วันที่ 17 พ.ค. 66 รายการโหนกระแส ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 ยังเกาะติดการจับขั้วเพื่อจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล โดยสัมภาษณ์ เพชร กรุณพล เทียนสุวรรณ สมาชิกพรรคก้าวไกล มาพร้อม ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
ก้าวไกลต้องพูดคุยกันฉันมิตร?
ดร.วันวิชิต : ผมชื่นชมกับการต่อสู้ที่ถูกต้อง แต่ท่านก็ต้องนอบน้อมกับความคิดเห็นที่แตกต่างด้วย ผมคิดว่าตรงนี้วัฒนธรรมแบบไทยๆ จะผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ตอนนี้การเลือกตั้งจบแล้ว ฉันทามติประชาชนได้แล้ว ทุกคนเอาใจช่วย อาจมีคนไม่สบายใจต่อท่าทีสว. ก็โอเค อาจมีข้อความอะไรต่างๆ วิพากษ์วิจารณ์รุนแรงไปถึงวุฒิสมาชิก แต่ต้องเข้าใจว่าด้วยรัฐธรรมนูญมันดีไซน์บทบาทมาแบบนี้ คราวนี้ทุกคนพยายามหาทางออก ถ้าตัวเลขมาแบบนี้ ท่าทีวุฒิสมาชิกจะดำเนินการอย่างไร ตอนนี้สูตรเสียงข้างน้อย ไม่เอาก้าวไกลไม่มีทางเกิดขึ้น เพราะความชอบธรรมไม่มี ตัววุฒิสมาชิกหลายท่านก็คิดว่าอย่าไปฝืนแบบนี้เลย เพราะมันทำไม่ได้ ดังนั้นสูตรต่างๆ ที่สังคมพยายามหาช่วยทางออกให้ หรือสองดูสปิริตนักการเมืองที่ผ่านการเลือกตั้งทุกพรรคทุกขั้ว ไม่ว่าจะประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา ที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาล ก่อนหน้านี้เขาไม่เห็นด้วยเลยว่าวุฒิสมาชิกจะมามีส่วนร่วมในการเลือกนายกรัฐมนตรี นั่นคือความบิดเบี้ยวของรัฐธรรมนูญ 2560 ว่าเป็นยังไง คนดีไซน์รัฐธรรมนูญเพื่อกีดกันฝ่ายตรงข้ามไม่ให้มีอำนาจ สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เขาเลยวาง 376 แต่ตัวเลขตั้งต้นมาถึง 310 ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่ายังมีวุฒิสมาชิกหลายคนที่เคารพเสียงประชาชน แต่ไม่สามารถบอกปริมาณได้ว่ามากเท่าไหร่ ก็ต้องถามสปิริตจิตวิญญาณนักการเมืองทุกขั้วว่าเห็นด้วยมั้ย ต่อหลักการแบบนี้
ตอนนี้มุมก้าวไกลหนักใจมั้ย วันนี้จะมีการไปพูดคุยกันแล้ว จะสู้แค่ 310 ใช่มั้ย?
เพชร : ใช่ครับ ไม่มีการดึงเพิ่ม จบแค่ตรงนี้ ไปไหว สาเหตุนึงที่ไม่ดึงพรรคมาเพิ่ม เพราะถ้าดึงพรรคใดพรรคนึงมาแล้วมีเสียงเกิน 376 เสียง สุดท้ายคนไม่ชอบเราก็บอกอยู่ดีว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา ที่สำคัญคือการมีพรรคฝ่ายค้านและรัฐบาลที่ไม่ห่างกันมาก ทำให้การตรวจสอบรัฐบาลทำได้ดียิ่งขึ้น ถ้ามีฝ่ายค้านน้อยเกินไป การตรวจสอบรัฐบาลจะไม่เข้มแข็ง และเกิดข้อครหา
แสดงว่าก้าวไกลเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านตรวจสอบได้เต็มที่ เดี๋ยวจะหาว่าไม่แฟร์ ก็ให้ตรวจสอบกันเต็มพิกัดไปเลย?
เพชร : มันเป็นหลักสากลอยู่แล้ว ฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลควรมีสัดส่วนที่ไม่ห่างกันมากเกินไป ไม่อย่างนั้นกรณีที่พรรคใดพรรคนึงสวิงออกไปมันก็ไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ ก็ไม่สามารถทำให้การตรวจสอบถ่วงดุลของรัฐบาลในการทำงาน มันเป็นที่กระจ่าง และสร้างความเข้าใจได้อย่างถูกต้อง
310 เสียงเป็นประเด็นกันเยอะแยะมากมาย หนึ่งอาจต้องหาคนโหวตให้คุณพิธาเป็นนายกฯ ส.ส.คุณดูแล้วมีทิศทางมั้ย?
เพชร : เท่าที่ตามข่าวมาก็มีทิศทางนะครับ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งพรรคฝ่ายรัฐบาลเก่าหลายท่านก็ออกมาพูดถึงการโหวตให้พรรคที่ได้เสียงข้างมาก แต่ก็ไม่ได้เป็นมติพรรค แต่เป็นความเห็นส.ส.ส่วนตัวหลายท่าน ซึ่งเราก็คิดว่าน่าจะมีปริมาณพอสมควร ที่สำคัญฝั่งสว.เองในการโหวตครั้งที่แล้ว ปิดสวิตซ์สว. ก็มีสว.เองที่โหวตปิดสวิตซ์ตัวเองถึง 60 กว่าคน โอกาสที่สว.หลายท่านจะทำตามเสียงประชาชนซึ่งเป็นส่วนใหญ่ในประเทศ และอยากให้ประเทศเดินต่อไปในข้างหน้าได้ ผมมองว่าเป็นสิทธิ์ของหลายท่านที่อยากจะโหวตหรือไม่โหวต แต่ส่วนหนึ่งผมก็เชื่อว่าการที่เราเดินตามครรลองของประชาธิปไตยและทำตามมติของคนส่วนใหญ่ ถ้าวันนึงก้าวไกลไม่เป็นอย่างที่ท่านคิด การเลือกตั้งก็จะเกิดขึ้นในอีก 4 ปีหลังจากนี้ ก็มาเลือกตั้งกันใหม่ มาเปลี่ยนแปลงตามที่ท่านเชื่อมั่น
คือขอให้ได้พิสูจน์ก่อนว่าทำได้หรือไม่ได้ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร?
เพชร : ใช่ ผมเชื่อว่าทุกวันนี้ที่หลายคนยังไม่ยอมรับก้าวไกล ก็อาจมาจากความกลัวส่วนนึง รับข้อมูลข่าวสารไม่ตรงกับข้อเท็จจริงหรือรับข้อมูลข่าวสารที่ไม่ใช่ทั้งหมดตัดมาแค่บางส่วน ทำให้เข้าใจว่าก้าวไกลเองเป็นพรรคหัวรุนแรง มุทะลุ พุ่งชน จริงๆ แล้วนโยบายต่างๆ ของเรา เราเปิดโอกาสให้ถกเถียง และนโยบายเราเปิดให้เข้าไปถกเถียงกันในสภา และพร้อมแก้ไขหากในสภาเห็นว่านโยบายก้าวไกลเป็นนโยบายที่ยังไม่เหมาะสมกับสภาพ ณ ตอนนี้ เราเองก็ไม่ได้แข็งขืนจะเอาให้ได้ตามความต้องการของตัวเอง
ตอนนี้ผมก็เชื่อว่าประชาธิปัตย์มีทีท่าแนวโน้มที่ดี ส่วนพรรคอื่นๆ ก็ยังตอบอะไรไม่ได้มาก อย่างเช่นภูมิใจไทย ตัดกันเลยมั้ย?
เพชร : ไม่ได้ตัดครับ ทางภูมิใจไทยไม่ได้มีการพูดคุย และภูมิใจไทยก็ไม่ได้มีการแถลงข่าวใดๆ เพิ่มขึ้น
แต่ภูมิใจไทยเขาก็บอกว่าไม่คิดจะเข้าร่วมด้วย?
