ที่ห้องพิจารณาคดี 913 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก  ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีชุมนุมปิดล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ ซึ่งเป็นบ้านพัก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ  (สำนวนที่สอง) คดีหมายเลขดำ อ.2799/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และ นายศราวุธ หลงเส็ง ผู้ชุมนุม นปช. เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย

จากกรณี เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2550 แกนนำและแนวร่วม นปช. นำขบวนผู้ชุมนุมหลายพันคน จากเวทีปราศรัย  บริเวณทัองสนามหลวงไปยังบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม  ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เพื่อเรียกร้องกดดันให้พบ.อ.เปรม ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากพวกจำเลยและกลุ่มผู้ชุมนุมเห็นว่า พล.อ.เปรม  อยู่เบื้องหลัง การยึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี(ขณะนั้น )

เบื้องต้นนายจตุพร จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ  แต่ระหว่างการพิจารณา ขอกลับคำให้การจากเดิมเป็นรับสารภาพ และได้รับการประกันตัว

ศาลวิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิด ในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานฯจำคุก 1 ปี ฐานมั่วสุมฯ สั่งจำคุก 3 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยรวม 1 ปี 12 เดือน และให้นับโทษต่อ จากคดีอื่นที่ศาลอาญา  ได้พิพากษาไว้แล้ว ส่วนจำเลยที่ 2 ศาลพิพากษายกฟ้อง

ทั้งนี้ก่อนเข้าฟังคำพิพากษา นายจตุพร กล่าวว่า ไม่มีความกังวลเพราะยังไงก็จำคุกอยู่แล้ว ในสำนวนแรกสารภาพในชั้นฎีกาซึ่งทำไม่ได้ ตนได้เคยโทรศัพท์ขอกราบอโหสิกรรมกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ นี่คือโลกแห่งความเป็นเป็นจริงมนุษย์เรามีทั้งเรื่องที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพราะฉะนั้นคดีนี้จำเลยเหลือ 7 คนแต่ว่าคดีขาดอายุความไป 5 เหลืออยู่ 2 คน รอคดีแรกให้ยุติ ถึงจะพิจารณาสำนวน2 ตนไม่สู้คดีอยู่แล้ว ยอมรับความจริง น้อมรับคำพิพากษาของศาล และก็จะยื่นอุทธรณ์และใช้หลักทรัพย์เดิม จำนวน300,000 บาท วันนี้ตนไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใด แม้ตนจะมีความไม่เห็นไม่ตรงกับนายทักษิน ชินวัตร ในการหาเสียงที่ผ่านมาตนได้วิจารณ์ทุกฝ่าย ทำหน้าที่ฐานะประชาชนหาทางออกให้บ้านเมือง ตนเคยบอกให้ทุกฝ่ายต้องหลอมรวมกันต้องคุยกันไม่งั้นเราจะมาเจอกับด่าน สว.ด่านรัฐธรรมนูญ กับดักมากมาย ให้ทำสัญญาประชาคมร่วมกันทุกฝ่ายทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านจะมีทางออกร่วมกัน จนกระทั่งมีโอกาสที่จะลงเดินท้องถนนกันใหม่ ตนก็ไม่อยากจะเห็น ไม่ต้องการวีรชนเพิ่ม

