วันที่ 18 พ.ค. 2566 นายบุญเลิศ คชายุทธเดช อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) 2540 เปิดเผยว่า การจับมือไขว้กันของผู้นำ 6 พรรคการเมือง ร่วมกันตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ 310 เสียง หนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีแสดงให้เห็นถึงความหนักแน่นชัดเจนในการกอดคอกันของพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยที่เคยเป็นฝ่ายค้านมา 4 ปี สถานการณ์ขณะนี้ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) 250 และพรรคการเมืองขั้วรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนาเปรียบเสมือนคนไข้มีอาการภาวะบีบรัดหัวใจในการไม่สนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ ทำให้เสียงโหวตไม่ถึง 376 เสียงกำลังถูกกระแสสังคมออกมาวิพากษ์วิจารณ์จะรุนแรงขึ้น การเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองคือ องค์กรนักศึกษา องค์กรประชาธิปไตย องค์กรประชาสังคมออกแถลงการณ์ จัดเสวนาสอบถามความเห็นประชาชน กดดันส.ว.ให้เคารพฉันทามติประชาชนที่โหวตเลือกพรรคก้าวไกลถึง 14.2 ล้านเสียง เกิดปรากฎการณ์"พิธา ฟีเวอร์" พรรคเพื่อไทย 10 ล้านเสียง รวมแล้วเกือบ 25 ล้านเสียง ขณะที่พรรคขั้วรัฐบาล ได้คะแนนโหวตน้อยมาก ขณะที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักเคลื่อนไหวคนสำคัญที่คัดค้านกัญชาเสรีก็แสดงท่าทีสนับสนุนนายพิธาให้เป็นนายกฯอย่างเต็มที่
นายบุญเลิศ กล่าวว่า คาดการณ์ว่า การรณรงค์ของฝ่ายประชาธิปไตยจะขยายวง กระจายไปทั่วทั้งประเทศเพื่อเรียกร้องกดดันส.ว.และส.ส.พรรคขั้วรัฐบาลประยุทธ์ให้หันมาสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ ภาวะบีบรัดหัวใจในทางการแพทย์ถือว่าเป็นโรคอันตรายที่อาจถึงกับเสียชีวิตได้ เป็นภาวะฉุกเฉินทางโรคหัวใจ น้ำในเยื่อหุ้มหัวใจมากจนเกิดการบีบรัดหัวใจ มีอาการหัวใจเต้นเร็ว หลอดเลือดำที่คอโป่ง ความดันเลือดต่ำ ฟังเสียงหัวใจได้เบาลง ผู้ป่วยเกิดอาการช็อคและเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว หากไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างเร่งด่วน ไม่ต่างไปจากอาการทางการเมืองของส.ว.และส.ส.ฝ่ายอนุรักษ์นิยมในเวลานี้
"ผมเชื่อว่า กระแสสังคมจะก่อตัว ทวีความหนักหน่วงเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆและจะทนไม่ได้ หากส.ว.ซึ่งได้ชื่อเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย กินเงินเดือนภาษีประชาชน แต่ไม่เคารพเสียงของประชาชน รวมทั้งส.ส.พรรคภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา หากดื้อดึงไม่สนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ ตามหลักการประชาธิปไตย ความเสียหายต่อชื่อเสียง ความไม่น่าเชื่อถือ จะเป็นตราบาปติดตัวและติดพรรคไปตลอด สภาวการณ์เช่นนี้ หัวใจของส.ว.และส.ส.อาจจะช็อคก็เป็นได้" นายบุญเลิศ กล่าว