เพชร : ทางเราก็คิดว่า 310 เสียงก็เพียงพอแล้ว กับการเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก
เรื่องการยกมือ มีโอกาสมั้ยที่ภูมิใจไทยจะยกให้เรา?
เพชร : ต้องแล้วแต่ทางภูมิใจไทย คงตอบแทนมากไม่ได้จริงๆ
มีการประสานมั้ย?
เพชร : ผมเชื่อว่าภูมิใจไทยเป็นพรรคการเมืองนึงที่มีสปิริต และต้องการที่จะเห็นประเทศไทยขับเคลื่อนไปข้างหน้า ในการแก้ไขปัญหาในอนาคตที่ดีขึ้น
มีเสียงจากส.ส.หลายมุม เหมือนเขาถูกกดดัน ก้าวไกลมองยังไง?
เพชร : คงห้ามเสียงของประชาชนที่เห็นต่างไม่ได้ แต่เราก็พยายามสื่อสาร อย่างเมื่อเช้าก็สื่อสารไปว่าสิ่งที่เราได้ยินจากส.ส.และสว.หลายท่าน ในการปฏิเสธยกมือให้คุณทิม พิธาเป็นนายกฯ ก็เป็นแค่เสียงส.ส. และสว.แค่ไม่กี่คน ฉะนั้นเราจะเหมารวมไม่ได้ กับการที่คนไม่กี่คนบอกว่าตนเป็นเสียงของคนทั้งหมดในสว.และส.ส. ซีกรัฐบาลเดิม เพราะฉะนั้นพยายามบอกทุกคนว่าเราควรแยกเป็นคนๆ ความเห็นแต่ละคนก็แตกต่างกัน วันนี้มีสว.หลายท่านบอกว่าจะยึดตามครรลองของประชาธิปไตย จะยกมือให้กับคนที่เสียงมาเป็นอันดับหนึ่ง หลายคนทีเดียว ซึ่งเราก็ยังเชื่อว่ามีอีกหลายคนที่สื่อยังไม่ได้สัมภาษณ์หรือไม่สะดวกในการให้สัมภาษณ์สื่อ แต่เชื่อว่าจะยกมือให้กับพรรคที่ได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่ง
ตอนนี้ 5 คนแล้ว สว.ที่ชัดเจนกับสื่อ คือคุณดิเรกฤทธิ์ เจนคลองธรรม, วัลลภ ตั้งคณานุรักษ์, คุณวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์, คุณเฉลิมชัย เฟื่องคอน , อำพล จินดาวัฒนะ ห้าท่านที่มองว่าต้องเป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย แต่ก็มีอีกมุมนึง ซึ่งบอกว่าขอดูก่อน ขอเช็กก่อนว่าจริงๆ แล้วนโยบายมันได้มั้ย คุณเพชรมองยังไง?
เพชร : ก็ดีครับ อย่างที่บอกว่าหลายคนยังไม่เข้าใจก้าวไกลในตัวนโยบายและอุดมการณ์ ซึ่งวันนี้ทางเลขาธิการเองก็พยายามทำความเข้าใจ พยายามนัดและเข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจกับสว.หลายๆ ท่าน เพราะเราก็เชื่อว่าสว.เองหลายท่านเป็นข้าราชการระดับผู้ใหญ่ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่มีประสบการณ์ มีวุฒิภาวะ มีวัยวุฒิ และคุณวุฒิ ที่อยากให้บ้านเมืองดี ผมเชื่อว่าทุกคนอยากให้บ้านเมืองไปในทิศทางที่ดี แต่การเดินไปถึงตรงนั้นอาจแตกต่างกัน ฉะนั้นเราคงต้องไปทำความเข้าใจกับแต่ละท่านว่าเป้าหมายเดียวกันมั้ย ถ้าเป้าหมายเดียวกันวิธีการในยุคปัจจุบันมีหลายวิธีการในการจะไปถึงเป้าหมายนั้น จะลดตรงไหน เพิ่มตรงไหนมาคุยกันว่าเราจะสามารถช่วยกันขับเคลื่อนให้ประเทศนี้ไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้แค่ไหน
ท่านธนกฤต จิตรอารีย์รักษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ต่อสายมาหา บอกว่าสว.คงเดช เสมอคำ สว.คนที่ 6 ที่จะยกให้คุณพิธา จากเมื่อกี้ 5 ตอนนี้เพิ่มมาอีกท่านนึง?
เพชร : มีอาจารย์วันชัยหรือยังครับ ใน 6 นั้น เพราะอาจารย์วันชัยเขาเคยบอกว่าสุดท้ายแล้วถ้า...
เขาแค่เคยนะ คุณต้องการอะไร?
เพชร : ไม่ต้องการอะไร แต่จะบอกว่าคนเราพอเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา สุดท้ายอาจารย์วันชัยก็ไม่อยากเห็นบ้านเมืองติดล็อก อยากให้บ้านเมืองขยับไปข้างหน้า บางครั้งอาจารย์บางทีพูดไม่ทันจบก็โดนถล่มแล้ว ก็อยากจะมาแก้ตัวให้ท่านนิดนึง ว่าท่านเองก็เคยคุยไว้หลายเวที เราก็เชื่อในเจตจำนงของคนที่อยากเห็นประเทศเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นทุกคนแหละ
ตอนท่านพูดเสียใจมั้ย?
เพชร : ไม่นะ เพราะผมฟังอาจารย์วันชัยพูดหลายเวที ผมว่าด้วยการพูดจาภาษาที่รุนแรงใส่กัน หรือใส่อารมณ์ใส่กัน บางครั้งเราเองจะไปยอมลงให้ก็อาจจะยาก แต่สุดท้ายก็อย่างที่บอกเราต้องพูดคุยกัน ว่าวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งรัฐบาลเพื่ออะไร แล้วเราต้องการรัฐบาลนำพาประเทศไปทิศทางไหน ก้าวไกลเองเราก็เคยบอกไว้ว่าเราไม่ได้มุ่งหวังกระทรวงใด เป็นกระทรวงหลัก เราต้องการให้นโยบายสามารถขับเคลื่อนได้ เพราะบางนโยบายก็จำเป็นต้องใช้หลายกระทรวงไม่ว่าจะเรื่องกระจายอำนาจ หรือการคืนที่ดินให้ประชาชน หรือแม้แต่การลดค่าไฟให้ประชาชน เรื่องทหารเกณฑ์ก็เช่นกัน มันมีหลายส่วนเรื่องงบประมาณที่จะใช้จากกระทรวงการคลัง กลาโหม หรือแม้แต่กระทรวงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกัน อย่างเช่นที่ดิน ไม่ใช่แค่มหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม มันมีมากมายหลายกระทรวงที่มีพื้นที่ทับซ้อนกันอยู่
วันนี้คุณเพชรก็เป็นว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ เขาลงชื่อให้เรียบร้อยคุณก็เข้าไปเป็นส.ส. มีโอกาสเข้าไปเป็นรัฐมนตรีช่วยหรืออะไรบ้างมั้ย?
เพชร : แล้วแต่ทางพรรค จริงๆ แล้วก็ไม่มีใครเรียกร้องตำแหน่ง แต่ที่เราวางไว้คร่าวๆ คือคุณไหมที่เราอยากให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เนื่องจากว่าเรามีเรื่องนโยบายสุราก้าวหน้าที่ไม่ต้องขอมติคณะรัฐมนตรี ก็ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแก้ประกาศกระทรวง ก็สามารถทำให้ปลดล็อกเรื่องสุราก้าวหน้า ตามนโยบายหลักของเราได้
สมมติว่าพรรคอยากดันคุณเพชรให้เป็นรัฐมนตรีช่วย คุณอยากอยู่ตรงไหน?
