บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) มั่นใจรายได้ปีนี้เติบโต 10% ตามเป้าหมายที่วางไว้ จากการเติบโตและขยายกำลังการผลิต และการปรับปรุงประสิทธิภาพของทั้ง 3 สายธุรกิจหลัก พร้อมคาดผลงานครึ่งปีหลังสดใส เหตุรับรู้โครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพหนุน

นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์  จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH เปิดเผยว่า บริษัทฯยังคงเป้าหมายรายได้ในปีนี้เติบโต 10% จากปีก่อน โดยการเติบโตมาจากการขยายกำลังการผลิต และการปรับปรุงประสิทธิภาพของทั้ง 3 สายธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจยางพารา บริษัทฯ อยู่ในระหว่างการเจรจากับลูกค้าอินเดียและจีน ซึ่งจะทำให้มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง และในส่วนของสินค้าเกรดมาตรฐานความยั่งยืน Sustainable Product หรือ Eco Product ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ซึ่งแนวโน้มจะมีความต้องการเพิ่มขึ้น เนื่องจากสินค้าของบริษัทฯ สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ และยังสอดรับกับข้อกำหนดต่างๆ  เช่น มาตรการ EUDR ที่จะเริ่มใช้อย่างเต็มรูปแบบในปลายปี 2567 และมาตรการ CBAM ที่จะเริ่มบังคับใช้ในปี 2569 เป็นต้น

2.กลุ่มธุรกิจปาล์มน้ำมัน ภายหลังการปรับปรุง ทำให้ผลประกอบการดีขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และเมื่อ Boiler ตัวใหม่เริ่มเดินเครื่องภายในไตรมาส 2/2566 จะทำให้บริษัทฯ มีความพร้อมสำหรับไตรมาส 3/2566 ซึ่งเป็นช่วงพีคของผลผลิตปาล์ม

3.กลุ่มธุรกิจพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการการอินทรีย์ โครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ ระยะที่ 1 จะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ในไตรมาส 2/2566 ทำให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากโครงการนี้ได้เต็มที่ในไตรมาส 3/2566 จากการรับกากอินทรีย์เพิ่มขึ้นอีกวันละ 300 ตัน และผลิตก๊าซชีวภาพได้เพิ่มขึ้นอีกวันละ 30,000 ลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่ขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพจาก 43 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 64 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ภายในปี 2566 นี้ พร้อมรองรับความต้องการการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น และยังเป็นพลังงานสะอาดที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าจากทั้งภายในและนอกกลุ่มบริษัทฯ อีกด้วย ซึ่งเป็นไปตามแผนธุรกิจในการขยายธุรกิจผลิตพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์มากขึ้น เพื่อสร้างฐานรายได้ประจำที่เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ (Recurring Income)  โดยไตรมาส 1/2566 ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น 11.93% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 34.72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

“ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก เนื่องจากการรับรู้โครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ ระยะที่ 1 จะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ในไตรมาส 2/2566 นี้ ทำให้รับรู้รายได้จากโครงการนี้ได้เต็มที่ในไตรมาส 3/2566 ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯจะสามารถรับกากอินทรีย์  และผลิตก๊าซชีวภาพได้เพิ่มขึ้น” นางสาวสินีนุชกล่าว