วันที่ 15 พ.ค.66 นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลัง กกต. ปิดหีบเลือกตั้ง และนับคะแนนได้เกือบจะครบ 100% ว่า ขอแสดงความยินดีกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ได้รับคะแนนมาเป็นอันดับที่ 1 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคะแนนเสียงของฝั่งประชาธิปไตยเป็นผู้ชนะ
“เป็นหน้าที่ของพรรคก้าวไกลที่จะจัดตั้งรัฐบาล เพราะเราทำตามฉันทามติของประชาชน แต่โอกาสของพรรคเพื่อไทยในการจับมือกับพรรคก้าวไกลเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกรรมการบริหารพรรคเป็นหลัก เนื่องจากตนเป็นเพียงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเท่านั้น ”
ส่วนจำนวนตัวเลขของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยยังรวมกันไม่ถึง 376 เสียง จำเป็นจะต้องมีพรรคการเมืองที่สามเข้ามาร่วมหรือไม่ นายเศรษฐา เผยว่า ไม่ทราบ แต่หากฝ่ายใดรวมกันแล้วเกินกึ่งหนึ่งของ 500 เสียง ถือเป็นฉันทามติของประชาชน ตนขอวิงวอนและแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน ส.ว. ควรโหวตตามความต้องการของประชาชน
การลงพื้นที่พบปะประชาชนบอกกล่าวนโยบายของพรรคเพื่อไทย แต่ผลปรากฎว่าคะแนน ส.ส. ไม่เป็นไปตามเป้ารู้สึกอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้วิเคราะห์อะไร แต่เข้าใจว่าประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลง จึงต้องเคารพเสียงของประชาชน
"พรรคเพื่อไทยทุกคนทำงานเต็มที่ และมั่นใจว่าสิ่งที่เสนอประชาชนเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ต้องมาพูดคุยกันว่าสาเหตุที่ไม่ได้ส.ส. ตามเป้ามาจากอะไร แต่ก็ขอแสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกลด้วย" นายเศรษฐา กล่าว
นอกจากนี้นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงจุดยืนตนเอง ว่า ตนได้ก้าวเข้ามาจากภาคธุรกิจ มาฝ่ายการเมือง โดยมีจุดประสงค์ที่อยากจะช่วยเหลือประเทศชาติ จึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นนายกรัฐมนตรี ส.ส. หรือตำแหน่งสำคัญอะไร เพราะยังมีอีกหลายอาชีพที่ยังสามารถช่วยเหลือประเทศชาติได้ ต้องยอมรับกติกาและเสียงของประชาชน ซึ่งขณะนี้ส่วนตัวก็สบายใจขึ้นและดีใจ