เพชร : จริงๆ แล้วแต่พรรคเนอะ แต่ถ้าตามถนัด เพชรจบเศรษฐศาสตร์ด้านการเกษตรมา ก็ทำเรื่องการเพิ่มมูลค่าทางการเกษตรได้ และอาชีพที่ทำมาตลอดชีวิตก็เหมือนพี่หนุ่ม เราเป็นนักแสดง เรามีความรู้ด้านบันเทิง ก็เหมาะทำเกี่ยวกับเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ วัฒนธรรมก้าวหน้า เรื่องวัฒนธรรมสร้างสรรค์ แต่ก็อยู่ที่พรรค เพราะเราเองตำแหน่งตอนนี้ก็รองโฆษกพรรค มีหน้าที่ดูแลทั่วไปทั่วประเทศอยู่แล้ว
พอพักเบรก อาจารย์ตกใจ หนึ่งในรายชื่อคือครูหยุ่ย อาจารย์เซอร์ไพรส์เหรอ?
ดร.วันวิชิต : ตกใจว่าที่ผ่านมาคุณครูหยุ่ยท่านเติบโตในทางการเมืองกับโครงสร้างแบบเดิมมาตลอด ท่านอยู่มายาวนาน เมื่อสองวันก่อนท่านก็ยังบอกว่าจะปิดสวิตซ์สว. จะงดความเห็น ตอนนั้นก็คิดว่ารถทัวร์ทุกสายลงไปที่ท่านเยอะ ผมคิดว่าสว.หลายท่านก็น่ารักนะ เปิดพื้นที่ให้คุณพิธาและก้าวไกลเข้าไปทำความเข้าใจในบางประเด็น ไม่ได้ปิดล็อก ปิดตาย ถ้าปรับท่าทีลงไป ผมว่าโอเคแหละ อย่างกรณีคุณหยุ่ย ถ้าท่านสนับสนุนปลายทางนี้ ผมคิดว่าท่านอื่นๆ ก็มีแนวโน้มที่จะเป็นทิศทางที่ดี แต่เราไม่สามารถตอบแทนได้ว่าจะมีมากอีกกี่คน แต่ผมมองว่าเรากลับไปที่สปิริตนักเลือกตั้งด้วยกัน ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา หลายๆ พรรคที่เห็นด้วยว่าวุฒิสมาชิกไม่มีสิทธิ์ร่วมเสนอโหวตนายกฯ เพราะรัฐมนตรีดีไซน์ไว้แบบนั้น แต่เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง เรื่องหลักการ รับหลักการไปก่อน ไปเป็นฝ่ายค้านแบบหล่อๆ หมายความว่าภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ยกมือรับหลักการให้คุณพิธาเป็นนายกฯ แล้วคุณหันไปเป็นฝ่ายค้านแบบหล่อๆ นี่จะได้ใจมากนะ เพราะสารประโยชน์สำคัญ โดยเฉพาะประชาธิปัตย์ในยามไร้หัว เขาต้องปรับปรุงฟื้นฟูภาพลักษณ์ใหม่ ถ้าเขาทำการบ้านแบบนี้ อีก 4 ปีข้างหน้าเขาจะเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมใหม่ เป็นทางเลือกดีๆ แข่งกับก้าวไกลได้ นี่เป็นโอกาสฟื้นฟูได้ ผมเคารพหลักการ ใช้เส้นทางการต่อสู้แบบรัฐธรรมนูญที่อาจไม่ตรงไปตรงมา เอาด้วย ภูมิใจไทยก็เช่นกันถ้าเขาโหวตปุ๊บกลับไปเป็นฝ่ายค้านอย่างสร้างสรรค์ ผมคิดว่าการโจมตีต่างๆ ก็จะลดความชอบธรรมไปโดยปริยาย จริงๆ แล้วทุกคนพยายามหาทางออกให้บ้านเมืองเดินต่อไปข้างหน้าได้
อยู่ในสายกับ “คุณธนกร วันบุญคงชนะ” รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ยืนยันว่าจะไม่มีการยกมือให้กับฝั่งคุณพิธา?
ธนกร : ตัวผมเองเป็นรองหัวหน้าพรรค ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับนโยบายพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ฉะนั้นผมคงไม่สามารถไปโหวตเลือกคุณพิธาได้ แต่ว่าผมยอมรับเสียงของพี่น้องประชาชน ซึ่งวันนี้ผมคิดว่าพรรคก้าวไกลก็น่าจะตั้งรัฐบาลได้เพราะมี 300 กว่าเสียงแล้ว แต่ว่าผมฝากนิดเดียวครับ ฝากไปยังพรรคก้าวไกลว่าวันนี้ไม่อยากเห็นบรรยากาศว่าที่ส.ส.แต่ละท่านไปกดดันสว.ไปใช้วาจาที่เหมือนข่มขู่ต่างๆ นานา ผมว่าวันนี้ท่านต้องการเสียงสว. น่าจะทำทำความเข้าใจด้วยวาจาดอกไม้มากกว่า น่าจะมีวุฒิภาวะมากกว่านี้ เพราะแต่ละท่านจะเป็นส.ส.อยู่แล้ว วันนี้ผมไม่อยากให้เห็นบรรยากาศ เพราะทุกท่านบอกว่าต้องยอมรับสิ่งที่เห็นต่างกันได้ตามระบอบประชาธิปไตย ฉะนั้นพูดคุยกันด้วยเหตุด้วยผลดีกว่า ไม่ควรไปใช้ถ้อยคำที่รุนแรง ไปดูแคลนหรืออะไรต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งผมเองก็ไม่ได้เกี่ยวข้องหรอกกับสว. อย่างเมื่อกี้นั่งดูคุณเพชรพูด หลังเลือกตั้งผมว่าคุณเพชรมีเหตุมีผลมากกว่า พูดจาได้ดี ดังนั้นบรรยากาศควรเป็นแบบนี้ ส่วนก่อนเลือกตั้งเราปราศรัยหาเสียงก็ว่ากันไปตามระบบเลือกตั้ง แต่วันนี้อยู่ในช่วงจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ผมก็ให้กำลังใจพรรคก้าวไกล ให้จัดตั้งรัฐบาลให้ได้แล้วกัน
จริงๆ แล้วความน่าจะเป็นมุมโหวตให้คุณพิธาเป็นนายกฯ ฝั่งก้าวไกลเขามีเสียงส.ส.มากกว่า 250 เสียงไปแล้ว จริงๆ แล้วสปิริตควรต้องมีมั้ย ในพรรคอื่นๆ ที่อาจเป็นฝ่ายค้าน?
ธนกร : ผมได้เสียงน้อยเป็นฝ่ายค้านอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าผมไม่จำเป็นต้องไปโหวตให้คุณพิธา เพราะผมไม่เห็นด้วยกับนโยบายพรรคก้าวไกลไงครับ ฉะนั้นผมก็เป็นฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเหมือนที่ผ่านมา รอบที่แล้วพรรคก้าวไกลก็ไม่ได้ยกมือให้พลังประชารัฐนะครับ พรรคฝ่ายค้านที่ผ่านมาก็ไม่ได้ยกมือให้พลังประชารัฐ เช่นเดียวกันมันเป็นกลไกตามระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว เราแข่งกันมา เรานำเสนอนโยบายต่างๆ มา ซึ่งผมไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 ดังนั้นผมก็คงไม่ไปยกให้แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกลแค่นั้นเอง แต่โดยส่วนตัวผมไม่มีอะไร เพราะเราเป็นนักการเมืองด้วยกัน ผมเข้าใจ การที่ท่านได้เสียงมากว่า ท่านก็เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลแค่นั้นเอง ผมก็เคารพเสียงประชาชนอยู่แล้ว ซึ่งตรงนี้มันไม่ใช่ส่วนตัว แต่ผมดูภาพรวมทั้งประเทศครับ
ตอนนี้ของท่านมี 36 ที่ ถ้าบังเอิญมีสัก 6 ที่ไปยกให้จะทำยังไง?
