ศึกเลือกตั้งจบลงแล้ว  ด้วยชัยชนะในฟากของ 2 พรรคการเมืองขั้วฝ่ายค้านเดิม การเมืองไทยเข้าสู่โหมดของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่  แต่กลับมีคำถามดังไปทั่วปริมณฑลการเมืองไทยว่า

พรรคก้าวไกลจะตั้งรัฐบาลสำเร็จหรือไม่!!?

และ“ทิม”พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะได้เป็นนายกฯไหม!!?

พรรคก้าวไกลจะถูกยุบ หรือ “พิธา”จะถูกสอยหรือไม่!!?

สุดท้าย จะมีนายกฯส้มหล่น หรือนายกฯคนนอกหรือไม่!!?

ด้วยผลการเลือกตั้งที่ออกมานั้น แม้พรรคก้าวไกลจะมีเสียงมากที่สุด 152 เสียง ล้มแชมป์เก่า  7 สมัยอย่างพรรคเพื่อไทย ที่เปลี่ยนผ่านจากพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชนลงได้อย่างเหนือความคาดหมาย ส่งผลให้เกมในกระดานการเมืองเปลี่ยน  เพื่อไทยต้องพลิกบทบาทจากพรรคแกนนำ มาเป็นพรรคตัวแปร…

และนั่นจึงได้เห็นการเคลื่อนไหวของ “ทิม”พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ชิงการนำด้วยการเปิดเกมเร็ว ภายหลังทราบผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการในคืนวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เที่ยงวันรุ่งขึ้น “พิธา” ประกาศหมั้น 5 พรรคการเมือง จับขั้วกันจัดตั้งรัฐบาล   รวบรวมเสียงสนับสนุนจากพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย และพรรคเป็นธรรม  ได้รัฐบาลเสียงข้างมาก 310 เสียง ตีกันการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยของขั้วตรงข้าม  

แต่กระนั้น ตัวเลข 310 เสียง ที่ต่อมาเกิดภาพการรับประทานอาหารและจับมือกันจัดตั้งรัฐบาล โดยรวบรวมเสียงได้เพิ่มเป็น 8 พรรค จากพรรคพลังสังคมใหม่ 1 ที่นั่ง และพรรคเพื่อไทยรวมพลัง 2 ที่นั่ง รวมเป็น 313 ที่นั่ง ก็ยังไม่ใช่ตัวเลขที่ปลอดภัย!!

แม้จะเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร จาก ทั้งหมด500 เสียง คือ 250 เสียง  และ “ด่านหิน” คืออำนาจวุฒิสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย ทำให้ 250 เสียงของส.ว.กลายเป็น “ด่านหินสำคัญ”  ที่ต้องดึงเสียงเข้ามาสนับสนุนเพิ่มให้ได้ 376

ขณะที่พรรคก้าวไกล ก็เต็มไปด้วยเงื่อนไขสารพัดที่ “ล็อกตัวเอง” การปฏิเสธพรรคการเมืองที่เป็นขั้วรัฐบาลเดิมมาข้าร่วม  ไม่เอาลุง ไม่เอาพรรคต่างอุดมการณ์ อีกทั้งการจัดสรรโควตากระทรวงทบวงกรมให้กับพรรคร่วมรัฐบาล ก็ถูกจับตาว่า พรรคก้าวไกลผูกขาดกระทรวงเกรดเอไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคมและกระทรวงสาธารณสุข  ที่อาจเข้าใจได้ถึงความเสี่ยงในการเดินอยู่บนความสุ่มเสี่ยง ของความคาดหวังจากประชาชน ท่ามกลางความไม่ไว้วางใจ ที่เริ่มปรากฏร่องรอยตั้งแต่สมัยที่ทำงานร่วมกันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลในฐานะฝ่ายค้านในสภาฯสมัยที่ผ่านมา

