สยามรัฐ ยึดมั่นอุดมการณ์ปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติศาสน์ กษัตริย์ ยืนหยัดรับใช้สังคมด้วยจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ ...*...  

สะท้านสะเทือนไปทั่วกับปรากฏการณ์ก้าวไกล จากนี้ไปก็เข้าสู่โหมดตั้งรัฐบาล ประเมินจากสารพัดเงื่อนไขที่พรรคก้าวไกลล็อคตัวเองไว้ ต้องบอกว่าไม่ง่าย โดยเฉพาะการฝ่าด่าน 250 ส.ว.ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับพรรคก้าวไกลมาตลอด4 ปี ทำให้มีความเป็นไปได้ไม่น้อยที่พรรคเพื่อไทยจะขยับเข้ามาเป็นแกนนำในการฟอร์มรัฐบาลเอง  และพรรคก้าวไกลต้องเล่นบทฝ่ายค้านอีกสมัย ...*...

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่านายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จะเป็นใคร รัฐบาลประกอบด้วยพรรคใด ปัญหาใหญ่ของประเทศไทยยังคงเหมือนเดิม นั่นคือเรื่องของเศรษฐกิจ และความมั่นคง ...*...

 ในแง่เศรษฐกิจนั้น สิ่งที่ผู้คนคาดหวังว่ารัฐบาลใหม่จะทำโดยทันที นั่นคือปฏิบัติตามคำมั่นที่ให้ได้ไว้ในการหาเสียง ทั้งการลดค่าครองชีพด้วยการลดค่าไฟ และราคาน้ำมัน กับการเพิ่มรายได้ด้วยการขึ้นอัตราเงินเดือน และค่าแรงขั้นต่ำ ...*...

พร้อมทั้งพัฒนาขับเคลื่อนปรับเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจของประเทศเข้าสู่ยุคดิจิทัลแบบเต็มตัว ซึ่งก่อนหน้านี้ สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย ได้เสนอแนะแนวทางไว้ประกอบด้วย 1.กำหนดวิชาภาษาคอมพิวเตอร์/Computer Science เป็นวิชาหลักในการหลักสูตรการศึกษาพื้นฐาน และเด็กทุกคนต้องมีคอมพิวเตอร์ที่มีซอฟต์แวร์คัดกรองที่ดีและมีคุณธรรมในการใช้เทคโนโลยี 2.ส่งเสริม Media & Content ที่เกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรม ในช่วง Prime Time ด้วยการให้ Incentive   3.ตั้งเป้าเทคสตาร์ทอัพ 20,000 บริษัท เพื่อช่วย Digital Transformation และ Digital & Tech Workforce 1 ล้านคน 4.ยกระดับการเกษตร Agro Industry Transformation / Smart Farming / Food Tech & Brand / สร้าง 3,000-5,000 องค์กร สหกรณ์และวิสาหกิจชุมชน 5.0 และ 5.ดึงดูดคนเก่งและคนดีเข้าสู่ระบบราชการระดับบริหารด้วยการปรับเงินเดือน เทียบเท่าหรือสูงกว่าเอกชน ปรับรัฐบาลเป็นรัฐบาลดิจิทัล (E-Government) และควรมีข้าราชการที่มีทักษะดิจิทัลอย่างน้อย 20% 6.สร้าง 5 Innovation Centers ระดับโลก ได้แก่ 1. Bio 2. Nano & Energy 3. Robotic & Digital 4. Space 5. Preventive Health Care/Health Tech 7.สนับสนุนการต่อยอดผู้ประกอบการไทย  …*…

ส่วนในแง่ความมั่นคงนั้น สิ่งที่ผู้คนอยากเห็นคือการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่เป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง มีศักดิ์ศรี ไม่เอนเอียงเข้าหาขั้วมหาอำนาจใดจนขาดความสมดุล ปล่อยให้เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย …*…

และรีบเร่งแก้ไขปัญหาไฟใต้ ที่สถานการณ์ยังคนค่อนข้างน่าเป็นห่วง หลังขบวนการบีอาร์เอ็นประกาศยุติการเจรจาสันติเป็นการชั่วคราว ขณะที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการจัดกิจกรรมรวมตัวครั้งใหญ่ของเยาวชน ซึ่งหลอมความคิดให้คนรุ่นใหม่เชื่อว่า กลุ่มคนในพื้นที่มีความเป็นชาติพันธุ์และประวัติศาสตร์ รวมทั้งวิถีชีวิตเป็นของตนเอง เพราะในที่สุดกลุ่มเยาวชนเหล่านั้น อาจจะกลายมาเป็นเครื่องมือขบวนการแบ่งแยกดินแดนในการต่อสู้กับรัฐไทย …*…

“ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งการจัดกิจกรรมครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อรวมตัวของกลุ่มเยาวชนในพื้นที่ที่แสดงออกถึงอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นโดยปรากฏหลักฐานชัดเจนถึงการแอบซ่อนการจัดกิจกรรมโดยกลุ่มผู้มีความพัวพันกับขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐที่ท้าทายสายตาของหน่วยงานความมั่นคงของรัฐ สอดรับกับการประกาศยุติการเจรจาสันติภาพกับรัฐเป็นการชั่วคราว ด้วยปฏิบัติการเชิงรุกชิงการนำอย่างต่อเนื่องของขบวนการแห่งนี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีอำนาจในการต่อรองที่เหนือกว่ารัฐอยู่หลายขุม”ข้อวิเคราะห์ผ่านคอลัมน์ “ตีโฉบฉวย”ที่นำเสนอผ่านหนังสือพิมพ์สยามรัฐ โดย“เสือตัวที่ 6”…*…

ทั้งนี้อีกเรื่องความมั่นคงที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง คือต้องดูแลป้องกันไม่ให้มีการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง อันเป็นศูนย์รวมจิตใจคนไทยทั้งแผ่นดิน ฉะนั้นไม่ว่าพรรคการเมืองใด นักการเมืองหน้าไหนที่คิดจะแตะต้องยกเลิกแก้ไข “ม.1 1 2” จึงพึงสำเหนียกไว้ด้วยว่ากำลังจะทำบาปมหันต์ ก่อให้เกิดความแตกแยกครั้งใหญ่ในประเทศชาติ …*…

ที่มา:เจ้าพระยา (18/5/66)