วันที่ 18 พ.ค.2566 นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายอรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. ลงพื้นที่ตรวจการซ่อมบำรุงสถานีสูบน้ำอุโมงค์บางซื่อเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการระบายน้ำในช่วงฤดูฝน

 

นายชัชชาติ กล่าวว่า จากการรายงาน อุโมงค์บางซื่อปิดใช้งานชั่วคราวเป็นเวลา 2 เดือน เพื่อปรับปรุงเตรียมความพร้อมในการใช้งาน โดยปัญหาอุโมงค์ส่วนใหญ่คือบริเวณรอยต่อระหว่างปล่องรับน้ำแนวตั้งกับปล่องรับน้ำแนวนอนซึ่งมักเกิดรอยรั่วจากการขุดเจาะ ทำให้การระบายน้ำทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ปัจจุบัน กทม.เปิดใช้อุโมงค์แล้วทั้งหมด 4 แห่ง ประกอบด้วย อุโมงค์พระราม9 อุโมงค์คลองเปรมฯ อุโมงค์มักกะสัน และอุโมงค์บางซื่อ ระยะทางรวม19.5 กิโลเมตร มูลค่ารวมประมาณ 3 หมื่นกว่าล้านบาท โดยใช้ท่อระบายน้ำลงอุโมงค์ความยาวทั้งหมดประมาณ6,000 กิโลเมตร ซึ่งทั้งอุโมงค์และท่อระบายน้ำจะต้องได้รับการดูแลให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เช่น ตรวจสอบซ่อมบำรุงระบบไฟฟ้าและเครื่องกล ตรวจสอบหม้อแปลง ตู้ควบคุมไฟฟ้า ใบพัดเครื่องสูบน้ำ เก็บขยะ ตะกอน ตรวจสอบโครงสร้าง ตรวจสอบซ่อมบำรุงงานไฟฟ้าเครื่องกล รวมถึง ทำความสะอาดทางเดินน้ำ ท่อระบายน้ำต่างๆ ไปพร้อมกันไม่ให้เกิดการอุดตัน จากการตรวจสอบได้รับรายงานว่า อุโมงค์บางซื่อมีสภาพพร้อมใช้งานดี

 

ทั้งนี้ การสร้างอุโมงค์อย่างเดียวไม่สามารถแก้น้ำท่วมได้ จำเป็นต้องจัดการระบบเส้นเลือดฝอยให้มีความคล่องตัวเช่น ท่อระบายน้ำ ลำคลองต่างๆ ในการลำเลียงน้ำลงอุโมงค์อย่างสะดวก กทม.จึงเน้นขุดลอกคูคลอง จัดการให้น้ำไหลระบายลงอุโมงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้น้ำที่ไหลลงอุโมงค์สามารถระบายลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้เร็วขึ้นทั้งนี้ การสร้างอุโมงค์แต่ละแห่งต้องคิดให้ละเอียดถี่ถ้วน เพราะใช้งบประมาณแห่งหนึ่งถึงหมื่นล้านบาท ปัจจุบันกทม.กำลังขยายอุโมงค์ต่อเนื่อง ได้แก่ อุโมงค์คลองเปรม อุโมงค์คลองทวีวัฒนา และอุโมงค์คลองลาดพร้าว

 

สำหรับอุโมงค์คลองบางซื่อ มีความลึกประมาณ 35 เมตร สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ครอบคลุมเขตห้วยขวาง ดินแดง พญาไท จตุจักร ลาดพร้าว วังทองหลาง บางซื่อ และดุสิต

​​​​​​​