ธนกร : ทุกพรรคการเมือง เราต้องยืนยันตามมติพรรค ซึ่งเป็นกลไกตามระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว ผมไปคิดแทนคนอื่นไม่ได้ แต่ระบบพรรคการเมืองเป็นแบบนี้ เราก็ทำตามมติพรรค วันนี้คิดว่าต้องให้พรรคที่ได้คะแนนสูงสดจัดตั้งรัฐบาลไป ระยะเวลา 2-3 เดือนนี้ ผมเองก็เป็นรัฐมนตรีสำนักนายก ก็ยังรักษาการอยู่ เราก็ทำงานในสิ่งที่รับผิดชอบให้เต็มที่ก็เท่านั้นเองครับ
เมื่อวานมีโอกาสพูดคุยกับคุณหญิงหมอพรทิพย์ ว่าสว. เหมือนกับดักที่ทิ้งเอาไว้ จริงๆ แล้วท่านประยุทธ์ก็คิดว่าท่านเองน่าจะกลับมาเป็นนายกฯ ได้ก็เลยวางกับดักสว. 250 เสียงนี้ไว้ แต่พอท่านไม่ได้กลับมา ก็เป็นกับดักสำหรับท่านอื่นๆ หรือพรรคอื่นๆ ท่านมองยังไง?
ธนกร : คงไม่ใช่เพราะว่าทุกอย่างเป็นตามกลไกตามรัฐธรรมนูญ เราย้อนไปก็ไม่มีประโยชน์ พูดวันนึงก็ไม่จบหรอกครับ หลักการวันนี้คือต้องให้พรรคอันดับหนึ่ง พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลไปก่อน ถ้าเขาจัดตั้งรัฐบาลได้ก็จบ แต่ถ้าพรรคอันดับหนึ่งจัดไม่ได้ พรรคอันดับสองก็เป็นคนจัดตั้ง เพื่อไทยอันดับสองก็จัดตั้งต่อไป แล้วใครรวบรวมเสียงข้างมากได้ ท่านก็เป็นรัฐบาล เท่านั้นเอง ผมเองก็พร้อมไปเป็นฝ่ายค้าน อยู่ตรงไหนก็ทำหน้าที่ได้ไม่มีปัญหาอะไร
แต่ตอนนี้ขาดอยู่ 60 อยู่ที่สว.?
ธนกร : จริงๆ 60 ก็มีพรรคที่เป็นส.ส.อีกหลายพรรค ก้าวไกลก็ลองไปเจรจาดู
เจรจากับท่านได้มั้ย?
ธนกร : ผมเองเป็นฝ่ายค้าน ก็บอกตั้งแต่ต้นว่าไม่ได้เห็นด้วยกับนโยบายพรรคก้าวไกล ผมก็ยอมเป็นฝ่ายค้านในการตรวจสอบพรรคก้าวไกลเท่านั้นเอง โดยส่วนตัวผมไม่ได้มีปัญหากับแกนนำพรรคก้าวไกลก็รู้จักกัน แต่หลักการเป็นอย่างนี้ ตามระบอบประชาธิปไตย ผมเองก็ได้เสียงมาน้อย พี่น้องประชาชนวางใจมาแค่ 5 ล้าน น้อยไปหน่อย ก็ต้องไปเป็นฝ่ายค้านทำการตรวจสอบรัฐบาล เป็นการถ่วงดุลกันอยู่อย่างนี้ ผมว่าดีแล้ว แต่สำคัญที่สุดผมอยากให้ประเทศเดินไปข้างหน้าให้ได้ เพราะรัฐบาลที่แล้วก็ทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับประเทศไว้เยอะ ฉะนั้นใครเป็นรัฐบาลต่อก็ทำต่อแค่นั้นเอง
นโยบายพรรคจะไปล็อกสว.ไม่ให้ยกให้ก้าวไกลมั้ย?
ธนกร : ไปคิดแบบนี้จะเป็นการดูแคลนสว.เกินไป ผมว่าวันนี้ทุกฝ่ายต้องมีวุฒิภาวะ สว.ท่านเป็นอิสระของท่านอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าพรรคก้าวไกลต้องการเสียงสว.คิดว่าท่านก็ต้องใช้ภาษาดอกไม้ไปพูดคุยทำความเข้าใจ ไม่ใช่ว่าที่ส.ส.แต่ละท่านไปโจมตีท่าน กดดันท่าน ใช้วาจาด่าทอท่าน ผมคิดว่าไม่ควรเท่านั้นเอง ไม่อยากเห็นบรรยากาศแบบนี้เท่านั้นเอง เหมือนคุณเพชรพูดถูก คือต้องไปทำความเข้าใจ แต่ว่าคุณเพชรเองก็ต้องไปคุยกับทางท่านรังสิมันต์ ส.ส.หลายท่าน เพราะผมดูในข่าวแล้วบางทีเราจะไปขอเสียงจากเขา แล้วเราไปด่าเขาอย่างนี้ ผมถามว่าเขาจะให้เรามั้ยล่ะ ก็เป็นไปไม่ได้ เหมือนผมไปขอเสียงพี่หนุ่ม แต่ผมด่าพี่หนุ่มอยู่ 4-5 ปี วันนี้ก็ยังด่าอยู่ พี่หนุ่มจะให้เสียงผมได้ยังไง ถ้าผมไปคุยกับพี่หนุ่มดีๆ มีเหตุผลอย่างนี้ ได้มั้ย เพื่อประเทศชาติก็ว่าไป มันก็ไปได้
ถือเป็นคำแนะนำ?
ธนกร : แล้วแต่เนอะ ผมก็แนะนำทุกฝ่ายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล หรือสว.เขาอยากให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าอยู่แล้ว ไม่อยากเห็นบ้านเมืองมีความขัดแย้งหรอกครับ ผมคิดว่าทุกฝ่ายควรหันหน้าพูดคุยกันและถ้อยทีถ้อยอาศัย คุยกันด้วยเหตุและผลมากกว่า
ท่านประยุทธ์จะยุติบทบทบาทไปเลยมั้ย หรือจะยังไง?
ธนกร : อันนี้ผมคงไปก้าวล่วงตอบแทนท่านไม่ได้ แต่ผมเองยังเดินหน้าต่อไปครับ
ยืนยันว่าเป็นฝ่ายค้านแล้ว คงไปเจอคุณเพชรในสภา?
ธนกร : คุณเพชรก็รู้จัก เคยเจอในทีวี ก็พร้อมอยู่แล้ว อะไรทำให้ประชาชน ผมก็ทำได้อยู่แล้วครับ ไม่มีปัญหาเลยครบ
เพชร : ก็อยากขอบคุณสำหรับคำแนะนำ เป็นคำแนะนำที่ดีมากๆ เลยครับ ยังไงจะไปสื่อสารให้ว่าที่ส.ส.ในพรรคครับ ขอบคุณมากครับ
เมื่อกี้อ่านคอมเมนต์เขาบอกว่าให้อัดไฟให้คุณเพชรหน่อยได้มั้ย เราอัดให้เต็มที่แล้วนะ แสดงว่าคุณลงพื้นที่ทุกวัน?
เพชร : (หัวเราะ) มาแบบโอ้โห แต่ได้เท่านี้จริงๆ ผมลงพื้นที่ทุกวัน เวลาเราลงก็ต้องให้ทุกคนเห็นว่าเป็นเรามา ก็ห้ามใส่หมวก ใส่แว่นกันแดด ทากันแดดตลอดเวลาก็ยังไม่ช่วย บางทีเดินตามต่างจังหวัด เหมือนตายแล้วตกนรก เพราะช่วงที่เดินบางที่ 42 องศาฯ เวลาขึ้นรถแห่ เหมือนมีคนเอาไดร์เป่าผมมาเป่าหน้าตลอดเวลา และต้องยิ้มด้วย ไปภาคเหนือเจอ pm2.5 เกือบ 300 ก็สวัสดีครับ จะเป็นมะเร็งปอดตายก่อนได้เป็นส.ส.หรือเปล่าก็ไม่รู้นะครับ (หัวเราะ)
ฟังฝั่งคุณธนกรเป็นยังไง?
