21 พฤษภาคม 2566 นายพงศ์พรหม ยามะรัต รองโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Pongprom Yamarat ระบุว่า

" ผมคิดอยู่นาน ว่าควรจะโพสต์สิ่งต่อจากนี้มั้ย

ตั้งแต่ต้นปี 66 ผมประกาศยุติกิจกรรมการเมืองทั้งหมด แล้วกลับมาทำงาน เลี้ยงลูก วิ่ง ช่วยสังคมในฐานะคนไทย และเอกชน

โพสต์ไป ก็ไม่ได้อะไร นักการเมือง ก็ไม่ได้เป็น

โพสต์ไปก็แกว่งเท้าหาเสี้ยนให้คนที่ไม่สน logic เค้าด่าเปล่าๆ

เมื่อวานเย็นผมเห็นข่าวพรรค “ชาติพัฒนากล้า” จะเข้าร่วมรัฐบาลพรรคก้าวไกล

ผมลองตัดความเป็น “สี” ต่างๆในหัวออก

ผมเห็นพี่กรณ์เป็น 1 ใน candidate เป็น รมว.คลังได้เลย

เอาตรงๆ

ผมเคยคุยกับพี่กรณ์ว่าพี่ พี่ไม่เหมาะกับการเป็นนายก แต่พี่เหมาะกับการเป็น รมว.คลังที่ดีที่สุดของ ASEAN

รมว.คลังไม่ได้ง่าย

เรื่องนี้อย่าล้อเล่น เพราะยังไงก็ต้องใช้ประสบการณ์

รมว. DEs, ศึกษา, อุดม หรือ วัฒนธรรม อาจหาคนเก่งๆรุ่นใหม่มาเป็น รมว.ได้

แต่คลัง ไม่

การเงินคือความรู้ การเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และ connection ระดับโลก

คนในประเทศนี้ที่เหมาะ มีไม่มาก เช่น พี่กรณ์ อ.อุตตม สาวนายน คุณศุภวุฒิ สายเชื้อ หรือพี่กอบศักดิ์ ภูตระกูล

พี่กรณ์เหมาะมาก แต่สุดท้าย พี่กรณ์เจอ #มีกรณ์ไม่มีเรา ขึ้นมา

และพรรคก้าวไกลประกาศว่าขอตามใจประชามติ social media ที่เกรี้ยวกราด ด่าทอ บุลลี่ รุนแรง

ผมขอเปรียบเทียบ 2 คน ผมรู้จักทั้งคู่ นิสัยดีทั้งคู่

คนแรก พี่สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

แกอยู่ในกลุ่ม founder กลุ่มกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐของทหารเลย

4 ปีที่ผ่านมา พี่สุริยะทำงานเคียงข้างลุงป้อมมาตลอด

แกแค่เปลี่ยนพรรค ก่อนเลือกตั้ง เพราะหยั่งเชิงแล้วว่าพรรคทหารมีแนวโน้มเป็นขาลง

ส่วนพี่กรณ์

ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ปลายปี 62

มาตั้งพรรคกล้ากับผม และคุณเอ๋ อรรถวิชญ์

แกชัดเจน ว่าขอไม่ทำงานในรัฐบาลทหาร

เน้นตรงนี้ 100 รอบ

จากนั้นแกก็วิจารณ์นโยบายรัฐบาลที่มีทหารเป็นหัวขบวนอย่างตรงไปตรงมา (เช่นรูปที่ 2)

ชกหมัดตรงนายกประยุทธ์ มาโดยตลอด

ผมซะอีก เป็นปีกฝ่าย “ขวาปฏิรูป”

หมายถึงเน้นนโยบายปฏิรูปบ้านเมือง โดยวิจารณ์สิ่งผิดพลาดทหาร

แต่ก็ยังมีจุดร่วม คือชาติ ศาสน์ กษัตริย์ (ทั้งที่ผมไม่ได้เชื่อคำว่ารักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จากทหารกลุ่มนี้นัก) ดูภาพที่ 3 ที่เป็นเขาหัวโล้นทั่วภาคเหนือในรัฐบาลประยุทธ์ 2 ดูได้ เละหนักกว่าสมัยใดๆ

ผมไม่เห็นว่าทำงานสอดคล้องพระราชดำริตรงไหน

วกกลับมา

แต่สิ่งที่พรรคก้าวไกลทำ

คือ “โอเค” กับพี่สุริยะ ทั้งที่พี่สุริยะ และกลุ่มแก สร้าง และอยู่พลังประชารัฐมาตลอด

ส่วนพี่กรณ์ ประกาศตั้งแต่ไม่ถึง 6 เดือนแรกของรัฐบาลก่อนว่า “ไม่ร่วม”

แต่ก้าวไกล “ไม่โอเค” พี่กรณ์

ผมต้องฝากคุณทิมแบบนี้ครับ

นอกจากการ “ตามใจ” ฐานเสียงแล้ว ก็ต้องอย่าลืม ”หลักการ”

อย่าเริ่มตั้งต้นรัฐบาล ด้วย “2 มาตรฐาน” ที่พัดโดยการเฮไปมา ของฝูงชน

มันไม่ต่างอะไรจากยุคปฏิวัติวัฒนธรรมจีน และเขมรแดงเลย

จะทำร้ายใคร จะบุลลี่ใคร ไร้หลักการทั้งสิ้น

มีแต่การเฮโลตามกระแส

ตามการชี้นิ้วให้ไปทำร้ายคนโน้น คนนี้

แค่เพราะตัวเอง “ไม่ชอบหน้า”

สุดท้ายขอให้คุณทิมตั้งรัฐบาลได้ และได้เป็นนายกครบ 4 ปี

สิ่งที่ผมหวัง และผมรณรงค์มาตลอด 6 ปี คือการ “ปฏิรูปประเทศ”

ตรงนี้ผมให้กำลังใจเต็มที่

แต่ท้ายสุด

ประสบการณ์ และมันสมองผมบอกว่า

สถาบันพระมหากษัตริย์มีแต่พยายามพัฒนาประเทศอย่างจับต้องได้

และช่วยอย่าไปยุ่ง อย่าไปทำร้ายพวกเขา

ซึ่งผมก็จะฝากอีกครั้งว่า

หากไปแตะต้องสถาบันพระมหากษัตริย์

ผม และคนอีกมากมาย

เราพร้อมจะลงถนนไปสู้กับพวกคุณเช่นกัน"