วันที่ 17 พ.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่าสนามการเมืองที่ปัตตานีเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่มีการแข่งขันสูงมากกว่าปกติ   นอกจากกกการหาเสียงที่ถึงพริกถึงขิงแล้ว   ในโค้งสุดท้ายตัวปัจจัยในการหาคะแนนเสียงมีการใช้กันมาก รวม 5 เขตมีมูลค่าประมาณเกือบพันล้านบาท   ปกติมีการใช้ปัจจัยในการหาคะแนน คนละ 500 บาท แต่เนื่องจากมีการแข่งขันกันสูง ทำให้การใช้ปัจจัยตกหัวละ 1 พันบาท  ถือว่าทำให้การหมุนเวียนของเงินสะพัด  ร้านค้าต่างๆ มีการจับจ่ายซื้อของกันมากมาย ในช่วงวันเลือกตั้งในพื้นที่ปัตตานีซึ่งมีทั้งหมด 5 เขต

สำหรับสนามที่เป็นที่สนใจคือปัตตานีเขตที่ 5 อ.ยะหริ่งกับ อ.มายอ  ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งใหม่ จากเดิม 4 เขต เป็นจุดที่สนใจของบรรดาคอการเมือง เนื่องจากมี ส.ส. 4 สมัย อดีตพรรคประชาธิปัตย์ นายอันวาร์   สาและ   ย้ายจาก เขต 1 มาอยู่เขต 5 และเปลี่ยนเสื้อเป็นพรรคพลังประชารัฐ  ได้ลงสู้กับ   นายสาเหะมูหามัด อัลอิดรุส  จากพรรคประชาชาติ ซึ่งเป็นอดีต นายกเทศบาลตันหยง อ.ยะหริ่ง มาหลายสมัย และเป็นน้องเขย นายเศรษฐ อัลยุฟรี นายก อบจ.ปัตตานี หลายสมัย  เนื่องจากเป็นพรรคท้องถิ่นที่เป็นที่นิยมอยู่แล้ว  และภาพลักษณ์ผู้สมัครดี ประกอบกับ นายก อบจ.ปัตตานี คอยอยู่เบื้องหลัง ทำให้เฉือนชนะอย่างไม่ยากเย็นนักได้มาเป็นอันดับ 1 ด้วยคะแนน 37,068 คะแนน นำชนะมาอย่างท่วมท้น ขาดลอย ถึงหมื่นกว่าเสียง  ชนะแชมป์เก่า ซึ่งถือว่าล้มช้าง   ที่มาอันดับ 2.คือนายอันวาร์ สาและ  จากพรรคพลังประชารัฐ ได้คะแนน 26,544   ซึ่งก่อนเลือกตั้ง นายอันวาร์ รู้ว่าเป็นรองอยู่ ได้ ระดมทีมงาน  อย่างครบครัน  สร้างเครือข่ายกระจายออกไป พยายามเจาะหมู่บ้าน ตำบล  และรากหญ้า ลงพื้นที่ทั้งกลางวันกลางคืน  แต่ก็พ่ายแพ้อย่างตามคาดหมาย

ส่วนเขต 2 เป็นอีกเขตหนึ่งที่สามารถล้ม อดีต ส.ส.จากภูมิใจไทย ได้อีก 1 เขต คือ 1. นายคอซีย์ มามุ เบอร์ 4 พลังประชารัฐ ได้ 23,483 คะแนน อดีต นายก อบต. นาประดู่ หลายสมัย  ทีมงานแน่น และมีความพร้อม  และเคยเป็นหัวคะแนน อดีต สส.    ชนะแชมป์เก่า ที่ได้อันดับ 2 คือ นายอับดุลบาซิม อาบู  ของพรรคภูมิใจไทย คะแนน 14,833  อย่างสูสีถือว่าเป็นเขต ที่มีการแข่งขันสูง  และสูสี ผลัดกันรุกผลัดกันรับตลอดการหาเสียงแต่ท้ายสุดแพ้ ทำให้พรรคพลังประชารัฐ เกิด ส.ส.หน้าใหม่อีกคน.ในพื้นที่ปัตตานี