ดร.วันวิชิต : ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา ผมฟังความเห็น บทสัมภาษณ์หลายๆ ตอนของคุณธนกร ก็เห็นต่างมาตลอด เมื่อสักครู่ยอมรับเลยว่าอคติในใจผมหายไปเยอะเลย จากข้อแนะนำที่สร้างสรรค์ นี่คือเบสท์สปีดที่ดีคือสปิริตนักการเมืองที่ยอมรับผลการแข่งขัน รู้ว่าแพ้เป็น แพ้อย่างสร้างสรรค์ และเข้าใจในสิ่งที่อธิบายว่าเหตุใดที่พี่หนุ่มถามว่าไม่สามารถยกมือได้ อันนี้เป็นเรื่องอุดมการณ์ หลักการ และเหตุผลของพรรคการเมือง ในการต่อสู้ตามหลักประชาธิปไตย ว่ามีนโยบายอะไรที่ไปกันไม่ได้ วันดีคืนดีจะมาดัดจริตยกมือสนับสนุน อันนี้ก็รับไม่ได้เหมือนกัน เหมือนหักหลังคนที่สนับสนุนในอุมการณ์อันนี้ผมชื่นชมคุณธนกรว่าในคำแนะนำเมื่อครู่ เหมือนใบ้ทางออกไว้แล้วว่าสิ่งหนึ่งที่ก้าวไกลต้องปรับคือลดโทน อย่างที่บอกเมื่อตอนต้น ท่านแข็งกร้าวต่อความไม่ถูกต้องได้ แต่ท่านต้องนอบน้อมกับความคิดเห็นที่แตกต่าง 26.5 ล้านที่ประชาชนเลือกมาในขั้วพรรคการเมืองฝ่ายเสรีนิยม ทั้งเพื่อไทย ก้าวไกล ขณะเดียวกัน 7.6 ล้านพรรคในขั้วอนุรักษ์นิยม แน่นอนคุณต้องฟัง โอบอุ้มเขาด้วย สิ่งหนึ่งท่านต้องเป็นนายกฯ รัฐบาลของคนไทยทุกคน ตรงนี้แหละถึงจะสร้างสรรค์ พูดง่ายๆ ว่าจะกลบควันแห่งความขัดแย้งชั่วครั้งชั่วคราว มันจะคุกรุ่นก็ต่อเมื่อท่านไม่ทำตาม ไม่ตรงไปตรงมาเท่านั้นเอง มันจะคุก็ต่อเมื่อท่านผิดสัญญาที่หาเสียง
เมื่อวานคุยกับคุณหญิงหมอพรทิพย์ ท่านไม่ได้พูดหรอก แต่ผมถามท่านเอง ท่านบอกมีสองสายเรื่องสว. ก็เลยถามว่าสายท่านประยุทธ์กับท่านประวิตรใช่มั้ย ท่านบอกว่าใช่ ก็มีอะไรที่อาจเป็นประเด็น ที่มีคำถามที่ถามคุณธนกรว่าจะมีการไปล็อบบี้สว.มั้ย ท่านก็บอกว่าอย่าไปด้อยค่าท่าน ท่านมีความคิดของท่านเอง ตรงนี้จะมีโอกาสไปล็อบบี้มั้ย?
ดร.วันวิชิต : วุฒิสมาชิกแต่งตั้งมา พลเอกประวิตรเป็นประธานพิจารณา แต่คนส่งรายชื่ออนุมัติครั้งสุดท้ายคือพลเอกประยุทธ์ ฉะนั้นมีสองกลุ่มใหญ่ๆ ที่คุณหญิงหมอพูดน่ะถูกแล้ว เมื่อดูสายสัมพันธ์ นายทหารเพื่อนร่วมรุ่นพลเอกประวิตรก็กลุ่มนึงแหละ แต่กลุ่มสว.ที่ใหญ่สุดคือเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารพลเอกประยุทธ์ ก็สายข้าราชการต่างๆ บางทีคนมองว่าท่านนี้ที่ถูกแต่งตั้งเข้ามา มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับใคร ก็เป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ เป็นเช่นนั้น แต่เมื่อผลการเลือกตั้งมาเป็นแบบนี้ เชื่อว่าวุฒิสมาชิกแต่ละท่านก็คิดเองแล้วว่าเข้าใจแล้วว่าพลเอกประยุทธ์และพลเอกประวิตรท่านคงไม่สู้และไม่ไปต่อ มันหมดความชอบธรรม หมายถึงว่าถ้าท่านคิดสู้ ท่านตายทั้งเป็นในทางการเมือง ผมคิดว่าหลายท่านที่พยายามเคลื่อนไหว พยายามส่งสัญญาณออกมาในทิศทางที่เป็นบวกพอสมควรแล้ว ว่าพยายามเปิดใจรับฟัง ขอพื้นที่ให้สว.กับพรรคก้าวไกลทำการเจรจาพูดคุยกันมากขึ้น ตรงนี้มองอย่างดีที่สุดว่าสร้างสรรค์แล้ว ณ ขณะนี้
ฟังแล้วกังวลใจมั้ย?
เพชร : ไม่นะพี่ ผมเชื่อว่าสว. 250 เสียง แม้จะแต่งตั้งโดยคุณประยุทธ์หรือคุณประวิตร แต่สว.เองก็เป็นผู้มีวุฒิภาวะ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง หลายคนก็เป็นข้าราชการที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมา หลายคนที่เข้ามาแม้รู้จักพลเอกประยุทธ์หรือประวิตรก็ตาม ก็มีความตั้งใจดีในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขบ้านเมืองแต่วิธีการอาจแตกต่างจากก้าวไกลหรือเพื่อไทย พอวันนี้ฉันทามติประชาชนเป็นแบบนี้ ผมก็ยังมีความเชื่อว่าวุฒิภาวะ และความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาของประเทศของสว.หลายท่านก็แตกต่างกัน สว.เองก็ไม่ได้มีกลุ่มก๊วนแค่กลุ่มเดียว ไม่ได้มีเจ้านายคนเดียว หรือบางคนอาจเป็นอิสระมีความคิดของตัวเอง วันนี้หลายคนก็อยากวางมือ เพราะเห็นว่ามันมาในทิศทางที่เริ่มดีขึ้น มีพรรคการเมืองที่ได้รับฉันทามติจากประชาชนมา
ดร.วันวิชิต : ผมว่านี่คือโอกาสที่ดีที่สุดของวุฒิสมาชิกในการทำหน้าที่พี่เลี้ยงให้คำแนะนำท้วงติง ที่ผ่านมา 4 ปีเศษเรามองวุฒิสมาชิกเป็นกองเชียร์ให้รัฐบาลมาโดยตลอด บทบาทวุฒิสมาชิกคือให้ข้อเสนอแนะแก่รัฐบาล ดังนั้นปีสุดท้าย วันสุดท้ายที่เขาสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งสว.บทเฉพาะการ คือวันที่ 11 พ.ค. 67 นั่นคือ 1 ปีสุดท้ายต่อจากนี้ อยากเห็นบทบาทให้ความห่วงใย ข้อท้วงติงต่อรัฐบาลชุดใหม่ ให้ท่านได้ใช้บทบาทอย่างสมศักดิ์ศรี ไม่ให้คนมาครหาท่านอีกต่อไป
เพชร : ต้องบอกทั้งฝ่ายค้านและสว. ว่าพรรคก้าวไกลไม่ใช่เด็กดื้อ พรรคก้าวไกลยังคงรับฟังความเห็นที่แตกต่าง เหมือนที่คุทิม พิธาพูดในการปราศรัยครั้งสุดท้ายว่า เรายังพร้อมเป็นนายกฯ ของทุกคนแม้คุณไม่เลือกก้าวไกล แม้คุณมีความเห็นที่แตกต่างจากเรา แต่พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พร้อมรับใช้ทุกคน นั่นหมายความว่าไม่ว่าสว.มีความเห็นที่แตกต่างจากเราอย่างไร เรายินดีพูดคุยทำความเข้าใจและเดินไปด้วยกัน ในการแก้ไขประเทศนี้ให้ดีขึ้น
คุณธนกรบอกว่าเหมือนเห็นความดุดันมาก่อน วันนี้เป็นอีกแบบนึงเขาก็ติดข้องหมองใจอยู่ตรงนี้ มันเป็นธรรมเนียมที่ต้องสู้กันอยู่แล้ว?
