็นระบบและจริงจัง อย่างไรก็ตามในเชิงประสบการณ์ของต่างประเทศ Zero-Based Budgeting ควรเป็นนโยบายที่มาใช้ทุก 5 ปี หรือ 10 ปี เพื่อทบทวนใหญ่ มากกว่าที่จะใช้ต่อเนื่องทุกปี มิเช่นนั้นเวลาที่ใช้ในการทำงบประมาณอาจจะยาวกว่าเวลาที่ใช้งบประมาณ