วันที่ 20 พ.ค.66 นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการ ได้เผยแพร่บทความในลักษณะถาม-ตอบเรื่อง ก้าวไกล..ทำอะไรกับ 112? โดยเนื้อหาระบุว่า...

ถาม   วันนี้ ก้าวไกล เขายังยืนยันนะครับว่า  เขาเสนอแก้ไข 112 เท่านั้น  ไม่ใช่ยกเลิก

ตอบ   ถ้าเช่นนั้น ผมก็ต้องขอวิเคราะห์ฉายซ้ำให้เห็นกันอีกทีว่า จริงๆแล้วร่างกฎหมาย

ที่เขาเคยเสนอนั้น   มัน “ยกเลิก” หรือ “แก้ไข” กันแน่

ถาม   ขอคำอธิบายก่อนครับว่า “ ความเป็น 112” ในกฎหมายอาญาปัจจุบัน คืออะไร

ตอบ   เรื่องความผิดทางวาจา ไปพูดจาใส่ความให้เขาเสียหาย หรือดูหมิ่นให้เสียศักดิ์ศรีนี้ กฎหมายเรามีสองระบบ คือระบบคุ้มครองคนธรรมดา กับระบบคุ้มครองสถาบัน เช่นถ้าดูหมิ่นคนธรรมดาก็โทษเบาแค่ลหุโทษ แต่ถ้าดูหมิ่นในหลวง ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ดูหมิ่นศาล ก็เป็นอีกระบบหนึ่งที่ถือเป็นความผิดต่อแผ่นดินข้อห้ามเคร่งครัดขึ้น หรือโทษหนักขึ้น เหตุเพราะมุ่งคุ้มครองสถาบัน ทั้งสถาบันประมุข สถาบันการปกครอง และสถาบันทางกฎหมาย

กฎหมายใหม่ของก้าวไกล คือเลิกไม่คุ้มครองในหลวงด้วยระบบคุ้มครองสถาบันอีกต่อไป ให้ถือเป็นคนธรรมดาที่เผอิญเกิดมาเป็นในหลวงเท่านั้น  เมื่อเลิกคุ้มครองแบบสถาบัน  การคุ้มครองแบบคนธรรมดาก็เข้ามาแทน แต่เวลาเขียนเป็นกฎหมาย ก็ต้องแยกบัญญัติกำหนดเงื่อนไขทางปฏิบัติไว้เป็นพิเศษบ้าง

ถาม   แล้วการคุ้มครองในหลวงจากปากคนจะเปลี่ยนไปอย่างไร ด้วยกฎหมายก้าวไกล

ตอบ  จะเปลี่ยนไปอย่างนี้ครับ

ถาม   เทียบอย่างนี้แล้ว  ในหลวงก็กลายเป็นคนธรรมดาด้วยกฎหมายก้าวไกล

ตอบ   ถูกต้องครับ ต่อไปนี้คนเป็นในหลวงจะถูกเล็งเป้า เสียหายจากปากคนได้ทุกวัน สำนักพระราชวังต้องจ้างเหมาสำนักงานทนายความไว้คอยแจ้งความเลย ตรงนี้คุณชวน หลีกภัยทำถูกแล้ว ที่ไม่บรรจุร่างกฎหมายของก้าวไกลเข้าวาระประชุมสภาผู้แทน โดยเหตุที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญซึ่งระบุไว้ว่า ทรงเป็นที่สักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ แต่ถ้าภายหน้ามีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่จริง เขาคงเลิกบทนี้ด้วย

ถาม   ทำไมเราถึงวิพากษ์ในหลวงไม่ได้

ตอบ   สถาบันกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ เป็น “สติของประเทศ” ที่อยู่เหนือฝักฝ่าย การเมืองมาแล้วก็ไป ในหลวงไม่ไปไหน เราจึงให้พระราชอำนาจที่จะทรงยับยั้งร่างกฎหมายได้ เรียกรัฐบาลมาสอบถามหรือให้คำแนะนำได้ ราชการสำคัญที่ริเริ่มก็ต้องกราบทูลรายงานให้ทรงทราบด้วย บ้านเมืองแตกแยกจะฆ่าแกงกัน ก็ทรงเรียกมาพูดคุยหยุดจลาจลได้   

พระราชอำนาจทั้งหมดนี้ จะคุ้มแผ่นดินได้จริง ก็ต้องคุ้มครอง “บารมี” ของในหลวงด้วย จะให้วิพากษ์กันจนเละไม่ได้ เหตุผลนี้นี่เอง ที่ 112 ต้องเป็นความผิดต่อแผ่นดิน   ใครที่ไม่ยอมรับองค์คุณเช่นนี้ของสถาบัน  เขาก็ย่อมเห็นว่า 112 เป็นกฎหมายที่ละเมิดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เป็นธรรมดา  จึงต้องแก้กฎหมายให้ทรงเป็นคนธรรมดาที่วิพากษ์ได้ จนทรงรับเละในที่สุด

ถาม   ผมอ่านร่างกฎหมายของก้าวไกลแล้ว ทำไมเขาเอื้อมมาแก้ไขกฎหมายหมิ่นประมาทและดูหมิ่นด้วย

ตอบ   เป้าหมายของเขาจริงๆ อยู่ที่เลิก 112 ให้ในหลวงถูกใส่ความได้วิพากษ์ได้เช่นคนธรรมดาทั่วไป แต่เพื่อให้ดูดีว่านี่คือการแก้กฎหมายเพื่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เขาจึงเอื้อมมาแก้กฎหมายลดโทษหมิ่นคนธรรมดา  หมิ่นเจ้าพนักงาน หมิ่นศาลด้วย เช่นถ้าหมิ่นประมาทคนธรรมดา ก็เลิกโทษจำคุก 1 ปี จน เหลือแต่โทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาทเป็นต้น ต่อไปจะด่าใครมีเงินสองหมื่นก็ด่าได้สบายไม่ต้องกลัวติดคุกแล้ว  ดูหมิ่นเจ้าพนักงานก็เช่นกัน มีเงินก็ด่าได้แล้ว

ถาม เอื้อมมือมาลดโทษความผิดพวกนี้ ให้คนธรรมดาด่ากันเองได้สะดวกใจขึ้นทำไม มันไม่ใช่การส่งเสริมเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่ตรงไหนเลย ยกเลิก ๑๑๒ ให้คนวิพากษ์ในหลวงได้เช่นคนธรรมดาก็สมใจแล้ว ไม่ใช่หรือ 

ตอบ   มันเป็นม่านกำบังให้คนหลงเชื่อว่า ร่างกฎหมายนี้ก้าวไกลมุ่งขยายเสรีภาพโดยรวม ไม่ใช่จ้องแต่จะล้มสถาบันลูกเดียวอย่างที่พูดกัน        

นี่คือเล่ห์กลอำพรางทางกฎหมายครับ เขาเชื่อจริงๆว่า คนไทยยังโง่อยู่