ดังนั้นไม่เพียงสารพัดเงื่อนไขที่เสมือนขุดหลุมพรางตัวเอง ขณะเดียวกันปฏิบัติการสงครามทางจิตวิทยา โหนกระแส “พิธาฟีเวอร์” กดดัน พรรคการเมืองขั้วรัฐบาลเดิม  และส.ว.ให้มาโหวตสนับสนุน “พิธา”เป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีปฏิกิริยาโต้กลับ

ไม่ว่าจะเป็นจาก “หนูนา”กัญจนา ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ต้องโพสต์ดึงสติ “ประชาธิปไตยที่งดงามคือ ฟังเสียงส่วนใหญ่แต่ก็ต้องเคารพเสียงที่เห็นต่าง…คุณกำลังใช้การปั่นกระแสโซเชียลที่เป็นเครื่องมือที่คุณถนัดมากดดันเรา…ประชาธิปไตยแบบคุณคือเผด็จการตัวจริง…”

และสุชาติ ชมกลิ่น แกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เปรียบพฤติกรรมของพรรคก้าวไกล ว่า เหมือนเด็กงอแงกินขนม เรียกกินอมยิ้มอย่างเดียว

ทั้งหมดทั้งมวล แรงเสียดทานที่เกิดขึ้น ก็ด้วยกระบวนการในการเลือกนายกรัฐมนตรีนั้นไม่มีเดดไลน์ ขณะเดียวกันระหว่างทางยังต้องรอกกต.ประกาศรับรองส.ส.ให้ครบ 95 % ที่ก็มีสถานะของ “พิธา” เป็นเดิมพัน เนื่องจากถูกร้องปมถือหุ้นสื่ออยู่ด้วย และยังไม่มีข้อสรุป ดังนั้น หากไม่เร่งปิดเกม ฝ่าด่าน 376 เสียง

 152 เสียงของพรรคก้าวไกล ก็จะ “เสียของ”!!

ท่ามกลางการจับตาว่าท่าทีของพรรคเพื่อไทยผ่านแถลงการณ์  ที่เล่นไปตามน้ำ ตามมารยาททางการเมือง การประกาศ “ไม่ตั้งรัฐบาลแข่ง” ก็เป็นกรณีเฉพาะหน้า ที่หากพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ หรือเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง “พิธา”ถูกสอย พรรคเพื่อไทยก็จะมีความชอบธรรมในการ รับไม้ต่อ เป็นแกนนำต่อไป

ซึ่งหากจับสัญญาณมาจากคนแดนไกล ที่เป็นผู้กำหนดเกมตัวจริง อย่าง “พี่โทนี่”ทักษิณ ชินวัตร  แม้ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยมีน้ำใจนักกีฬาสูง ให้พรรคอันดับหนึ่งได้ตั้งรัฐบาล  แม้ว่าเขาจะไม่เชิญเข้าร่วมรัฐบาลก็จะยกมือโหวตให้

อย่างไรก็ตาม “พี่โทนี่” ยังมองว่า หากเกิดอุบัติเหตุที่ “พิธา”ถูกตัดสิทธิจากกรณีถือหุ้นสื่อ พรรคก้าวไกลจะเสนอนายกฯคนใหม่ไม่ได้ โอกาสจะเป็นของพรรคเพื่อไทย

“ซึ่งผมขออย่าให้เป็น แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นขึ้นมาจริงๆ ก็ต้องตกไปพรรคที่สอง เป็นเรื่องธรรมชาติของประชาธิปไตย”  

ดูเหมือนยิ่งทอดเวลามากเท่าไหร่ พรรคเพื่อไทยที่แม้ไม่ใช่ที่หนึ่ง แต่พลิกกลับมาเป็นพรรคที่ “ชี้เป็น ชี้ตาย”

โดยเฉพาะ เงื่อนไขสำคัญ จากคำประกาศดังๆ อีกครั้งของ “พี่โทนี่” ว่า “ผมจะกลับบ้าน มีอะไรไหม”  

จึงไม่แปลกที่ยังคงมีกลิ่นอายการต่อสู้ทางการเมืองที่เข้มข้นดุเดือด ตลบอบอวลจนสัมผัสได้ถึงการปะทุของ “สงครามรอบใหม่”!!