เพชร : แน่นอนอยู่แล้ว ในสิ่งที่เราบอกว่ามีสว. ไว้ทำไม ก็ต้องขอโทษจริงๆ เราไม่ได้หมายถึงสว. ทุกคน แต่หมายถึงสว.ที่พยายามขวางในเรื่องที่เราพยายามอธิบาย และไม่เปิดใจที่จะรับฟัง แต่ตอนนี้เราได้รับฉันทามติจากประชาชนแล้ว ก็อยากทำการพูดคุยให้เข้าใจ เมื่อวานนี้ได้ยินสว.หลายท่านบอกว่าเราจะยกเลิก เราไม่ได้ยกเลิก เราจะแก้ไขเพื่อให้ทันโลก ทันสมัย เพื่อให้สามารถเปิดเวทีพูดคุยกันได้ ให้มันดีขึ้น
ยืนยันไม่ได้ยกเลิก?
เพชร : ใช่
วันนี้มีประเด็นที่คนกลุ่มนึงเขาพูดถึงว่าจริงๆ แล้ว ทางฝั่งก้าวไกลเหมือนพระบวชใหม่ อาจไม่ได้รู้เรื่องการปลงอาบัติในการฉันท์ แต่เพื่อไทยเองแก่พรรษา อาจมีทิศทางที่ฉันท์แบบเป็นโอสถไปด้วยต่างๆ นานา เขาบอกว่าเพื่อไทยอาจเป็นคนมาจัดตั้งรัฐบาลก็ได้?
เพชร : ผมว่าเป็นไปได้ยากนะครับ ผมว่ามันเป็นการเสี้ยมให้ตีกันหรืออาจเป็นข้อสงสัยของคนที่สงสัยจริงๆ แต่ข้อเท็จจริงคือก้าวไกลและเพื่อไทยมีการคุยกัน และเพื่อไทยก็มีการออกแถลงการณ์แล้วว่าจะไม่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล พร้อมจับมือก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงรูปคุณอุ๊งอิ๊งหัวหน้าเพื่อไทย พื้นหลังก็เป็นภาพคุณทิม พิธา ที่ออกไปขอบคุณประชาชนเมื่อสองวันก่อนที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ดังนั้นก็ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเพื่อไทยก็ให้เกียรติพรรคก้าวไกลเป็นอย่างสูงทีเดียว ในการแสดงออกอย่างตรงไปตรงมากับการร่วมรัฐบาลในครั้งนี้ แม้แต่คุณหมอชลน่านเองก็เพิ่งให้สัมภาษณ์เมื่อเช้านี้ว่าเราพร้อมจับมือกับก้าวไกล คงไม่สามารถทำงานกันได้แบบต่างคนต่างถือมีดคนละเล่มแล้วแทงข้างหลังกัน คงไม่มีการเมืองแบบนั้นกับก้าวไกลและเพื่อไทย
แนวทางในการพูดคุยกับ 6 พรรค?
เพชร : เป็นเรื่องนโยบายที่แต่ละพรรคมีความเห็นตรงกันและพร้อมขับเคลื่อน อย่างที่เคยคุยกันไว้ว่าจะแก้นโยบายใดนโยบายนึง เราไม่สามารถใช้แค่กระทรวง ทบวง กรมเดียวแก้ไขได้ ฉะนั้นเราจำเป็นต้องมีกระทรวงอื่นๆ ในการช่วยกันขับเคลื่อนนโยบาย แม้กระทรวงนี้ก้าวไกลไม่ได้มีรัฐมนตรีว่าการแต่เราก็ยีงมีนโยบายของเราในการขับเคลื่อน ก็ต้องขออนุญาตให้รัฐมนตรีที่มาจากพรรคอื่นช่วยกันขับเคลื่อนให้เราด้วย
ห้าพรรคที่รวมกันเข้าใจได้ อีกหนึ่งท่านเป็นธรรม ทำไมมองไปที่เป็นธรรม?
เพชร : ตามประวัติที่เราได้มา เขาเป็นคนหนึ่งที่ทำงานในพื้นที่ภาคใต้ค่อนข้างเยอะ แล้วเป็นคนรู้ปัญหาเกี่ยวกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พรรคก้าวไกลเองก็มีนโยบายที่จะคืนสันติสุขให้สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และอยากให้คนที่เข้าใจปัญหาในพื้นที่และสามารถลงไปทำงานได้ทันที โดยไม่ใช่แค่รับคำสั่งจากส่วนกลาง แต่เป็นคนที่เกาะติดพื้นที่และรู้ปัญหาจริงๆ เพื่อไปเริ่มแก้ไขโดยเอาทหารออกไปจากพื้นที่ ให้พื้นที่ได้ดูแลตัวเอง รวมถึงให้คนในพื้นที่ได้มีงานทำ ก็จะได้ยกระดับคุณภาพชีวิตคนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ให้ทำอาชีพเกษตรอย่างเดียว หรือบางคนถูกชักจูงไปในเส้นทางที่อาจเข้าใจผิด
ตรงนี้ต้องมีการตรวจสอบอีกครั้ง?
เพชร : คงมีการพูดคุยในรายละเอียดอีกครั้ง
เสรีรวมไทย?
เพชร : อันนี้แน่นอน คุยกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ท่านเสรีเองก็มีแนวความคิดหลายอย่างตรงกับนโยบายของก้าวไกล
ทางคุณเสรีเข้ามา มีโอกาสไปแตะรัฐมนตรีเลยมั้ย?
เพชร : อันนี้คงต้องให้กรรมการบริหาร ผมคงตอบแทนไม่ได้จริงๆ
ท่านเข้ามาอยู่พรรคร่วมแน่ คิดว่าประโยชน์คุณเสรีสูงสุดที่มาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกับก้าวไกล คือตรงไหน?
เพชร : ท่านเสรีเป็นคนที่ชัดเจน เป็นคนตรงไปตรงมา ท่านเองก็เป็นอดีตผบ.ตร.เก่า ท่านเองมีประสบการณ์ด้านการสืบสวนสอบสวน มีประสบการณ์การทำงานในอาชีพตร.ค่อนข้างสูง เพราะก้าวไกลเองก็มีนโยบายในการปฏิรูปตร.อยู่แล้ว เพื่อให้ผบ.ตร.ยึดโยงกับข้าราชการสำนักงานตร.แห่งชาติ เพื่อทำลายตั๋วช้าง ทำลายเส้นสาย ผลประโยชน์ที่มาจากธุรกิจสีเทาหรือสีดำ ก็ต้องให้คนที่เป็นตร.
ไทยสร้างไทย?
เพชร : คุณหญิงสุดารัตน์เองมีความชำนาญ เพราะอยู่ในวงการการเมืองมาค่อนข้างยาวนาน มีวิสัยทัศน์เรื่องธุรกิจ มีคอนเน็กชั่นหลายๆ เรื่อง แน่นอนว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยไปข้างหน้าได้ วันนี้มีการโทรไปประสานเพื่อพูดคุยกัน
ประชาชาติ?
เพชร : อาจารย์วันนอร์เราก็อยู่อยู่แล้ว ท่านอยู่กับการเมืองไทยมาหลายสิบปี เป็นผู้คร่ำหวอด ต้องหาจากประสบการณ์ตรงนี้ อาจารย์วันนอร์เป็นผู้ใหญ่ที่กรุณามากๆ ที่ให้คำแนะนำต่างๆ รวมถึงท่านทวี ที่ให้คำแนะนำหลายๆ เรื่องในพรรคก้าวไกล เพราะเราเองก็เป็นพรรคการเมืองที่ทำงานมาแค่ 4 ปี
หลายคนสงสัยทำไมไม่ไปจับมือกับพรรคใหม่ๆ ที่ได้มาหนึ่งที่?
เพชร : เพราะเราเห็นว่ามันเพียงพอแล้ว กับการที่จะรวมกันเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก อย่างนโยบายพรรคเป็นธรรม เรามุ่งแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดน ซึ่งพรรคเป็นธรรมก็ชัดเจนในเรื่องนี้ ชาติพัฒนากล้า คุณกรณ์อาจยังมีบางเรื่องที่ไม่ได้คุยรายละเอียดกัน
แต่ก็ไม่ได้ปิดประตู?
