เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 15 พฤษภาคม 2566 พ.ต.ท.ฉัตรชัย นวลจริง รอง ผกก.สอบสวน สภ.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร ได้แจ้งจากนายสุริยา เพชรเศรษฐ์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 19 ต.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ ว่าพบผู้เสียชีวิต 2 ราย อยู่ในคลองยายม่อน จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ ก่อนเดินทางมาตรวจสอบ พร้อม พ.ต.อ.มนต์ศักดิ์ ศรีสุวรรณ  ผกก.สภ.พะโต๊ะ พ.ต.ท.พรศักดิ์ มงคล รอง ผกก.สืบสวน สภ.พะโต๊ะ กำลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.พะโต๊ะ ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดชุมพร แพทย์ รพ.พะโต๊ะ และอาสากู้ภัย รพ.พะโต๊ะ


            โดยในที่เกิดเหตุ อยู่ในซอยบ่อน้ำอุ่น ห่างจากตัวอำเภอพะโต๊ะ ประมาณ 5 กม.เจ้าหน้าที่พบรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ125 สีแดง-ดำ ไม่ติดป้ายทะเบียน จอดอยู่บนถนนลูกรังซึ่งปกคลุมไปด้วยต้นหญ้า ใกล้กันพบรองเท้าสีดำแบบหูหนีบ จำนวน 1 คู่และสีชมพู อีก 1 คู่ กระเด็นอยู่คนละทิศละทาง เจ้าหน้าที่จึงได้กันพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้ญาติและชาวบ้าน เข้าใกล้ หวั่นจะทำลายหลักฐาน


            ส่วนผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย พบว่าอยู่ในลำธารน้ำ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำของคลองยายม่อน ทราบชื่อรายแรก เป็นหญิง ชื่อ น.ส.ณัฏฐาวรรณ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45/5 หมู่ที่ 3 ตำบลบางสวรรค์ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเหลือง กางเกงขาสั้นสีครีม สภาพนอนหงายอยู่บนโขดหิน ตามตัวมีตัวทาก ดูดกินเลือดอยู่จำนวนมาก


          ส่วนอีกราย เป็นเพศชาย ทราบชื่อคือนายบุญณรงค์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 หมู่ที่ 19 ต.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร สวมเสื้อยืดสีฟ้าแขนสั้น กางเกงวอร์มสีดำ สภาพใช้เชือกฟางสีชมพูผูกคอตายกับกิ่งไม้  เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมเก็บหลักฐานแล้ว นำศพทั้งสอง ขึ้นมาชันสูตรพบว่า ฝ่ายหญิงบริเวณศีรษะตรงบริเวณหน้าผากและขมับขวาเป็นแผลฉกรรจ์ ผมตรงกลางกระหม่อมหลุดขาด คล้ายถูกกระชาก จนหนังศีรษะฉีกเป็นแผล มีมดเกาะกัดกินเนื้ออยู่ ส่วนฝ่ายชายไม่พบร่องรอยถูกทำร้ายแค่อย่างใด ซึ่งทั้งสองร่างซีดขาวเนื่องจากเสียชีวิตมาไม่ต่ำ 8 ชม.


          สอบถาม นายสุริยา เพชรเศรษฐ์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 19 ทราบว่า เมื่อช่วงเช้า ตนเองได้รับแจ้งจากนายช้อย อัปสีรำ  ลูกบ้านซึ่งเป็นเจ้าของสวนซึ่งอยู่พื้นที่ด้านบนที่เกิดเหตุว่า เมื่อวานช่วงเย็นที่ผ่านมาได้ยินเสียงผู้หญิงร้องลั่นคล้ายเสียงทะเลาะวิวาทกัน ซึ่งตนเองไม่ได้สนใจ จนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้พบรถ จยย.จอดอยู่บนถนนเข้าสวน  จึงได้แจ้งมาที่ตนเองเพื่อให้เข้าไปตรวจสอบว่าเป็นรถใคร หรือว่าจะเป็นรถของคนร้ายได้ลักขโมยมา ตนเองจึงได้เข้าไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงก็ได้พบรถ จยย.คันดังกล่าว จอดอยู่ริมถนนใกล้พงหญ้า หลังจากนั้นก็ได้เดินดูตามถนน และสำรวจพื้นที่รอบๆเมื่อมองลงไปในลำธาร ก็พบผู้เสียชีวิตทั้งสองราย ตนเองจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบทันที


