วันที่ 18 พ.ค.2566 นายตวง อันทะไชย สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุกส่วนตัว ระบุว่า
" ผมก็ขอฝากให้คิดนะ
คนรุ่นผม อายุมากแล้ว จะหมดวาระของชีวิตอยู่แล้ว
ดูเสมือนว่า คำกล่าวที่เหน็บแนมว่า ถึงเวลาที่ต้องส่งมอบหน้าที่ความรับผิดชอบ ดูแลประเทศให้กับลูกหลานเราแล้ว ก็ใช่ครับ ถูกต้อง ครับ
แต่เมื่อเรามองเห็น คนรุ่นใหม่ หรือลูกหลานของเรา มีแนวคิดทำลายวัฒนธรรมเรื่องความกตัญญูกตเวที ความอ่อนน้อมถ่อมตน ที่สำคัญความพยายามที่จะทำลายสถาบันที่เราเคารพ กราบไหว้ (อย่าปิดหู ปิดตาตัวเองนะ)
“คนแก่อย่างเรา นั่งคิดอยู่คนเดียวอย่างไร”
(1) ถ้าเรายังรักษาวัฒนธรรมเรื่องความกตัญญูกตเวที เคารพรักสถาบัน ไม่ไปจาบจ้วง ดูหมิ่น ด้อยค่าท่าน หมายความว่า พวกเรายึดติดกับความคิดเก่า และพวกเราฟุ้งซ่านหรือ?
(2) เรายอมรับว่าความมุ่งหวังของพ่อแม่ คือ ลูกของเราต้องดีและเก่งกว่าเรา เป็นอภิชาตบุตร เราจึงตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เก็บหอมออมริบ แม้กระทั่งอดมื้อกินมื้อ เพื่อให้ลูกได้อิ่ม ได้เรียนหนังสือ และต้องเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดสำหรับลูก ถ้าไม่อยากให้ลูกเก่งกว่าเราแล้วเราจะอดทนทุกอย่างเพื่อส่งให้เขาไปเรียนสูง ๆ กันทำไม ใช่ไหมครับ
(3) สมัยก่อนเราเองก็เก่งกว่าพ่อแม่เรา แต่พ่อแม่เราขยันมากกว่า บ้านเมืองยังไม่ได้ถูกพัฒนาขนาดนี้ พ่อแม่เราจึงทำไร่ไถนา ทำการเกษตร ค้าขาย แต่ไม่ใช่แบบทุนนิยมเหมือนสมัยนี้ ถ้าเราไม่ได้เรียนหนังสือจากความเหนื่อยยากของพ่อแม่ เราก็ไม่ได้เก่งกว่าพ่อแม่ แน่นอนและวันนี้ เราอาจจะยังคงทำไร่ไถนาโดยต้องไปหาเช่าที่ดิน หรือใช้แรงงานเป็นคนงาน ก็ได้ ใช่ไหมครับ
(4) แต่วันนี้ เรามีการศึกษา มีฐานะดีขึ้น เป็นเพราะความพยายามและการผลักดันของพ่อแม่เพราะไม่เรียวของพ่อแม่ใช่ไหมครับ
แล้วประเทศไทยพัฒนาดีขึ้นกว่าเมื่อสมัยพ่อแม่เรา ก็เพราะเราเก่งกว่าพ่อแม่ใช่หรือไม่ หรือ เพราะอะไร ถ้าเราฉลาดกว่าพ่อแม่ ก็ควรจะไปศึกษาประวัติศาสตร์ให้มากๆ ว่าประเทศพัฒนาอย่างมีขั้นมีตอน และยากลำบากหรือไม่ มิฉะนั้น เราจะโตขึ้นมาแบบโง่ๆ โดยฟังเค๊าพูด หรือแค่อ่านจาก Hate Speed ทางโซเชี่ยลหรือ
(5)คลื่นลูกใหม่ต้องพัดคลื่นลูกเก่าเข้าหาฝั่งฉันใด เราเองก็ต้องล้มหายตายจากฉันนั้น ใช่ครับ แต่อย่าลืมว่า คลื่นเป็นเรื่องธรรมชาติ จะมาเทียบกับชีวิตมนุษย์ เทียบกับความรู้สึกของมนุษย์ไม่ได้ คลื่นเป็นคำเปรียบเปรยที่ไม่มี IQ EQ MQ (Moral) หากจะบอกว่า แก่แล้วอย่าผูกขาดความรักชาติแค่รุ่นเรา ใจต้องกว้าง อย่าทำตัวเป็นน้ำล้นแก้ว ประเทศไทยต้องเปลี่ยน ก็ต้องบอกว่า เรื่องรักชาติเป็นเรื่องต้องเรียนรู้ สั่งสม ขัดเกลา ไม่ได้เป็นสิ่งติดตัวมาตั้งแต่เกิดเหมือนสะดือที่รับอาหารมาจากแม่มา 9 เดือนที่อยู่ในท้อง การรักชาติเป็นเรื่องที่ลูกต้องเรียนรู้จากพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ มาจากการอบรมสั่งสอน เป็นตัวอย่างที่ดี และเกิดจากสภาพแวดล้อมที่เด็กเติบโตขึ้นมา เมื่อคนแก่อย่างเราตายไปแล้วต้องไม่มีคนดี(เน้นคนดีนะ คนชั่วช่างมัน) ด่าไล่หลัง
(6) เราต้องตาย แต่กาลเวลาไม่ตาย กาลเวลาเท่านั้นเป็นสิ่งที่จะอยู่จนกว่าโลกนี้จะสูญสลาย….
พฤษภกาสร
อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่งคง
สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี
ประดับไว้ในโลกา..
ต้องแปลไม๊ครับ ว่า…..
วัว ควาย ช้าง เมื่อตายไปแล้ว งา ฟัน เขา หนังหรือ กีบเท้ายังคงมีประโยชน์เป็นของกินของใช้ประดับประดาให้สวยงามได้
แต่มนุษย์เรา เมื่อตายไปแล้วเน่า เหม็น จึงต้องถูกเผาไม่ให้เป็นขยะ
คงเหลืออยู่แต่เถ้าถ่าน ไม่เหลืออะไรให้สวยงามได้อีก
ดังนั้น คนเราไม่ว่าเด็กหรือแก่ ตายไปแล้วคงเหลือไว้ซึ่งความดี เพราะความดีไม่รู้จักสูญสลาย ความดี ที่เป็น
ประโยชน์กับประเทศ เป็นประโยชน์กับส่วนรวมและต่อผู้อื่น จะอยู่อย่างมั่นคงเหมือนแผ่นดิน….
……..เราอยากเป็นอย่างไร เป็นเรื่องของเรา คนอื่นไม่เกี่ยวเลยนะ
….อยากดี ….อยากเลว …อยากชั่วช้าสามานย์ ทุกคนเลือกด้วยตัวเองทั้งสิ้น ไม่ใช่พ่อแม่ ไม่ใช่คนอื่น ไม่ใช่บุญ ไม่ใช่บาป ไม่ใช่ นรก ไม่ใช่สวรรค์
สว : สูงวัย"