นายจตุพร กล่าวถึง การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลว่า ต้องยอมรับความเป็นจริงการจัดตั้งรัฐบาล จะ 6 พรรคหรือ 8 พรรค 313 เสียงก็ยังจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้เพราะว่ารัฐธรรมนูญ บัญญัติในช่วงระยะเวลา 5 ปี ต้องใช้ เสียงเกินครึ่งของรัฐสภา คือ 375 + 1 หรือ 376 แม้ว่าจะมี สว. บางคนรวมด้วยแล้วจะมีตัวเลขถึงจำนวนดังกล่าว ความเป็นไปได้ในการจัดตั้งรัฐบาลแทบจะเป็นศูนย์ ต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งว่ากลไกลักษณะนี้ ถ้าต้องการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอจน สว.หมดอายุ ในเดือนพฤษภาคมปีพ.ศ 2567 ณ วันนี้เราเดินมาถึงทางตันของการเมือง สว.โดยส่วนใหญ่ได้แสดงเจตนาที่จะไม่โหวตให้ใคร ทำให้ไม่สามารถมีเสียงถึงจำนวนที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้นี่คือทางตันทางการเมือง แม้จะมีความคิดวิธีอื่น แต่ตนเชื่อว่าเป็นเรื่องที่ทำยากมากที่สุด คือพรรคร่วม ในจำนวน 8 พรรค ไปจับมือกับอีกฟากหนึ่ง แล้วจะถูกประนามทั้งแผ่นดิน วันนี้ภาวะประเทศถึงทางตันต้องยอมรับความเป็นจริงว่าไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ตนก็หวังไว้แต่มองหาความสำเร็จไม่เจอ หนำซ้ำในช่วง 2 เดือนนี้ยังไม่รู้ว่า กกต. จะลงมือตามคำร้องอย่างไร ไม่ว่าเรื่องคุณสมบัติของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เรื่องการยุบพรรค 5 พรรคการเมืองซึ่งเป็นพรรคที่ได้คะแนนเป็นหลักกันทั้งสิ้น ยังไม่นับใบแดง เหลือง ส้ม ที่จะมีการแจกกันอีก ดังนั้นจุดชี้ขาดการเมืองตอนนี้อยู่ที่ กกต. และศาลรัฐธรรมนูญ

เมื่อถามว่าหากพรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคเพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาลแทนได้หรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ต้องดูว่าพรรคเพื่อไทยจะซื่อสัตย์กับพรรคก้าวไกลหรือไม่ ถ้าพรรคเพื่อไทยซื่อสัตย์จับมือก็จะได้ 313 เสียง วันนี้ที่ สว. พยายามจะส่งเสียงก็เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ บอกว่าถ้าเป็นพรรคเพื่อไทยก็พอรับกันได้ แต่ถึงเวลาก็รวมไม่ได้อยู่ดี แต่พรรคร่วมจะ 6 หรือ 8 พรรคต้องมีความซื่อสัตย์ให้กัน ตนได้บอกนายพิธาว่าวันนี้ให้ลงสัตยาบันกันเสีย ว่าจะไม่ทิ้งไม่แยกจากกัน เพราะยังไม่ได้ลงนามอย่างเป็นทางการ เพียงแค่จับมือ ก็รอสะบัดมือกันได้ตลอดเวลา พวกเกป๋าเกมการเมืองบอกว่านี่คือละครฉากแรกเท่านั้น ถึงไม่ทรยศต่อกันก็ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ไม่ได้ก็คือไม่ได้ ไม่ใช่ว่า ข้ามฝากและทรยศหมู่มิตรโดยอ้างว่า เป็นการทำเพื่อหาทางออกให้ประเทศแต่ความจริงก็เป็นการหาทางออกให้กับตนเอง ตนไม่ต้องการคำว่าเสียสัตย์เพื่อชาติเกิดขึ้นอีก ตนไม่เชื่อว่าพรรคที่ได้เสียงข้างน้อยในปัจจุบันจะกล้าจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะจะเป็นการท้าทายประชาชน ดังนั้นต่างฝ่ายต่างยืนอยู่ 3 จุดแบบนี้และจัดการไม่ได้บีบกันไปเรื่อยๆ แต่ยังมีจุดชี้ของสถานการณ์ ก็คือกกต.ในห้วงระยะเวลา 2 เดือนนับตั้งแต่วันเลือกตั้ง ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนมากมาย

นายจตุพรยังกล่าวทิ้งท้ายว่า มีโอกาสสูงที่จะเกิดการลงถนนหลังจากนี้ ขอให้ทุกฝ่ายระมัดระวังการเคลื่อนไหวให้มากและอย่าปล่อยให้เกิดช่องว่างหรือสร้างเงื่อนไขที่นำไปสู่การรัฐประหารได้ อะไรควรทำไม่ควรทำก็ขอให้ระลึกเอาไว้ทุกฝ่าย

ล่าสุดภายหลัง นายจตุพร ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตปล่อยชั่วคราว ตีราคาประกัน 200,000 บาท โดยไม่ได้กำหนดเงื่อนไข