แม่ร้อง ร.ร.ชื่อดังใน อ.นางรอง  จ.บุรีรัมย์  ตรวจสอบพฤติกรรมครูหลังลูกสาว ป.2 เพิ่งเข้าไปเรียนไปถึงอาทิตย์โดนครูโยนหนังสือใส่หัวเลือดซึม​ สาเหตุแค่ลูกทำการบ้านผิด  ชี้เกินกว่าเหตุรับไม่ได้​ ห่วงสภาพจิตใจลูกเตรียมย้ายเรียนที่อื่น  เผยมีเด็กโดนหลายคน  ร.ร.เตรียมลงพื้นที่พูดคุยแม่เด็ก

  วันนี้  (21 พ.ค.66)  ได้มีผู้ปกครองคนหนึ่งโพสต์ภาพลูกสาว พร้อมข้อความระบุว่า “ถึงครูโรงเรียน...นะคะ #ป2/3  คืออยากรู้ว่าทำไมครูต้องทำแบบนี้กับลูกฉัน  โยนหนังสือใส่หัวลูกสาวฉันจ่นหัวแตก  ฉันคนเป็นแม่ไม่เคยทำลูกหัวแตกเลยไม่เคยทำไห้เลือด  นี่แค่เด็กเข้าใหม่เอง  ไปเรียนยังไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ  แดะได้เจอกัน  ฉันไม่ยอมหรอก  ลูกฉันแค่ทำการบ้านผิดถึงกะต้องทำแบบนี้เลยหรอ”  หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป   ก็มีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก  ส่วนใหญ่ก็จะตั้งคำถามและต่อว่าถึงพฤติกรรมของครูคนดังกล่าวว่าทำเกินกว่าเหตุ 

       

  จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้ติดต่อสอบถามไปยังผู้โพสต์   ก็ให้ข้อมูลว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในอำเภอนางรอง  จังหวัดบุรีรัมย์  

         

ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปสอบถาม น.ส.อำพร  (นามสมมติ) อายุ  24 ปี   ซึ่งเป็นผู้โพสต์และเป็นแม่ของเด็ก   บ้านอยู่ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ก็เล่าให้ฟัง   ลูกสาวชื่อน้องข้าวหอม  อายุ 7 ขวบ  ตอน ป.1 ลูกสาวเรียนอยู่โรงเรียนใกล้บ้าน   แต่พอ ป.2 ได้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนชื่อดังในตัวอำเภอนางรอง  เพราะอยากให้ลูกมีพัฒนาการด้านการเรียนที่เก่งขึ้น   แต่พอเปิดเรียนได้ไม่ถึงสัปดาห์   ก็ถูกครูทำโทษที่รุนแรงเกินเหตุเพียงเพราะทำการบ้านผิด    

     

 โดยลูกเล่าให้ฟังว่า  เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 18 พ.ค.66  ที่ผ่านมา  ถูกครูทำโทษด้วยการโยนหนังสือใส่หัวอย่างแรงจนบริเวณหน้าผากมีเลือดซึม   สาเหตุเพราะลูกสาวทำการบ้านวิชาภาษาไทยไม่ถูกต้อง     ตอนแรกลูกไม่กล้าบอกแม่แต่สังเกตเห็นลูกมีอาการซึมผิดปกติและพอวันศุกร์ก็ไม่อยากไปเรียน   แม่จึงเค้นถามลูกว่าเกิดอะไรขึ้น   จนลูกยอมเล่าให้ฟังพอได้ยินลูกเล่าก็ตกใจไม่คิดว่าครูจะทำโทษรุนแรงขนาดนี้   

           

จึงได้นำเรื่องราวไปโพสต์เพราะรับไม่ได้กับการกระทำของครู   และอยากรู้ว่าทำไมครูถึงต้องทำขนาดนี้    และอยากให้โรงเรียนตรวจสอบพฤติกรรมของครูคนดังกล่าวด้วย   เพราะมีผู้ปกครองหลายคนบอกว่าลูกก็โดนลักษณะนี้เหมือนกัน    ตอนนี้ลูกยังมีอาการเจ็บที่หน้าผาก  ซึ่งบาดแผลทางร่างกายอาจจะไม่ได้หนักอะไรมาก   แต่เป็นห่วงเรื่องสภาพจิตใจของลูกสาวเพราะเขาดูซึมๆ   ซึ่งตนก็จะต้องคุยกับลูกสาวอีกครั้งว่าอยากจะไปเรียนโรงเรียนเดิมหรือไม่   ถ้าเขาไม่อยากไปเรียนที่เดิมก็จะย้ายโรงเรียนใหม่   และก็รอดูท่าทีจากทางโรงเรียนด้วยว่าจะดำเนินการอย่างไร 

         

ซึ่งล่าสุดทราบว่าทางโรงเรียนได้ประสานมายังผู้ปกครองเด็ก  ว่าจะเดินทางมาพบและพูดคุยกับทาง ผู้ปกครองและเด็กที่บ้านภายในวันนี้