เอกชนแสดงความยินดีรัฐบาลชุดใหม่ได้รับเสียงจากประชาชนจำนวนมาก มองเห็นภาพคนรุ่นใหม่บริหารประเทศ ฝากเร่งปฏิรูปกฎหมาย และนโยบายสวัสดิการต่างๆให้เศรษฐกิจกลับมาดีขึ้น 

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า ผลการเลือกตั้ง 2566 การเลือกตั้งครั้งนี้มีความชัดเจน โดยเฉพาะประชาชนตื่นตัวมาก ผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเกือบ 40 ล้านคน เกินกว่า 75% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 52 ล้านคน โดยสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือประชาชนทุกช่วงวัยตัดสินใจเลือกในส่วนของ 2 พรรคหลักเกินกว่า 50% ในระบบปาร์ตี้ลิสต์ แสดงให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปล อย่างไรก็ตามผลการเลือกตั้งพรรคก้าวไกลมีคะแนนเป็นอันดับ 1 ตามหลักการมีสิทธิที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ก่อน และครั้งนี้เห็นว่าหลายพรรคการเมืองออกมาประกาศเจตนารมย์ว่าจะให้เกียรติพรรคการเมืองลำดับ 1 เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลก่อน จึงต้องรอติดตามว่าหลังจากนี้กระบวนการจับมือตั้งรัฐบาลจะออกมาในลักษณะใด

ทั้งนี้ภาพการเลือกตั้งที่พรรคก้าวไกล ประสบความสำเร็จในวันนี้ ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าวันนี้พรรคก้าวไกลไม่ใช่พรรคการเมืองหน้าใหม่ในการเมืองไทย เพราะ 4 ปีที่ผ่านมา ได้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านและพิสูจน์บทบาทเชิงการเมืองมามากพอสมควร หากพรรคก้าวไกลสามารถจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสียงเข้มแข็งและเข้ามาบริหารประเทศ เชื่อว่าการทำงานของฝ่ายบริหารจะสามารถขับเคลื่อนต่อไป

สำหรับเรื่องนโยบายของพรรคแกนนำ และพรรคร่วมคงต้องรอติดตามว่า การจัดตั้งรัฐบาลจะประกอบไปด้วยพรรคการเมืองใดเข้ามาร่วมบ้าง ซึ่งคงต้องมีการพูดคุยและตกลงนโยบายของแต่ละพรรคก่อนแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งจะทำให้ภาคเอกชนได้เห็นนโยบายที่ออกมาชัดเจน แต่วันนี้หากดูจากพรรคที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลได้ก่อนอย่างก้าวไกล สิ่งที่ภาคเอกชนเห็นคงเป็นประเด็นเรื่องการเร่งปฏิรูปกฎหมาย และนโยบายสวัสดิการต่างๆ

ขณะเดียวกันในมุมมองภาคเอกชนมองว่า เป็นเรื่องปกติที่จะเห็นภาพคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ตัวอย่างหลายประเทศมีผู้นำที่เป็นคนรุ่นใหม่เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส แคนนาดา แต่สิ่งสำคัญคือ การผสมผสานคนที่มีความรู้ ความสามารถเข้ามาช่วยบริหารประเทศ เช่นเดียวกับภาพของธุรกิจที่วันนี้เราจะเห็นได้ว่ามีนักธุรกิจรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ

ทั้งนี้มีข้อสังเกตในการเลือกตั้งครั้งนี้คือ ไม่มีพรรคใดได้รับเสียงที่ชนะขาดแบบท่วมท้น ภาพของพรรคอันดับ 1 และอันดับ 2 ทิ้งห่างกันไม่มาก ความเป็นไปได้ที่พรรคอันดับ 1 จะจับมือกับอันดับ 2 หรือรูปแบบการจัดตั้งรัฐบาลในหลากหลายสูตรเป็นเรื่องที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่วันนี้ทุกภาคส่วนอยากเห็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ สามารถบริหารงานได้ต่อเนื่องไม่หยุดชะงัก ดังนั้นวันนี้สิ่งที่ภาคเอกชนอยากเห็นคือกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลที่รวดเร็วตามกรอบระยะเวลาของกฎหมาย เพราะทุกภาคส่วนจะได้เห็นหน้าตาของรัฐบาลชุดใหม่ รวมไปถึงชุดนโยบายต่างๆที่จะออกมาตามที่พรรคแกนนำจัดตั้งและพรรคร่วมได้ตกลงกันที่ก็จะมีความชัดเจน ซึ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประเทศได้เป็นอย่างมาก