เพชร : ก็ไม่ได้ปิดประตูพรรคไหน แต่เอาสูตรนี้ก่อน ต้องมานั่งพูดคุยกันว่านโยบายต่างๆ ของแต่ละพรรคเราเห็นตรงกันมั้ย กับข้อเสนอของก้าวไกล ไม่ว่าจะนโยบายไหน ถ้าเห็นไม่ตรงกันสามารถพูดคุยกันได้มากน้อยแค่ไหน เพิ่มขึ้นหรือลงดลงได้แค่ไหน เพื่อให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมากที่ค่อนข้างเสถียร เพราะถ้ามีมากเกินไป มันก็กลายเป็นว่าพรรคฝ่ายค้านก็เป็นพรรคฝ่ายค้านค่อนข้างอ่อนแอ จะมีปัญหา ถ้าจำกันได้สมัยคุณทักษิณ เป็นพรรครัฐบาลเสียงข้างมาก 370 กว่า ก็ถูกวาทกรรมว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา ซึ่งจริงๆ มันไม่มีเผด็จการรัฐสภาอยู่แล้ว มันมีแค่เสียงข้างมากกับเสียงข้างน้อย แต่ถ้ากลุ่มคนไม่ชื่นชอบเราเขาก็สามารถใช้วาทกรรมว่าเนี่ย จริงๆ เราสามารถรวมได้ถึง 400 เลยนะ แต่สุดท้ายแล้วได้ประโยชน์อะไร การตรวจสอบของพรรคฝ่ายค้านแค่ 100 คน มันไม่สามารถตรวจสอบรัฐบาล 400 คนได้ โหวตยังไงก็ไม่มีวันชนะ
ก่อนมาพูดคุยมีการคิดมาแล้ว?
เพชร : ใช่ครับ คิดก่อนเลือกตั้งแล้ว ว่าการจับมือกันของพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม น่าจะเป็นการตอบโจทย์ที่สุดแล้ว
ถ้าสูตรนี้ไม่ได้ ก็อาจพลิกไปอีกสูตรนึง?
เพชร : สำหรับก้าวไกลเองคิดว่าสูตรนี้น่าจะดีที่สุดแล้วครับ
ดร.วันวิชิต : กรณีที่พรรคก้าวไกลวางไว้ที่ 310 ผมเห็นด้วย ปล่อยให้ฝ่ายขั้วตรงข้ามได้ตรวจสอบ ผมเห็นด้วย และหลักการที่สอง ผมมองจริตหลายๆ อย่าง ช่วงการหาเสียงจนถึงหลังวันเลือกตั้ง พันธะสัญญาที่ได้สัญญากับประชาชน ว่าพรรคการเมืองที่เคยสู้รบในอุดมการณ์แตกต่าง วันดีคืนดีจะไปเชิญเขามาร่วมรัฐบาล ผมว่าเป็นการหักหลังประชาชน นับถือนะว่าคุณยืนยันในจุดยืนที่ชัดเจน นี่คือมาตรฐานใหม่ในทางการเมือง ลำบากร่วมทุกข์ร่วมสุขก็ควรไปร่วมอุดมการณ์เดียวกัน อย่างที่ถามว่าใครจะจัดแข่ง ผมมองว่าเพื่อไทยเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะเพียงพอ อย่างน้อยจุดเปลี่ยนที่ทำให้คลายสิ้นสงสัยคือการที่คุณเศรษฐา ทวีสินออกตัวเลยว่าอยากให้ทุกพรรคการเมืองช่วยโหวตรับคุณพิธาเป็นนายกฯ คุณเศรษฐาไม่จำเป็นต้องออกตัวเลยก็ได้ ตรงนี้ทำให้เห็นว่าเขามีดีเอ็นเอทางการเมืองไปในทิศทางเดียวกัน แคนดิเดตนายกฯ ออกตวให้ขนาดนี้ ผมไม่เชื่อว่าเขาจะเล่นเกมเอามีดไขว้ข้างหลังเพื่อน
การที่พูดคุยกัน มีคนเสี้ยมอยู่ให้แตกกัน?
ดร.วันวิชิต : เสี้ยมแน่นอน เคยได้ยินมั้ย วาทกรรมที่พูดสมัยสามก๊ก ศัตรูของศัตรูคือมิตร เอาเข้าจริง ก้าวไกลเจอทางตันไม่สามารถฝ่าด่าน 376 ได้ แล้วจะเป็นเพื่อไทยมาแทน เพื่อไทยก็คงคิดเอาพลังประชารัฐ เอาโน่นนี่มาผสม ผมบอกเลยว่าแฟนคลับสายเสรีนิยมที่รักเพื่อไทย วันข้างหน้าจะเทใจไปที่พรรคก้าวไกล
คือจบเลย?
ดร.วันวิชิต : ท่านทรยศต่ออุดมการณ์ของท่านที่เพียรสร้างมาทั้งหมด สองฝ่ายอนุรักษ์นิยมเขาก็ไม่ได้ไว้วางใจคุณสนิทใจนักหรอก เพียงแต่ว่าเขาไม่ชอบก้าวไกลมากกว่า นี่ก็พูดตรงๆ
มองว่าเป็นเกม?
ดร.วันวิชิต : เป็นเกม และเชื่อว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยม เขาก็ลดสเต็ปการเคลื่อนไหวไปพอสมควรแล้ว ยอมรับความพ่ายแพ้ ยอมรับเสียงประชาชนไปพอสมควรแล้ว เพียงแต่กองเชียร์ที่อยู่ฝ่ายอนุรักษ์นิยม ยังมองว่ามีช่องทางปะติดปะต่อเกมช่องทางไหนมั้ย ที่จะไม่ให้ก้าวไกลสมหวัง ขณะเดียวกันผมมองว่าเพื่อไทยเขาฉลาด มีวุฒิภาวะ ทุกอย่างเขารอให้ก้าวไกลดำเนินการให้เสร็จแล้วสนับสนุนเต็มที่ ถ้าเป็นอุบัติเหตุจริงๆ ค่อยว่ากัน แต่ไม่เชื่อว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนเพราะถ้าเอาพลังประชารัฐมา แน่นอนความเดือดดาลของผู้คนจะก่อหวอดมาก
คุณก็เชื่อว่ามีคนเสี้ยมอยู่ข้างหลัง?
