วันที่ 18 พ.ค.2566 นพ.พลเดช ปิ่นประทีป ส.ว.กล่าวว่า แนวทางโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของตนเอง จะดูว่าฝ่ายใดรวบรวมเสียงข้างมากได้เกิน 250 เสียง ก็พร้อมโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หรือใครก็ตาม เพราะถือเป็นฉันทามติที่ประชาชนต้องการ สถานการณ์ปี 2566 ไม่เหมือนปี 2562 จะถอยกลับไปเป็นแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว เรื่องการตอบแทนควรหมดไป ปราศจากพันธนาการใดๆ ส่วนการแก้ไขมาตรา 112 นั้น ฝ่ายรัฐบาลต้องพึงระวังในนโยบายบริหารราชการแผ่นดิน ถ้าจะนำนโยบายหาเสียงที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนบางเรื่องมาเป็นนโยบายบริหารประเทศต้องระมัดระวัง รอบคอบ โดยเฉพาะการเป็นรัฐบาลผสมยิ่งต้องระวัง ถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมาก็พังด้วยกันทั้งหมด เรื่องมาตรา 112 เป็นเรื่องล่อแหลม ถ้าสุดโต่งเกินไปอาจเกิดความขัดแย้งกลายเป็นสงครามกลางเมืองได้ บางคนที่เลือกพรรคก้าวไกลอาจชอบใจในนโยบายอื่นที่มีเป็นร้อยนโยบายของพรรค ไม่ได้หมายความว่าเลือกก้าวไกลแล้วจะเห็นด้วยกับการแก้มาตรา112 เป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลต้องรอบคอบ เจรจาต่อรองกันให้ดี
ด้านนายมณเฑียร บุญตัน ส.ว. กล่าวว่า เดิมคิดจะงดออกเสียง เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว.ตามที่เรียกร้อง แต่ถึงตอนนี้จะโหวตตามน้ำคือ ส.ส.เอาอย่างไร ตนก็เอาอย่างนั้น ไม่ต้องใช้สมองคิด ไม่ต้องใช้วิจารณญาณเลย เป็นการปิดสวิตซ์ส.ว.เวอร์ชั่นใหม่ 2.0 ครั้งนี้เป็นการปิดสวิตซ์ตัวเองที่อาจจะแตกต่างไปจากความตั้งใจเดิม
"ส่วนที่พรรคก้าวไกลจะแก้มาตรา 112 นั้น การแก้มาตรา112 ไม่ง่ายอย่างที่คิด ต้องใช้เวลาเป็นปี อย่าไปกลัวเลย เรื่องแบบนี้ต้องเปิดพื้นที่ให้คนมานั่งคุยกัน ทั้งคนที่เอาและไม่เอามาตรา 112 หรือเรื่องเกณฑ์ทหารหรือไม่เกณฑ์หทาร เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ใครมาเป็นนายกฯแล้วจะยกเลิกเลยเป็นไปไม่ได้ ต้องใช้กระบวนการร่างกฎหมายเป็นปี ดังนั้นไม่ต้องห่วง"นายมณเฑียร กล่าว