          ด้านนางชัญญศร อายุ 50 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 11 หมู่ 19 ต.ตะโต๊ะ  อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร ซึ่งเป็นแม่ของนายบุญณรงค์ ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ลูกชายเพิ่งจะกลับมาจากจังหวัดสุราษฯพร้อมกับลูกสะใภ้ โดยก่อนหน้านี้ทั้งสองคนจะไปๆมาๆระหว่างบ้านที่พะโต๊ะและบ้านที่สุราษฎร์ฯเนื่องจากลูกสะใภ้ทำงานอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ฯ ล่าสุดที่กลับมาคือกลับมาเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม โดยไปเลือกตั้งเมื่อช่วงเวลาประมาณ 14.00 น.เมื่อเลือกตั้งเสร็จทั้งคู่ก็ได้เข้ามาที่บ้านและได้กินข้าวก่อนที่จะบอกตนเองว่าจะเข้าไปตัดไม้ไผ่เพื่อไปโยงต้นทุเรียนในสวน โดยได้ขับ รถ จยย.ออกไปกัน 2 คน หลังจากนั้นตนเองก็ไม่ได้สนใจอะไร จนมาช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน ขณะที่ตนเองกำลังหลับอยู่ ก็ได้ยินเสียงรถ จยย.ของลูกชาย ขับเข้ามาที่บ้าน และไม่นานก็ขับออกไปอีก จนกระทั่งมาทราบอีกทีว่าลูกชายผูกคอเสียชีวิตอยู่กับภรรยาในคลองยายม่อนแล้ว ซึ่งตนเองไม่เชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์ณืขึ้นแบบนี้ เนื่องจากทั้งสองคนตั้งแต่อยู่กินกันมา 6 ปี ไม่เคยมีปากเสียง ไม่เคยทะเลาะกันเลย


            ในขณะที่ น.ส.นุชนาถ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/9 หมู่ 3 ต.สวรรค์ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี เป็นญาติสนิทของ น.ส.ณัฏฐาวรรณ ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนเองสนิทกับผู้เสียชีวิตทั้งคู่มาก เนื่องจากทั้งคู่มักจะใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยฝ่ายหญิงซึ่งไม่ร่ำรวยมาก แต่ก็อยู่ในเกณฑ์มีกินมีใช้ โดยฝ่ายชายจะไม่ทำอะไร จะค่อยส่งและรับฝ่ายหญิงไปทำงานบริษัทแห่งหนึ่งแถว อ.ตาพระยา จ.กระบี่ และหากช่วงหน้าทุเรียนทั้งสองจะใช้วันหยุด กลับมาจัดการสวนที่ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร ซึ่งตอนนี้จะมาโยงลูกทุเรียน ประกอบกับต้องมาเลือกตั้งด้วย และมีกำหนดฝ่ายหญิงกลับมาทำงาน คือเมื่อวานนี้ หลังมาลงคะแนนเลือกตั้งเสร็จ แต่ปรากฏว่าทั้งคู่ไม่ได้กลับมา และมารู้อีกทีก็ตอนทางแม่ของฝ่ายชายได้โทรศัพท์ไปบอกว่า น้องทั้งสองเสียชีวิตแล้ว จึงได้เดินทางมาดู


                ด้าน พ.ต.อ.มนต์ศักดิ์  ศรีสุวรรณ์ ผกก.สภ.พะโต๊ะ กล่าวว่า จากการชันสูตรพลิกศพ พบว่าฝ่ายหญิงได้ถูกทำร้ายด้วยของแข็งไม่มีคม เข้าบริเวณศีรษะ ส่วนฝ่ายชายไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกาย เบื้องต้นสันนิษฐานว่ามีการทะเลาะวิวาทกัน ฝ่ายชายน่าจะเกิดความหึงหวง จึงได้ลงไม้ลงมือกับฝ่ายหญิง เนื่องจากมีการดึงผมจนหนังศีรษะเปิด และมีศีรษะมีร่องรอยการถูกทำร้าย จนฝ่ายหญิงแน่นิ่งไป คาดว่าหลังก่อเหตุแล้วฝ่ายชายน่าจะขับรถกลับมาบ้าน โดยทิ้งศพฝ่ายหญิงไว้ แต่เกิดการสำนึกผิด จึงได้เอาเชือกฟางที่บ้านแล้วขับรถ จยย.ออกมาที่จุดก่อเหตุทำร้ายฝ่ายหญิงเสียชีวิต จอดรถ จยย.แล้วเดินลงไปในลำธาร ใช้เชือกผูกคอกับกิ่งไม้ตายตามใกล้กันดังกล่าง แต่อย่างไรก็ตามต้องรอการรวบรวมหลักฐานอีกครั้งเพื่อจะได้คลี่คลายคดีให้กับทางญาติได้พึ่งพอใจที่สุดต่อไป