เพชร : เดี๋ยวนี้มีช่องทางโซเชียลมีเดียเยอะ คนเองก็สามารถซ่อนแอ็กเคานต์ตัวเองได้ว่าเป็นใคร ไม่มีใครรู้ การแสดงออกบางครั้งก็เต็มที่มาก บางครั้งสื่อก็ไม่อยากเป็นคนพูดเอง อย่างพี่หนุ่มถ้าอยู่ๆ พูดให้ตีกัน ก็อาจเสียหาย ก็ใช้วิธีการหยิบยกว่ามีคนๆ นี้พูด แล้วก็ส่งขยายความต่อกันไป ผมก็เห็นว่าบางครั้งก็เป็นกลุ่มกองเชียร์ กองแช่ง คนที่เป็นไอโอ เราก็ไม่สามารถทราบได้ว่าเขามีเจตจำนงอะไรในการพิมพ์แบบนั้น หลายคนก่อนเลือกตั้งก็ทะเลาะกัน ทั้งฝั่งเชียร์พรรคเพื่อไทย ก้าวไกล ลุง ก็ทะเลาะกัน ใส่ความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ พอหลังเลือกตั้งก็เป็นการเอาคืน เหยียดหยามกันบ้าง ขิงใส่กันบ้าง สุดท้ายพอต่อสู้กันไม่ได้ ก็สร้างทฤษฎีอะไรขึ้นมา ต่างคนต่างคิดแหละ มีทั้งคนที่ไม่ได้คิดและคนที่คิด ผมมองว่าข่าวสารเดี๋ยวนี้ถ้าจะรับต้องกรองให้มากขึ้นก่อนเชื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ดร.วันวิชิต : อาจมีคนคิดเผื่อก็ได้ อาจไม่ใช่กองแช่ง ถ้าแก้ปัญหาทางออกทางดักไว้ได้ มันโอเค
เพชร : ผมว่าหลายคนกลัวเรื่องเดิมๆ ที่เคยขู่กันว่า ทำไมไม่ทำอย่างนั้นล่ะ ทำไมไม่รวมให้ถึง 376 เสียงล่ะ การทำแบบนั้นสุดท้ายก็หนีไม่ออกจากการเมืองเดิมๆ จับมือเพื่อเอาอำนาจ วันนี้ก้าวไกลเราต้องการสร้างการเมืองที่แตกต่าง เป็นความเชื่อ ความฝันประชาชน เราต้องการพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ใกล้เคียงกัน มีแนวทางแก้ไขปัญหาที่คล้ายกัน การเอาพรรคการเมืองอื่นที่มีความเชื่อแตกต่างกันมารวมกัน การทำงานย่อมไม่ประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย ในเมื่อเรารวมเสียงข้างมากได้แล้วตามหลักประชาธิปไตย หรือสังคมโลกสากล ผมเชื่อว่าประเทศไทยถึงเวลาเปลี่ยนแปลง เราไม่ได้เปลี่ยนแปลงเพื่อให้วุ่นวาย หรือทำร้ายใครออกจากเส้นทาง แต่เราเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้น และประเทศไทยมีความสากลมากขึ้นให้ทัดเทียมกับประเทศที่เจริญแล้ว
ดร.วันวิชิต : ผมยอมรับการเปลี่ยนแปลง เมื่อวานขอชื่นชมกรณีส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ท่านลาออก นี่คือมาตรฐานใหม่ของเมืองไทย ที่ผ่านมาแอบดูคลิปโป๊ในสภา มีคดีความสุบบ้องกัญชา แล้วน้ำหูน้ำตาไหล แก้ตัวกับสื่อมวลชน ไม่มีการขอโทษกับประชาชน แต่นี่เขายังไม่ทันรับตำแหน่ง นี่คือมาตรฐานใหม่
ผมเคยถามเพชรว่าต่อไปจะเอายังไง หลังเลือกตั้งเสร็จเรียบร้อย เพชรตอบว่าตอนนี้ก้าวไกลมาตรฐานต้องสูงมาก อะไรที่ไม่ถูก ไม่ใช่ มันต้องมีบทเลยว่าไม่ได้ ถ้าส.ส.คนไหนทำไม่ถูกต้อง ต้องออก เรื่องนี้เพชรพูดก่อนจะมีเรื่องเมาแล้วขับอีก?
เพชร : พอเรารู้เสียงคืนวันเลือกตั้งคร่าวๆ อย่างไม่เป็นทางการ เราก็คุยกันแล้วว่าถ้าประชาชนคาดหวังการเปลี่ยนแปลงมากถึงขนาดนี้ คาดหวังในพรรคการเมืองที่ทำการเมืองที่แตกต่าง เราก็ต้องสร้างมาตรฐานตัวเอง ก็คุยกับพี่หนุ่มในคืนที่ได้ ต่อไปถ้ามีเรื่องทุจริตสักบาทสิบบาทก็ต้องออก
ดร.วันวิชิต : เรื่องนี้ไม่มีอะไรให้ตำหนิ มีแต่ชื่นชม เป็นบรรทัดฐานที่คุณเอาไปใช้ได้ตลอด นี่คือลมการเปลี่ยนแปลงที่ทุกคนเอาใจช่วยครับ
เพชร : จริงๆ มันเป็นบรรทัดฐานสากล ที่ควรเป็นตั้งนานแล้ว นานาอารยประเทศเขาทำกันตั้งนานแล้ว แต่เราไม่ทำ แล้วเลี่ยงบาลีว่ามันนิดหน่อยเอง แค่นี้ใครๆ ก็ทำกัน ซึ่งคำนี้ควรหมดไปจากประเทศไทยได้แล้ว อะไรที่ใครๆ ก็ทำกันแล้วเป็นเรื่องผิด ก็ต้องบอกว่าผิด ไม่ใช่ใครๆ ก็ทำกัน แล้วก็ทำกันต่อไป
เชื่อว่าประชาชนก็กำลังจับตามองอยู่ว่าสุดท้ายแล้วคุณพิธาจะได้เป็นนายกฯ คนที่ 30 หรือเปล่า จริงๆ ควรได้เป็นแหละ?
เพชร : คนดูเยอะก็ขออนุญาตเลยว่าการไปกดดันสว. หรือพรรคการเมืองอื่นๆ ด้วยถ้อยคำหยาบคาย หรือด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยวไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ผมมองว่ามันยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง ผมว่าควรให้เวลากับนักการเมืองหรือสว. ได้ไตร่ตรองคิดทบทวนในการแก้ไขปัญหาประเทศนี้อย่างสันติวิธี และได้คิดถึงการแก้ปัญหาในอนาคตว่าเราจะมีส่วนร่วมในการเดินร่วมกันไปแก้ปัญหานี้ หรือจะปิดประตูใส่กลอน อย่าเพิ่งใช้อารมณ์ผลักใครเข้าไปอยู่ข้างใดข้างหนึ่งครับ ผมว่าวันนี้ประตูทุกบานควรเปิดเพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาเพื่อให้ประเทศชาติหลุดจากล็อกที่เราถูกปิดประตู ถูกปิดตายมา 8-9 ปีแล้ว ใครที่คิดว่ากำลังจะด่า ก็ขอความกรุณาไว้ก่อนเลย
ก้าวไกลจะสู้ด้วย 310 เสียงชัดเจน บวกสว.6 ท่านก็ 316 ถ้าได้จากประชาธิปัตย์ ก็ขาดอีกไม่เยอะ?
ดร.วันวิชิต : ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเราเป็นห่วง แต่ตอนนี้เมล็ดพันธ์แห่งความหวังเกิดขึ้นแล้วจากตัวเลขที่เกิดขึ้น ผมต้องขออนุญาตส่งข้อความไปยังทุกท่านที่ใช้สื่อโซเชียลเน็ตเวิร์กทุกด้านว่าเราต้องใช้ความเห็นอย่างมีวุฒิภาวะ อะไรที่เกิดขึ้นในความขัดแย้งเราพอแล้ว ต้นไม้แห่งความเกลียดชังไม่ควรแผ่ขยายกิ่งก้านสาขาไปมากกว่านี้ เราช่วยกันหว่านเมล็ดพันธ์แห่งความหวังประเทศชาติต้องไปต่อ เราเคารพเรื่องกระบวนการตรวจสอบจะดีที่สุดครับ
ชีวิตเปลี่ยนมั้ย?
เพชร : เปลี่ยนพี่ (หัวเราะ) ตอนนี้เราแบกรับความหวัง ตอนนี้ต้องเดินสายทั่วประเทศ มีคนไดเร็กมาปัญหาเรื่องที่ดินบ้าง ปัญหากับภาครัฐบ้าง ก็รับเรื่องและส่งไปทางทีมจังหวัด หรือบางจังหวัดก็จะลงไปพูดคุยเอง เดี๋ยวจะมีไปชลบุรี ที่ชาวบ้านส่งมาว่าอาจมีเรื่องการทุจริต คอรัปชั่น
อวยพรในฐานะพี่ชาย ขอให้ไปถึงรัฐมนตรีช่วย เพื่อช่วยผลักดันประเทศชาติไปข้างหน้า?
เพชร : จริงๆ เราเป็นอะไรก็ได้ เราอยู่ในฐานะตัวแทนประชาชน เราก็สามารถช่วยผลักดันแก้ไขปัญหาให้จบปัญหาให้เร็วที่สุด
ดร.วันวิชิต : ด้วยความคาดหวังที่ประชาชนมีต่อพรรคก้าวไกลเยอะขนาดนี้ จงทำงานเอาความสุจริตเป็นเกราะกำบัง แล้วทุกอย่างจะโอบอุ้มคุณครับ
เพชร : ไม่ต้องห่วงครับ เรามีคนภายในคอยตรวจสอบอีกทีครับ