สำหรับปัตตานีเขตที่ 4 นายอานุมัติ ซูสารอ เป็น ส.ส. เดิม แต่ครั้งนี้สุขภาพไม่สมบูรณ์ได้ให้ลูกชาย ซึ่งเป็นอดีตกำนัน ลงสมัคร คือนายอริญชัย ซูสารอ ลงพรรครวมไทยสร้างชาติ ส่วนลูกชายคนยังไม่ค่อยรู้จัก  ส่วนคู่แข่ง ก็เป็น สส.หน้าใหม่เช่นกัน ลูกชายของนายมุกตา วาบา อดีต สว. และเปิดโรงเรียน มีลูกศิษย์มากมาย และมีเครือข่าย  คือนายยูนัยดี วาบา พรรคประชาธิปัตย์    ได้เป็น สส.หน้าใหม่   คะแนน 21,556   โดยมีคะแนนไม่ห่าง ที่ 2. นายอริญชัย ซูสารอ  รวมไทยสร้างชาติ คะแนน 19,360

ขณะที่เขตอื่นๆ เป็นตามความคาดหมาย คือ เขตที่ 1ปัตตานี   อับดับ 1 ผศ.ดร.วรวิทย์ บารู พรรคประชาชาติ  คะแนน 14,452 คะแนน  ซึ่งเสียงแผ่วช่วงแรก มาแก้เกมช่วงปลายๆ สามารถแซงชนะ ที่ 2.แพทย์หญิงเพชรดาว โต๊ะมีนา พรรคภูมิใจไทย คะแนน 12,770   อย่างสูสี  ซึ่งคะแนนห่างกันไม่มาก  ส่วนพรรคประชาธิปัตย์  นายสนิท นาแว  ซึ่งมาแรงตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงวันเลือกตั้ง แต่ การบริหารการจัดการไม่ดี  สะเปะสปะ ทำให้หัวคะแนน หนีช่วงสุดท้าย ทำให้แพ้

ด้าน ปัตตานีเขตที่ 3 ประกอบด้วย 1. นายสมมุติ เบ็ญจลักษณ์ แชมป์เก่า ส.ส.3 สมัย จากพรรคประชาชาติ ยังคงรักษาแชมป์ ตามคาดหมาย ได้ 23,636 คะแนน อันดับที่ 2. นายบูรฮันธ์ สะเม๊าะ เบอร์ 9 จากพลังประชารัฐ ได้ 20,294 คะแนน 3. นายสุริยา กูทา เบอร์ 7 ประชาธิปัตย์ได้ 12,478 คะแนน

อย่างไรก็ตาม นายสาเหะมูหามัด อัลอิดรุส  ส.ส.หน้าใหม่ พรรคประชาชาติ ที่สามารถเอาชนะ นายอันวาร์ สาและ  แชมป์ ส.ส. 4 สมัย อย่างขาดลอย ส.ส.ใหม่ ยังมีสภาพอิดโรย เพราะต้องหาเสียงหนัก เพราะเจอศึกหนัก กับการหาเสียง ตลอด 2เดือนที่ผ่านมา ไม่ค่อยได้หลับ ได้กล่าวว่า ดีใจ และภาคภูมิใจ ที่ประชาชนไว้วางใจ เลือกเป็นตัวแทน ส.ส. ใหม่ของประชาชน  

ทั้งนี้ นายสาเหะมูหามัด กล่าวถึง กลยุทธ์ที่เอาชนะ ส.ส. 4สมัยได้นั้นมาจากการเดินพบปะกับประชาชน อย่างต่อเนื่อง  และถามทุกข์สุข  ซึ่งปกติ ตอนเป็น นายกเทศบาล ก็ชอบพบปะกับประชาชนอยู่แล้วสอบถามชีวิตความเป็นอยู่ และช่วยเหลือเท่าที่จะช่วยได้ ขณะที่นโยบายที่จะทำในฐานะเป็น ส.ส.ใหม่ที่ปัตตานีนั้น คงจะต้องทำตามนโยบายของพรรคเป็นหลัก  สำคัญที่สุด คือนำความเจริญเข้าสู่จังหวัดปัตตานี